Author Topic: “ไมเคิล ตั๋ง” ไม่ซีเรียสถูก “แน็ต พีรกร” แจ้งความข้อหายักยอกทรัพย์ ซัดรู้จักสันดานดี  (Read 1084 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“ไมเคิล ตั๋ง” ไม่คิดเอาความ  หลังถูก “แน็ต พีรกร” ผู้ที่อ้างว่าเป็นดีเจคลื่นลูกทุ่งชื่อดัง แจ้งความจับข้อหายักยอกทรัพย์ โดยอ้างว่านักก๊อบปี้ศิลปินชื่อดัง ได้นำรถของตนไปขายโดยไม่บอกกล่าว ด้านไมเคิล ซัดรู้จักสันดานอีกฝ่ายดี เพราะเป็นลูกน้องในวงบอกคู่กรณีแค่อยากดัง ด้านคนใกล้ชิดไมเคิลเผย อีกฝ่ายยืมเงินไปซื้อรถพร้อมทำสัญญาจึงจำเป็นต้องยึดเล่มทะเบียนไว้จนกว่าจะทำงานใช้หนี้หมด แต่คู่กรณีกลับเบี้ยวไม่จ่าย จึงจำเป็นต้องขายรถเพื่อตัดปัญหา
       
       เมื่อเวลา 14.00 น.ของวันนี้ (6 ก.ค.) หลังจากที่ นายภูมิพัฒน์ วงศ์ยาชวลิต หรือ แน็ต พีรกร ผู้ที่อ้างว่าเป็นดีเจคลื่นลูกทุ่งชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจลาดพร้าว โดยอ้างว่าถูก “นายรุ่งโรจน์ นิจรันธ์” หรือ “ไมเคิล ตั๋ง” นักลอกเลียนแบบนักร้องนักแสดงชื่อดัง นำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรลล่า สีดำ หมายเลขทะเบียน วร 8684 ของตนที่ซื้อมาจากเต็นท์รถย่านแฮปปี้แลนด์ ไปขายให้กับผู้อื่น ทั้งนี้โดยนำหลักฐานเป็นเอกสารสัญญาการซื้อขายรถยนต์ และคลิปเสียงการสนทนากับเจ้าของเต็นท์รถมามอบให้เป็นหลักฐาน
       
       โดยอ้างว่าได้ร่วมงานกับไมเคิล ตั๋ง ในฐานะคอสตูม ตั้งแต่กลางปีที่แล้วจนถึงเดือนมีนาคมและจากนั้นจึงขอเบิกเงินค่าจ้างเอามาก็ได้ซื้อรถ แต่เนื่องจากตนขอเบิกเงินเกินเกณฑ์ที่กำหนด ทางศิลปินชื่อดังจึงยอมให้เบิกได้แค่ครึ่งเดียว และได้ทำหนังสือเป็นสัญญาเงินกู้ไว้ จำนวนเงิน 2 หมื่นบาท โดยอีกฝ่ายยึดเล่มทะเบียนรถไว้จนกว่าตนจะทำงานใช้หนี้หมด ซึ่งในสัญญาระบุว่าแบ่งจ่ายทั้งสิ้น 7 เดือน เดือนละประมาณ 3,000 บาท ซึ่งก็ได้ชำระไป 2 เดือนแล้ว
       
       ส่วนที่อีกฝ่ายนำรถไปได้อย่างไรนั้น เจ้าตัวบอกว่าเป็นเพราะช่วงนั้นเป็นเทศกาลสงกรานต์ มีความจำเป็นต้องใช้เงิน จึงไปขอเบิกเงินกับคู่กรณีแต่อีกฝ่ายไม่ให้ เลยต้องนำรถไปจอดที่เต็นท์เพื่อเอาเงินส่วนต่างไป โดยทางเจ้าของเต็นท์รถได้ให้เงินมาจำนวน 15,000 บาท หลังจากนั้นตนได้กลับมาถามหารถที่เต็นท์ดังกล่าว ปรากฏว่าทางเจ้าของแจ้งว่ารถได้ขายไปแล้วโดยไมเคิล ตั๋งเป็นผู้ขายไป ซึ่งตนไม่ทราบว่าคู่กรณีคิดอะไรจึงได้เอารถไปขาย ทั้งๆ ที่หนังสือซึ่งสัญญาการซื้อขายนั้นเป็นชื่อของตน จึงคิดว่าการกระทำดังกล่าวนี้นี้เป็นการยักยอกทรัพย์
       
       หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวบันเทิงผู้จัดการได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง “ไมเคิล ตั๋ง” ศิลปินก๊อบปี้การแสดงชื่อดัง ผู้ถูกกล่าวหา โดยเจ้าตัวได้เปิดเผยว่า
       
       “สำหรับเรื่องคุณแน็ตไปแจ้งความผมนั้น ผมไม่ได้รู้สึกซีเรียสอะไรนะ ไม่เลย คนเลวแบบนี้ ไม่สนใจ แต่ถ้าจะยืนยันกันก็ได้ คือเขาทำงานกับผมในตำแหน่งคอสตูม แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำด้วยกันแล้วตั้งแต่เดือนเมษายน แต่เพราะเขาลางานวันที่ 13 ซึ่งเรามีงานวันนั้น แล้วผมก็บอกแล้วว่าผมทำงานไม่ได้นะถ้าไม่มีคุณ แต่เขากลับลางาน ผมก็เลยให้ลายาวเลย แต่ที่ไม่ได้ทำงานร่วมกันเป็นเพราะระบบงานนะ ไม่ใช่เรื่องรถ
       
       ความจริงจะฟ้องเขากลับได้เหมือนกัน ถ้าเขาไม่ยอมหยุดก็ไม่เป็นไร ผมหมดไปกับเขาเยอะแล้ว เขาพวกชอบสร้างกระแสอยู่แล้ว อย่างฟ้อง อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) หรือประท้วงสายัณห์ สัญญา คือเขาไปทำอะไรก็มาเล่าให้ผมฟัง ชอบมาอวด ผมรู้จักสันดานเขาดี เขาภูมิใจในความเป็นนักแสดงของเขามาก (หัวเราะ) ผมว่าเรื่องนี้เขาแค่อยากได้สื่อมากกว่า ผมก็อยากรู้นะว่าเขาจะเอาเรื่องอะไรมาฟ้องผม สุดท้ายก็มาเป็นเรื่องนี้ ยังไงเรื่องนี้ผมก็เป็นคนถูก คนอื่นรู้ว่านิสัยของไมเคิล ตั๋ง เป็นคนยังไง ผมเองไม่คิดจะต้องแถลงอะไรหรอกครับ”
       
       ด้านลูกน้องคนสนิทของศิลปินชื่อดังในฐานะพยานของเรื่องดังกล่าว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ ผ่านโทรศัพท์ต่อว่า
       
       คู่กรณีนั้นทำงานเป็นฝ่ายคอสตูมในวง โดยอีกฝ่ายบอกว่าอยากได้รถจึงได้ขอยืมเงินไมเคิล ก้อนแรกเป็นจำนวนเงิน 5 หมื่นบาท แต่ไม่ได้ทำสัญญาไว้เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจ และหลังจากนั้นไม่นานคู่กรณีก็ได้มาขอยืมเงินจากไมเคิลอีกจำนวน 2 หมื่นบาท อ้างว่าจะนำเงินไปปิดเล่มทะเบียน ซึ่งเงินจำนวนนี้ได้ทำสัญญากันไว้เป็นเวลา 7เดือน ซึ่งตนก็ได้เดินทางไปที่เต็นท์รถดังกล่าวด้วย และได้ทำการยึดเล่มทะเบียนไว้เพื่อเป็นหลักประกันว่าอีกฝ่ายจะต้องใช้หนี้ที่ยืมมาให้หมดเสียก่อน
       
       พอคู่กรณีได้รถไปแล้วนั้น กลับเงียบหาย ขอลางานบ่อย โดยอ้างว่าลูกป่วย หรือบางครั้งลาหยุดโดยไม่บอกกล่าว ซึ่งไมเคิลได้ส่งข้อความแกมประชดว่า ถ้าอยากลาก็ให้ลางานไปเลยหนึ่งเดือน และอีกฝ่ายก็เงียบหาย ไม่ยอมผ่อนชำระตามที่ได้ทำสัญญาไว้ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนอีกฝ่ายก็ติดต่อมาบอกว่าจะขอกลับมาทำงานใช้หนี้ที่ค้าง แต่ตั๋งไม่รับเข้าทำงานแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังต้องชำระหนี้เหมือนเดิม สุดท้ายก็ไม่จ่ายเงินอีก
       
       ภายหลังตนสืบทราบว่า แน็ตได้ไปหาเจ้าของเต็นท์รถดังกล่าวเพื่อเอารถมาจำนำไว้เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ อ้างว่ามีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งทางร้านได้ให้เงินไปจำนวน 15,000 บาท และเมื่อถูกถามถึงเล่มทะเบียนรถ คู่กรณีก็ยังอ้างว่าอยู่ที่ไมเคิล ตั๋ง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ต่างประเทศ ถ้ากลับมาจะนำเงินมาเคลียร์ให้ พอไมเคิลทราบเรื่องจึงได้ขายรถคันดังกล่าวเพื่อตัดปัญหา และที่อีกฝ่ายไปแจ้งความนั้น ตนอยากรู้ว่าศิลปินชื่อดังจะเอารถไปขายได้อย่างไรเพราะรถอยู่ที่กรณี และกุญแจก็ไม่มีสักดอก ส่วนเรื่องทรัพย์สินภายในรถที่อีกฝ่ายกล่าวอ้างนั้นตนไม่ทราบเรื่อง ต้องไปเคลียร์กับเจ้าของรถเอง และคิดว่าจากเรื่องดังกล่าวกลายเป็นว่าไมเคิลเป็นผู้เสียหายมากกว่าที่ต้องเสียเงินไปเกือบ 7 หมื่นบาท
       
       ทั้งนี้ แน็ต พีรกร หรือชื่อจริง นายภูมิพัฒน์ วงศ์ยาชวลิต เป็นผู้ที่เคยแจ้งความจับ “อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง” นักแสดงชื่อดัง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2553 ที่ สถานีตำรวจคันนายาว ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ กรณีดาราหนุ่มขึ้นกล่าวบนเวทีขณะรับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ในงานประกาศรางวัลนาฏราช เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 อีกทั้งยังเคยทำเรื่องสุดโต่งมา แล้วก่อนหน้านี้ โดยไปยืนถือป้ายผ้าประท้วงตัดรอนนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “สายัณห์ สัญญา” กลางงานศพ “ยอดรัก สลักใจ” จนกลายเป็นข่าวเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)