“บุ๋ม” ไม่สนคนด่า “ติ๊งโน้ต” ขี้เหร่ขั้นเทพ บอกถึงอย่างนี้สาวๆ ยังติดตรึมสุดเจ้าชู้ รับคนนี้โดนใจสุดๆ และเรียกแฟนเต็มปาก เปรยฝ่ายชายขอแต่งแต่พ่อตนไม่อนุญาต
ตั้งแต่พบรักครั้งใหม่กับหนุ่มอายุห่างกันกว่า 10 ปีอย่างหนุ่มนักบิดรถซูเปอร์ไบท์ รุ่น 1000 ซีซี “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” ดีกรีแชมป์ประเทศไทย เลยทำให้ตอนนี้อดีตนางสาวไทยอย่าง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ดูปิ๊งปั๊งสดใสขึ้นเป็นกอง แถมช่วงนี้ยังเห็นฝ่ายชายติดสอยห้อยตาม คอยเป็นบอดี้การ์ดให้บุ๋มอยู่ไม่ห่าง แต่พอมีการออกสื่อได้เห็นหน้าตากันมากๆ กลับมีเสียงเม้าท์มาว่าจัดเป็นผู้ชายที่ขี้เหร่ขั้นเทพเลยทีเดียว
“เขาใช้คำว่าขี้เหร่ขั้นเทพ ซึ่งคุณติ๊งโน้ตเขาก็อ่านในเน็ตนะคะ เพราะมีคนโทรมาถามเหมือนกันบอกว่าอย่าคิดมากนะ ก็มีคนโทรมาให้กำลังใจ ซึ่งบุ๋มว่าบุ๋มก็คบคนมาพอสมควร รู้จักคนมาเยอะ คนมาจีบบุ๋มก็พอสมควร มันทำให้เราเจอ เราเห็นคนมาเยอะมากเหมือนกัน"
"แล้วบุ๋มว่าบุ๋มคงดูคนเป็นพอว่าใครเป็นยังไง ถ้ามาเพื่อเป็นข่าวบุ๋มคงไม่คบ เหมือนสมัยก่อนที่เคยมีบางคนเข้ามาเพื่อเป็นข่าว หรือว่ามาจีบเราจริงแต่พอมีข่าวก็ไม่กล้า ไม่แมนพอ ไม่ยอมรับอีก อย่างนี้เราก็ไม่เอาถือว่าไม่ให้เกียรติ ถือว่าไม่แมนพอ”
“แต่คุณติ๊งโน้ตไม่ใช่ บุ๋มไม่ได้ดูแค่ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง แต่ดูหัวใจ เขาไม่ใช่อยู่แค่สุขเท่านั้น เขาอยู่ตอนเราทุกข์ด้วย แล้วเราเหนื่อยกับงานเขาก็เหนื่อยกับเรา ตอนเราไม่ไหว เราท้อหรือว่าเรามีปัญหาเขาก็อยู่ข้างๆ เรา แต่บางคนมาจีบก็จะคอยถามแต่ว่าเมื่อไหร่เลิกงาน ออกเดทกันไหม"
"ซึ่งตอนนั้นฉันเหนื่อยจะตาย แกทำไมไม่มาดูแลฉันบ้าง มันไม่ใช่ มันต้องร่วมทั้งทุกข์ทั้งสุขสิคนเราถ้าเกิดจะเป็นแฟนกัน ดังนั้นบุ๋มมองที่หัวใจและบุ๋มเชื่อว่าเราเลือกคนที่เขารักเรามากมันจะมีความสุขกว่า และเขาก็คอยพูดอยู่เสมอว่าเขารักเรามากกว่าที่เรารักเขา เขาพูดอย่างนี้เลยนะ”
บอกขนาดไม่หล่อแต่ก็ยังมีสาวติดตรึม..."ก็ยอมรับจริงๆ ว่าเขาก็ไม่ได้หล่อ เขาพูดว่าถึงแม้ผมไม่ได้หล่อ แต่หัวใจผมหล่อนะครับ เขาก็เอามาจากหนัง(หัวเราะ) ซึ่งบุ๋มก็เชื่อว่าหล่อไม่หล่อไม่รู้ แต่บุ๋มพอใจอย่างนี้ หล่อมากก็สาวๆ แย่งกันเราก็ไม่ชอบ นี่ขนาดบอกไม่หล่อๆ สาวยังแมสเสจมากันตรึม"
"ก็หึงสิจะไปเหลือเหรอ(หัวเราะ) บุ๋มขี้หึงจะตาย ไม่ต้องหล่อมากนักหรอก เดี๋ยวหล่อเยอะก็สาวเยอะ นี่ขนาดบอกว่าไม่หล่อๆ กันสาวยังมาตรึมเลย เราก็ถามตรงๆ ว่าสาวที่ไหน เขาก็บอกว่าคนที่เจอกันบ้าง แต่เลิกหมดแล้ว ตั้งแต่วันที่เจอบุ๋ม เขาก็เลิกคุยกับทุกคนหมดเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เขาก็มุ่งมาที่บุ๋มคนเดียว”
เผย ในอดีตก่อนคบกันแฟนหนุ่มเจ้าชู้มาก มีเมสเสจจากสาวๆ มาให้เห็นตลอด แต่พอคบกันจริงจังก็เลิกหมดทุกคน แต่ยอมรับว่ากลัวช่วงโปรโมชั่น และเผื่อใจไว้ เพราะยังไงก็ต้องรักตัวเองที่สุด...“ในอดีตเขาเจ้าชู้มากค่ะ เขาใช้คำว่ามาก เพราะเขาก็เคยบอกว่าชีวิตนี้เขาไม่เคยคิดที่จะหยุดกับใคร"
"แต่ก่อนหน้าที่จะคบกันไม่เคยเจอสาวๆ ของเขาหรอกนะ เจอแต่เมสเสจมากกว่า แต่หลังจากนั้นเขาก็พยายามเคลียร์ให้เห็นเลย มือถือกล้าวางให้เห็น บอกให้บุ๋มดู แต่บุ๋มไม่ดูหรอกขี้เกียจ แต่พอคบกันก็ไม่มีแล้วค่ะ วางโทรศัพท์ไว้คู่กันเลย อยากดูเมื่อไหร่ก็ดู คือเปิดใจกันมาก มีกันแค่ 2 คนก็พอแล้ว มันรู้สึกอิ่มก็พอแล้ว ซึ่งถามว่าหล่อไม่หล่อมันไม่เกี่ยวหรอก มันเกี่ยวกับหัวใจ บุ๋มคบกับเขาแล้วบุ๋มรู้สึกสบายใจจัง”
“แต่เอาจริงๆ เขาก็คงรู้สึกสะอึกๆ เล็กน้อย เพราะใครมาว่าเราอย่างนี้เราก็คงรู้สึกไม่ดีหรอก แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องมานั่งชมอะไร เขาก็ตลกๆ ของเขาไปว่าถึงผมไม่หล่อ แต่หัวใจผมหล่อนะครับ(ยิ้ม) แต่บุ๋มเชื่อนะเรื่องที่เขาเลิกเจ้าชู้แล้ว"
"เพราะเขาถึงขนาดเปิดตัวบุ๋มกับญาติๆ เขาทุกคน คุณพ่อ คุณแม่ เราก็สังเกตหลายอย่างนะว่าตาเขามองเราไหม และเขามองตัวเราตลอดเวลาว่าเราทำอะไร เสื้อผ้าจะลุกจะนั่งยังไง แค่บุ๋มเอาขาสะบัดตอนนั่งกินข้าวกัน แป๊บเดียวสเปรย์ฉีดยุงถึงขาแล้ว นี่คือสิ่งที่บุ๋มโอเค แฮปปี้”
“แต่ก็กลัวเหมือนกันว่าจะแค่ช่วงโปรโมชั่น(หัวเราะ) ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะที่คบกันนี่ก็จะ 5 เดือนแล้ว แต่เราก็ไม่ได้วางไว้หรอกว่าจะพ้นโปรเมื่อไหร่ เพราะถ้าเราผิดสังเกตปุ๊บจะหนีทันที บุ๋มเป็นโรคกลัวความรักที่เจ็บ แต่ทำไมกับคนนี้เราถึงได้ประกาศขนาดนี้ก็ไม่รู้ แปลกใจเหมือนกัน"
"ก็มีคนทักเหมือนกันว่าทำไมต้องคนนี้ มีหนุ่มบางคนจีบบุ๋มมา 3 ปี เขาโกรธมากเลยนะว่าทำไมเขาจีบเรามา 3 ปี แต่เราไม่เคยพูดถึงเขาออกสื่อเลย ซึ่งบุ๋มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วคุณจะมาบังคับฉันได้ยังไง ก็ในเมื่อมันใช่ฉันก็ใช่เอง แต่ถามว่าเผื่อใจไหม ก็เผื่อบ้างค่ะ แต่ก็ยังรักตัวเองมากที่สุดและยังดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเหมือนเดิม”
บอกความรักตอนนี้สุดแฮปปี้แฟนหนุ่มคอยตามรับตามส่งดูแลไม่ห่าง แถมยังพูดเรื่องแต่งงานแล้วด้วย แต่บอกยังไม่ได้รับการอนุมัติจากพ่อของตน เพราะกลัวว่าจะผิดหวังอีก
“ความรักตอนนี้ดีค่ะ(หัวเราะ) บุ๋มเชื่อว่าเวลาคนเรามีความรักมันทำให้รู้สึกตื่นเต้น รู้สึกกระตือรือร้นที่อยากจะดูแลตัวเองนิดนึง เชื่อเถอะพอผู้หญิงเรามีความรักมันมีอาดีนาลีนบางอย่างหลั่ง มีแรงฮึดสู้ เหนื่อยขนาดไหนมันก็ยังดูสดใสอยู่ ดังนั้นบุ๋มเชื่ออย่างนึงว่าคนเราเมื่อมีความรักมันดีที่สุดแล้ว วันนี้เขาก็มาด้วยค่ะ ช่วงนี้เขามาดูแลตลอด เขาจะคอยขับรถให้ เพราะว่าบุ๋มทำงานตั้งแต่ 6 โมงเช้าถ่ายละคร พอเสร็จก็วิ่งมางานต่อ เดี๋ยวต้องกลับไปถ่ายละครต่ออีก”
“คือบังเอิญช่วงนี้เขาแขนหัก(หัวเราะ) ก็เลยยังไปซ้อมแข่งรถไม่ได้ เขาก็เลยมีเวลามาอยู่กับเรา แต่บุ๋มเชื่ออย่างนึงว่าถ้าเกิดเขาแขนดีแล้ว กลับไปแข่งรถได้เหมือนเดิม ก็คงจะมีเวลาในส่วนตัวของเขาบ้าง เขาเป็นนักแข่งมืออาชีพของซูเปอร์ไบท์ ตัว 1000 ซีซี เขาเป็นแชมป์ 4 ถ้วยเมื่อปีที่แล้ว ก็คงด้วยความชอบที่เหมือนกันเลยทำให้เราคุยกันถูกคอด้วย"
"เพราะถ้าเกิดมาคุยกันแล้วผลปรากฎว่าพอเราจะไปขี่มอเตอร์ไซด์แล้วขอให้เราไม่ขี่ คือมันก็ไม่ใช่ เพราะก่อนที่ฉันจะเจอคุณฉันก็ขี่ของฉันมาตั้งนาน แล้วพอเจอคุณจะมาให้ฉันเสียสละเพื่อ มาห้ามในสิ่งที่ฉันชอบแสดงว่าคุณไม่ได้ชอบตัวตนของฉัน มันก็จะไปกันลำบาก แต่นี่ไม่มีห้าม แถมสอนเทคนิคให้อีก มันมาก(หัวเราะ) สนุกมาก ทำให้เราคุยกันรู้เรื่อง”
“คือมันไม่ใช่แค่เรื่องมอเตอร์ไซด์อย่างเดียว เรื่องของอาหารการกิน เรื่องของนิสัยส่วนตัว หลายอย่างมากที่เหมือนกัน หลายๆ อย่างบอกได้เลยว่าแทบไม่ต้องคุยอะไรกัน พูดเหมือนกัน ทำอะไรเหมือนกันด้วย แต่ถามว่ามองถึงอนาคตไหม บุ๋มยังไงก็ได้นะ เพราะบุ๋มมีความสุข แฮปปี้กับทุกวันนี้"
"แต่เขาก็พูดๆ อยู่ เขาก็เกริ่นๆ มาว่าเพื่อนเขาก็แต่งงานกันหมดแล้ว เราก็บอกว่าสำหรับเขาไม่เร็วไปเหรอ คือเรายังไงก็ได้เพราะเราแต่งไปแล้ว ลูกก็มีแล้ว พูดตรงๆ ว่าเราก็เฉยๆ จะแต่งไม่แต่งมันชิลล์มากตอนนี้ เพราะว่าเรามีความสุขกับการทำงาน เรามีความสุขกับชีวิตทุกๆ วันอยู่แล้ว เพียงแต่เขาก็คงอยากจะทำให้มันถูกต้อง”
“เขาก็บอกไม่เร็วหรอก เพื่อนเขาก็แต่งหมดแล้ว ซึ่งพอเขามาเจอเราเขาก็พร้อม เขาก็อยากมีครอบครัว ก็คุยๆ อยู่ค่ะ แต่พอลองไปแย๊บๆ คุณพ่อของบุ๋ม คุณพ่อไม่ยอมค่ะ(ทำหน้าเศร้า) พ่อคงรู้จักนิสัยบุ๋มดี บุ๋มเป็นคนรักใครแล้วรักมาก แกก็กลัวบุ๋มเจ็บ แกคงเห็นอะไรมาแล้วล่ะว่าบุ๋มเจ็บขนาดไหนกับสิ่งที่ผ่านมา แกรู้ว่าบุ๋มเจ็บมาก แต่หลายๆ คนอาจจะเห็นว่าบุ๋มเป็นสาวแกร่ง ไม่เศร้าหรอก แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งร้องไห้ให้คนอื่นเห็น แต่พ่อแกก็เห็นอะไรเยอะตรงนั้น”
“แต่พ่อเขาก็ให้คุณติ๊งโน้ตผ่านนะ เขาก็ดูไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคุยซีเรียสถึงขนาดแต่งงาน เพราะจริงๆ ตั้งแต่แต่งงานคราวแรกแกก็ไม่ค่อยยอมเท่าไหร่ เพราะบังเอิญมันมีอะไรบางอย่างเรื่องข่าวออกมา เราก็เลยเกรงใจเขา เพราะว่าเกรงใจสื่อ เกรงใจข่าว แต่ว่าตอนนี้เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว เขาก็เลยบอกว่าเราคิดได้แล้วล่ะ เราไม่ต้องกลัวแล้วว่าเราต้องแต่งเพราะสื่อหรือแต่งเพราะข่าวมันออกไปแล้วหรือว่าแต่งเพราะอะไร แต่แต่งเพราะเราอยากแต่งจริงๆ ค่อยแต่ง”
“แต่กับอันดามันเขาเข้ากันได้ดีมากค่ะ ไปๆ มาๆ จะติดเขามากกว่าติดบุ๋มด้วย(หัวเราะ) เพราะเขามีน้องสาว 2 คน แล้วเขาก็เล่นกับน้องเป็น ซึ่งบุ๋มเป็นลูกคนเดียว บุ๋มก็เล่นกับเด็กไม่ค่อยเป็น บุ๋มก็สไตล์แม่เลี้ยงลูก แต่ตอนนี้อันดามันเริ่มโตขึ้น แล้วเขาก็รักสัตว์เหมือนกัน เขาก็เลยคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งตอนนี้ก็ใช้คำว่าแฟนได้เต็มปากแล้วล่ะ เพราะบุ๋มก็เลือกดูอยู่คนเดียว บุ๋มไม่คุยกับคนอื่นเลย ไม่คุย ไม่บีบี เราสองคนวางบีบีไว้ด้วยกันเลย แล้วหัวบีบีเราก็ขึ้นรูปคู่ ดังนั้นทุกคนก็จะเห็นหัวบีบีว่าขึ้นรูปคู่กันตลอด”
บอกหลังจาก “ติ๊งโน้ต” เกิดอุบัติเหตุ ตนเลยย้ายให้มาอยู่ทีมเดียวกับตนซะเลย เพราะตอนนี้ตนก็มีทีมแข่งชื่อว่า “ปนัดดา เรซซิ่ง” อยู่แล้ว...“แต่ที่เกิดอุบัติเหตุนี่จากสนามสุดท้ายค่ะ แต่เขาก็ยังขี่ต่อนะ บ้าเลือดมาก เอาเข้าเส้นชัยจนได้ ซึ่งเราเป็นห่วงเขามากๆ"
"อย่างวันที่เขาเกิดอุบัติเหตุ เขาโดนยาสลบนะ แต่เขาก็ยังรอบุ๋ม พอบุ๋มไปถึงโรงพยาบาลเจอกันปุ๊บเขาก็หลับเลย แต่ตอนเรายังไม่ถึงเขาไม่หลับ คือผู้ชายคนนี้ให้ใจเราสุดๆ จริงๆ เพราะวันนั้นบุ๋มติดพิธีกรถ่ายทอดสดอยู่ที่ชลบุรี พอรู้ข่าวก็ตีรถกลับทันที ก็ดึกอยู่พอสมควร แต่ไม่ใช่ว่าทิ้งงานนะ ต้องงานเสร็จก่อน เพราะยังไงงานของบุ๋มความรับผิดชอบของบุ๋มต้องมาก่อน และอีกอย่างเขาก็อยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว เขามีคนดูแลอยู่แล้ว เราไปเร็วไปช้าก็ไม่มีผลหรอก เราก็เอางานของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง”
“คิดว่าปลายอาทิตย์นี้น่าจะถอดเฝือกแล้วค่ะ ก็ไม่ได้เตือนอะไรเขาหรอก เพราะเขาเป็นนักแข่งมาตั้งแต่ 7 ขวบ แต่รู้สึกวันนั้นเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้อาจจะไม่ได้ตรวจยางก็เลยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น มาปีนี้บุ๋มก็เลยจับมาอยู่ทีมบุ๋มเลย(ยิ้ม) รวมทีมกันเลย เพราะบุ๋มก็มีทีมแข่งของบุ๋มอยู่แล้ว"
"ก็เลยกลายเป็นว่าบุ๋มต้องลงไปทำการแข่งเต็มตัว มันมาก แข่งสนามแรกไปแล้วค่ะ เราได้มาหลายถ้วยมาก 6 ถ้วย ตอนนี้เป็นทีมใหญ่มาก เราแข่งระดับประเทศ ชื่อทีม “ปนัดดา เรซซิ่ง” และล่าสุดเราได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ของททท. แล้วก็กฟผ."
"ซึ่งเราทำให้กลายเป็นว่าการขี่สองล้อเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น เป็นอาชีพ เป็นสิ่งที่ทำแล้วต้องดูแลในเรื่องของความปลอดภัย เด็กๆ ที่มาขี่ในทีมบุ๋มต้องเรียนหนังสือ ไม่ยุ่งกับยาเสพติด ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีต่อเยาวชน หลายอย่างมาก”
ที่มา: manager.co.th