Author Topic: “เฮียฮ้อ” เรียกประชุมก่อนตัดเชือกปลด “ฟิล์ม” พ้นหนังบางกอกกังฟู  (Read 1789 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

“เฮียฮ้อ” เรียกประชุมผู้กำกับหนังบางกอกกางฟู ก่อนมีมติปลด “ฟิล์ม” เพราะไม่สามารถรอให้ข่าวคลี่คลายได้ เนื่องจากหนังเตรียมเข้าฉายต้นปี และฟิล์มเองก็ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำงาน
       

       
       แม้บอสใหญ่ของอาร์เอสอย่าง “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” จะออกมาเผยว่า พร้อมคืนงานทุกอย่างให้กับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” แล้วก็ตาม แต่ล่าสุด “โด่ง องอาจ สิงห์ลำพอง” ผู้อำนวยการผลิตและปฏิบัติงานสายการตลาดของอาร์เอส ได้ตัดสินใจตัดนักร้องหนุ่มออกจากภาพยนตร์เรื่อง “บางกอกกังฟู” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
       “สำหรับงานหนังเรื่องบางกอกกังฟู ผมได้ประชุมกับคุณสุรชัย เมื่อวันศุกร์ก็ได้ผลสรุปว่า เราจะถอนตัวละครของฟิล์มออกจากเรื่องนี้ไป แล้วในขั้นตอนต่อไปเราก็พยายามที่จะคุยกับ คุณต้อม ยุทธเลิศ ในฐานะคนเขียนบทด้วย ก็คงต้องเขียนบทขึ้นมาใหม่ แก้ไขบท ดูว่าทิศทางมันจะไปทางไหน ก็จะคุยประชุมกันอีกทีก็คงอีก 2 วัน”
       
       “ที่ต้องถอดฟิล์มออกก็ต้องเข้าใจก่อนว่าเรื่องนี้มีนักแสดงค่อนข้างเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็น คุณเป้ อารักษ์ คุณมาริโอ้ อะไรก็แล้วแต่ และทุกคนมีคิวที่ให้มาค่อนข้างจำกัดนะครับ และเราก็ต้องรีบทำงาน เพราะเรามีกำหนดฉายช่วงต้นปีหน้า และถ้าเกิดเรารอฟิล์ม หรือว่ารอกระแสสังคมอะไรก็แล้วแต่ให้มันคลี่คลายไปในทางที่ดี ผมคิดว่างานของภาพยนตร์ในส่วนนี้มันไม่สามารถรอได้”
       
       “แต่เราไม่ได้มองที่ข่าวเลยนะครับ คือ เรื่องนี้มันเป็นหนังแอกชันด้วย สภาพความพร้อมของทั้งร่างกายและจิตใจก็ต้องพร้อมนิดนึง เพราะว่าต้องทำงานกับคนเยอะ เราก็เลยรู้สึกว่าอยากให้น้องเขาสบายมากกว่านี้ก่อน เพราะจริงๆ แล้วเรามีโปรเจกต์ให้เขาอีกหลายเรื่องนะครับ ผมว่าเรื่องนี้แค่เรื่องเดียว และยังสามารถรันโปรเจกต์อื่นให้มันสามารถเดินไปได้ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ คือ เราคิดกันรอบคอบแล้วครับ คือ ถ้าผมจะถอดเพราะเรื่องข่าวเราก็คงคุยกันตั้งแต่วันแรกแล้วครับ มันไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับกระแสข่าวหรืออะไร แค่รู้สึกว่างานมันจะต้องเดินต่อและอยากให้เขาพร้อมจริงๆ น่ะครับ”
       
       เผยได้บอกเรื่องนี้กับเจ้าตัวไปแล้ว และก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร เพียงแต่ก็รับรู้ว่ามีอาการเครียดอยู่ตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องมา
       
       “เรื่องนี้เราได้พูดคุยกับน้องไประดับนึงแล้วนะครับ น่าจะเมื่อวานซืน แต่พอหลังจากนั้นก็ยังคุยกันอยู่นะครับ เมื่อวานก็เพิ่งพูดคุยกันก็ปกติดี เราก็คุยกันเกือบทุกๆ วันนะครับ เขาก็ดีขึ้นทุกๆ วัน เขายังพูดเล่นได้ แต่เรื่องเครียดคงมีแหละครับ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเขาไม่เคยพูดน้ำเสียงใสๆ เลยครับ น้ำเสียงเหมือนคนเสียใจอยู่ตลอด แต่พอเราได้รับรู้ว่าหลังๆ เขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ก็ยังดูเหมือนว่าปกตินะครับ”
       
       “ตอนที่บอกเขาไปผมว่าเขาก็คงพอจะรับรู้ในระดับนึงแล้วล่ะครับว่างานมันต้องเดินต่อ เพราะเขาเคยพูดเคยถามเหมือนกันว่าถ้ามีปัญหาจะเปลี่ยนเขาไปก่อนมั้ย แต่ตอนนั้นผมก็ยืนยันว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับข่าว เราอยากทำงานด้วยกัน แต่พอถึงจุดๆ นึงที่เรารอเขาไม่ได้แล้วก็คงต้องคุยกันตรงๆ”
       
       บอกที่ไม่เอาคนอื่นมาเสียบแทน เพราะอยากให้เกียรติ “ฟิล์ม” และนักแสดงคนอื่นด้วย พร้อมยืนยันเตรียมโปรเจกต์งานชิ้นต่อๆ ไปไว้ให้กับนักร้องหนุ่มแล้ว
       
       “ที่เราไม่เอานักแสดงคนอื่นเข้ามาแทนฟิล์ม เพราะว่าเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว และผมก็ให้เกียรติตัวฟิล์มด้วย และผมมองว่าถ้าเกิดเอาใครมาเสียบก็คงไม่ดีกับคนที่มาเล่นใหม่ และสำหรับตัวฟิล์มผมก็รู้สึกว่าเขาก็คงรู้สึกไม่ดี ในมุมของผมก็รู้สึกว่าคงจะขอไม่เล่าถึงตัวละครตัวนี้ซะเลยแค่นั้นเอง ถ้าเกิดสมมติว่าถ้าเกิดเราแก้บทแล้วเรามีตัวละครเพิ่ม ผมคิดว่าตัวนั้นจะเป็นตัวละครใหม่ซึ่งเป็นชีวิตใหม่ที่จะเข้ามาในเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ชีวิตของฟิล์มที่ตัวละครที่ฟิล์มจะรับผิดชอบครับ”
       
       “ที่เขาเป็นอย่างนี้มีส่วนเรื่องการโดนถอดมั้ยเหรอ ผมว่ามันเป็นเรื่องของสภาพจิตใจน่ะครับ ผมว่าอาจจะมีเรื่องของที่เขาไปรับรู้เรื่องอะไรมาหลายๆ ทาง แต่ผมว่าเขาคงเครียดสะสมแหละ อาจจะไม่ได้นอนมานานๆ หลายๆ คืน เพราะเขาเป็นคนนอนน้อย ร่างกายมันก็เลยอาจจะรับไม่ค่อยได้ แล้วได้ยาจากพี่จิ๊กไปก็เลยคิดว่าร่างกายอาจจะปรับตัวไม่ทัน จริงๆ แล้วผมก็คิดว่าเป็นแค่ยาคลายเครียด แต่พอร่างกายอ่อนแอมากๆ มันก็เลยทำให้รู้สึกต่อต้านอาจจะเป็นลักษณะนั้น”
       
       “โปรเจกต์ต่อไปของฟิล์มก็มีทั้งหนังและละครนะครับ มีหนังเรื่องนึง ละครอีกสองเรื่องที่วางเอาไว้ แต่ถามว่าพอมา ณ ปัจจุบันนี้ยังเป็นเขาอยู่มั้ย ก็ยังเป็นอยู่ ก็ยังเขียนบทต่อไป เพียงแต่ว่าเรื่องนี้มันรันกันไปแล้ว เราหยุดกันมาตั้งเดือนกว่าแล้ว ผมรู้สึกว่ามันต้องเดินหน้าต่อ ก็เลยขอให้ถอดตัวละครตัวนี้ออกก่อน แต่อาร์เอสยังมีงานให้ฟิล์มต่อไปแน่นอนอยู่แล้วครับ”
       
       ด้านของดาราหนุ่ม “แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม” เพื่อนซี้ของหนุ่ม “ฟิล์ม” ที่เดินทางมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล เผยว่า ตนรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้มาก แต่เชื่อแน่นอนว่าเพื่อนไม่ได้คิดสั้นแน่นอน
       
       “ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยมฟิล์มเลยครับ แต่ได้พูดคุยกับพี่ชายเขาแล้วครับ เขาบอกว่าตอนนี้ยังเบลอๆ อยู่ ยังพูดอะไรไม่ได้มากครับ ก็เห็นว่าคุยได้แป๊บนึงแล้วเขาก็หลับต่อ แต่เขารู้เรื่องแล้วครับ แต่ตอนนี้ยังห้ามเยี่ยม แต่หายห่วงรึยังผมไม่แน่ใจนะ ผมว่า 50/50 คือเขารู้ตัวแต่ก็เหมือนไม่รู้ตัว เบลอๆ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า เพราะเราเองก็ยังไม่เห็นกับตาด้วยครับ”
       
       “สำหรับผมกับฟิล์มเวลาเราพูดคุยกันเราจะไม่ถามถึงเรื่องข่าวครับ เราจะถามว่ากินข้าวหรือยัง เป็นยังไงบ้าง อยู่ไหน จะถามเรื่องพวกนี้มากกว่า คือเขาก็เป็นเพื่อนเราคนนึงนะครับ ตอนนี้เป็นอย่างนี้ก็ห่วงมากๆ ครับ แต่บางครั้งผมก็พูดว่าใจเย็นๆ ค่อยคิดค่อยๆ พูด แต่เมื่อวานนี้เราไม่ได้คุยกันครับ เพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาผมว่าข่าวมันซาๆ ลงแล้วก็เลยไม่ได้โทร.คุยอะไรกัน แต่เพิ่งมารู้ตอนเช้าก็เลยรีบมา ก็ตกใจครับ กลัวว่าจะเป็นอะไรรึเปล่า”
       
       “แต่ทุกวันนี้เราคุยโทรศัพท์กันมากกว่า ไม่ค่อยได้เจอกันหรือคุยอะไรกันมาก แต่น้ำเสียงเท่าที่คุยก็มีเศร้าบ้าง มันแล้วแต่บรรยากาศของตอนที่โทร.ไปครับ คือ ทุกคนที่คุยกับฟิล์มก็จะเตือนเขานะครับว่าค่อยๆ คิดค่อยๆ หาหนทางออก แต่ด้วยงานของเขา และเขาต้องดูแลครอบครัวของเขาด้วย เขาก็คงคิดอะไรเยอะแยะกว่าคนอื่นเขา เขาก็เลยอาจจะเป็นคนที่คิดมากกว่าคนอื่น เพราะเขาต้องทำงานด้วย เลี้ยงครอบครัวด้วย เขายังต้องทำอะไรอีกเยอะแยะมากมาย เขายังมีธุรกิจอะไรอีกก็ต้องคิดเยอะอยู่แล้วครับ”
       
       “แต่เรื่องฆ่าตัวตายไม่แน่นอนครับ เพราะฟิล์มเป็นคนคิดไกลกว่านั้น เขาไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอกครับ แต่เขาก็ไม่เคยมาถามหายานอนหลับกับผมนะครับ แต่สำหรับเรื่องนี้ผมและประชาชนทุกคนก็คงคิดเหมือนกันว่าถ้าอยากให้มันจบก็เอาให้รู้ผลไปเลยครับว่าเป็นยังไง เพราะทุกคนก็อยากรู้ว่าละครเรื่องนี้จะจบยังไง มันไม่ใช่ซีรี่ส์เกาหลีนะครับ คือ ทุกคนไม่ใช่ว่าผมไม่ใช่ว่าใครก็อยากรู้ความจริง ยิ่งยื้อไปอย่างนี้จะยิ่งไม่จบ ผมว่าถึงปีหน้าแหละ”
       
       “ถามว่า สงสารเพื่อนมั้ย สงสารมาก แต่จริงๆ ผมก็สงสารทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าอยากให้จบก็ควรทำอะไรสักอย่างให้มันจบๆ อย่ามายื้อแบบนี้ครับ เห็นใจผู้หญิง และที่สำคัญเห็นใจเด็กด้วยครับ คือผมอยากให้มันจบทุกอย่าง ทุกคนจะได้ทำงานต่อ จะได้มุ่งหน้าต่อ ผมต้องการความชัดเจนแค่นี้ครับ แต่ผมไม่อยากพูดอะไรมาก ขอระบายทีหลังดีกว่า (หัวเราะ)”
       

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)