Author Topic: ตลาดสตอเรจไทยยังรุ่ง เน็ตแอพใช้โซลูชั่นคุ้มค่าบุกตลาด  (Read 1143 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Reporter

  • Moderator
  • Gold Member
  • *
  • Posts: 1093
  • Karma: +8/-0
  • Gender: Male
    • ซ่อมคอมเชียงใหม่

เน็ตแอพ เผยกลยุทธ์นวัตกรรมสตอเรจที่ไม่เหมือนใครในตลาด กิจกรรมการตลาด รวมถึงการขยายพาร์ตเนอร์ สามารถมัดใจองค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ได้อยู่หมัด มั่นใจยอดขายเติบโต 60% ต่อเนื่อง หลังเข้าทำตลาดไทยแค่ 3 ปี
       
       จากรายงานการสำรวจตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปี 2551 ที่ทางสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือซิป้า และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค ระบุว่า ตลาด External Data Storage มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,360 ล้านบาท เติบโตจากปี 2550 ประมาณ 3% โดยกว่า 55% เป็นตลาดของ Enterprise Storage มีสาเหตุหลักมาจากการที่ผู้ประกอบกิจการโดยเฉพาะภาคเอกชน เช่น ธุรกิจธนาคาร สถาบันการเงิน กิจการโทรคมนาคม โรงพยาบาล ฯลฯ ต้องการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เสียง ไฟล์วิดีโอ เพื่อลดปริมาณกระดาษและพื้นที่ในการจัดเก็บเอกสาร จึงมีความจำเป็นต้องซื้อสตอเรจเพิ่มขึ้น
       
       นอกจากนี้ มาตรการและกฎระเบียบต่างๆ เช่น การประกาศใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2550 กำหนดให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต้องจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่า 90 วัน หรือการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศแผนงานการใช้มาตรฐานเช็คและมาตรฐานภาพเช็ค หรือ Image Friendly & Image Cheque Clearing System ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้มูลค่าตลาดสตอเรจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
       
       ทำให้ตลาดสตอเรจจึงกลายเป็นตลาดที่ยังมีกระแสการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับสภาพตลาดฮาร์ดแวร์อื่นที่บริษัทเอกชนต่างมีท่าทีที่ชะลอการสั่งซื้อหรือลงทุนในช่วงปีนี้ ส่งผลให้บริษัททางด้านสตอเรจต่างประกาศตัวลงทำศึกในตลาดนี้อย่างจริงจัง มีการเสริมทั้งทีมงาน กิจกรรมการตลาด รวมถึงการนำเสนอโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
       
       บริษัท เน็ตแอพ (ประเทศไทย) จำกัด นับเป็นอีกบริษัทหนึ่ง ที่ถึงแม้จะเพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจังเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่า มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วบริษัทหนึ่ง
       
       'อัตราการเติบโตของเน็ตแอพในภูมิภาคอาเซียนในไตรมาสที่ผ่านมา เติบโตขึ้นประมาณ 15% ในขณะที่ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 64% ซึ่งเน็ตแอพมีอัตราการเติบโตในทำนองนี้มาตลอด 3 ปีที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย' วีระ อารีรัตนศักดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เน็ตแอพ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังถึงความสำเร็จของเน็ตแอพในตลาดเมืองไทยทั้งๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาด
       
       มูลเหตุที่ทำให้เน็ตแอพประสบความสำเร็จในประเทศไทยนั้น ผู้บริหารของเน็ตแอพ ประเทศไทยระบุว่า เน็ตแอพมีความพร้อมทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่มีการนำเสนอถึงลูกค้าในรูปแบบโซลูชั่น ทำให้การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานได้เหมาะสมกับทุกๆ องค์กร
       
       'ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ลูกค้าของเน็ตแอพจะได้รับฟีเจอร์ที่เหมือนกัน ทำให้ลูกค้าสามารถค่อยๆ ขยายการลงทุนสตอเรจได้ตามความต้องการ ไม่จำเป็นต้องลงทุนระบบเผื่อเอาไว้ ทำให้การลงทุนมีความคุ้มค่ามากที่สุด'
       
       ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำตลาดสตอเรจของเน็ตแอพมีด้วยกัน 2 แฟมิลี่ ประกอบไปด้วย วี แฟมิลี่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบสำหรับบริษัทองค์กรนำไปใช้งานร่วมกับสตอเรจที่มีอยู่แล้ว กับ แฟส แฟมิลี่ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับบริษัทที่เลือกใช้เน็ตแอพเป็นผลิตภัณฑ์หลัก โดยมีระบบปฏิบัติการ Data ONTAP ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ทางเน็ตแอพพัฒนาขึ้นโดยมีความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด และยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ อาทิ ยูนิไฟล์ สตอเรจ เซิร์ฟเวอร์ เวอร์ชวลไลเซชั่น แบ็กอัพข้อมูล ฯลฯ
       
       'จุดเด่นของผลิตภัณฑ์เน็ตแอพอยู่ตรงที่ว่า เน็ตแอพมีโอเอสที่มีนวัตกรรมแบบยูนิฟายสามารถรองรับการเชื่อมต่อได้ทุกแบบ และเน็ตแอพยังมีโซลูชั่นการบริหารข้อมูลมาให้ด้วย ทำให้เน็ตแอพมีความแตกต่างจากบริษัทสตอเรจที่มีอยู่ในตลาดเวลานี้ เรียกว่า เรามีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์'
       
       วีระ กล่าวอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ ทางเน็ตแอพได้ทำการเปิดศูนย์ที่เรียกว่า เน็ตแอพ อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ หรือเอ็นไอซี แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนที่ประเทศสิงคโปร์โดยใช้งบประมาณกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งศูนย์ดังกล่าวเป็นเสมือนโชว์รูมทางด้านเทคโนโลยีสตอเรจที่ลูกค้าของเน็ตแอพสามารถเข้ามาดูโซลูชั่นต่างๆ ที่รันแอปพลิเคชั่นของค่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์ วีเอ็มแวร์ ออราเคิล เอสเอพี และไซแมนเทค
       
       'ศูนย์ดังกล่าวจะทำให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีสตอเรจที่สนับสนุนความต้องการการจัดการดาต้าสตอเรจทางธุรกิจแบบเรียลไทม์ และยังใช้เป็นศูนย์ทดลองและสาธิต พร้อมโชว์ประสิทธิภาพของโซลูชั่นของพารท์เนอร์ให้กับลูกค้าในภูมิภาคนี้'
       
       สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นของเน็ตแอพในประเทศไทยประกอบไปด้วย ธุรกิจทางด้านการเงิน ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธาณูปโภค และภาครัฐ
       
       วีระ กล่าวว่า ทั้ง 4 ตลาดนี้ถือเป็นตลาดเป้าหมายของเน็ตแอพ โดยมีเป้าหมายที่จะขยายฐานตลาดโดยเฉพาะบริษัทในระดับเอนเตอร์ไพรซ์มากขึ้น โดยมีแผนที่จะตั้งตัวพาร์ทเนอร์ในระดับโกลด์เพิ่มขึ้นอีก 1 ราย เข้ามาเสริมการทำตลาดจากเดิมที่มีพาร์ตเนอร์ช่วยทำตลาดอยู่แล้ว 3 ราย
       
       'เรากำลังปรับช่องทางการขายจากที่ผ่านพาร์ทเนอร์ 100% ให้มีขอบเขตกว้างขึ้น โดยคลุมตั้งแต่ระดับล่างถึงบน แต่จะเน้นหนัก เอนเตอร์ไพรส์ เป็นพิเศษในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เพราะเรารู้ดีกว่า ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี องค์กรใช้งบยากขึ้นแต่ความจำเป็นของการใช้ข้อมูลมันหยุดไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่จะเป็นจุดตัดสินใจคือ ความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่เราเน้นหนักมานาน'
       
        วีระ กล่าวถึงกลยุทธ์ทางด้านการตลาด ซึ่งเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่เน็ตแอพจะช่วยเสริมให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นในตลาดได้ว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เปิดตัวโซลูชั่นใหม่เพื่อช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงดาต้า เซ็นเตอร์ ให้มีสมรรถนะการทำงานที่สูงขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย พร้อมประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น ด้วยการนำเสนอโปรแกรมพิเศษ '50% Less Storage Guarantee' การันตีลูกค้าลดการใช้สตอเรจ 50% เมื่อเทียบกับสภาพการทำงานแบบเดิม ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเป็นผู้ผลิตสตอเรจรายแรกที่มีการ access ข้อมูลผ่าน Fibre Channel over Ethernet รวมไปถึงการประกาศความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ในโปรแกรม NetApp GetSuccessful Partner Enablement Program เพื่อช่วยให้พาร์ตเนอร์ประสบความสำเร็จในการขาย

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)