ในไตรมาสที่สองของปีที่เพิ่งผ่านไปนี้ แวดวงอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนทั่วโลกสามารถทำยอดการส่งออกได้ถึง 60 ล้านเครื่อง หรือมีอัตราโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 43 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
โดยกลุ่มนักวิจัยจากสถาบัน Strategy Analytics ได้รายงานผลสถิติการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก พบว่า มีอัตราเพิ่มขึ้น 43 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน โดยจากการวิเคราะห์และศึกษาการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากแรงสนับสนุนจากผู้ให้บริการ, การแข่งขันกันที่ค่อนข้างสูงระหว่างตัวแทนจำหน่าย และมีการเพิ่มทางเลือกให้สมาร์ทโฟนมีราคาย่อมเยาว์มากยิ่งขึ้น โดยการเปลี่ยนมาใช้ระบบปฏิบัติการ Android และ Symbian ซึ่งเมื่อเทียบกับตัวเลขการส่งออกโทรศัพท์ทุกประเภทในไตรมาสที่ผ่านมานั้น พบว่า สมาร์ทโฟนมีอัตราการส่งออกคิดเป็น 19 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด โดยมี 3 ค่ายยักษ์ใหญ่ที่คอยคุมตลาดอยู่ อันได้แก่ Nokia, RIM และ Apple โดยในไตรมาสที่ผ่านมา Nokia มีส่วนแบ่งตกลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 40.3 เปอร์เซ็นต์ จาก 40.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อปี 2009 ในขณะที่ RIM ก็มีส่วนแบ่งตกลงมาเล็กน้อยด้วยเช่นกัน จาก 19.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อปีก่อน มาอยู่ที่ 18.8 เปอร์เซ็นต์ และสุดท้าย Apple ที่กลับมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 12.5 เปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 14.1 เปอร์เซ็นต์ โดยถึงแม้ Nokia จะครองตลาดทั่วโลกได้เป็นส่วนใหญ่ แต่จากข้อมูลสถิติกลับพบว่า จ้าวผู้ครองตลาดสมาร์ทโฟนทางฝั่งอเมริกาเหนือและใต้กลับเป็น RIM ทางด้าน Apple ก็ไม่น้อยหน้า พยายามที่จะพัฒนา iPhone ของตนให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยเพิ่งมีการเปิดจำหน่าย iPhone 4 ไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ก็ต้องประสบกับปัญหาการใช้งานที่ถือได้ว่าหนักหนาเอาการกว่าทุกครั้งที่เคยเจอมา
Source : CNET
ที่มา: pantip.com