Author Topic: ดูดไขมัน...ทางเลือกสำหรับการกระชับส่วนอย่างได้ผล  (Read 254 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline guupost

  • Platinum Member
  • ****
  • Posts: 5526
  • Karma: +0/-0



ดูดไขมัน...ทางเลือกสำหรับการกระชับส่วนอย่างได้ผล
รู้จักการดูดไขมันวิธีต่างๆ เพื่อการกระชับสัดส่วน ออกแบบรูปร่างได้ดั่งใจ และหลักการปฏิบัติเพื่อให้คงรูปร่างดีไว้ได้นานๆ

เทรนด์ของการดูแลรักษาสุขภาพทั้งภายในและภายนอกเป็นที่นิยมในปัจจุบัน หลายท่านจึงอยากจะมีรูปร่างและสัดส่วนที่ดี แต่ในบางท่านอาจมีปัญหาไขมันสะสมจำนวนมาก และไม่ว่าจะบริหารร่างกายเท่าไรก็ไม่สามารถลดลง หรือกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้ แม้จะคุมอาหารแล้วไขมันก็ยังไม่สลายไป การดูดไขมันจึงเข้ามาเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างดี

การดูดไขมันคืออะไร?
การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นเทคนิคการศัลยกรรมรูปร่างเพื่อนำไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ไม่ต้องการออก การดูดไขมันนั้นช่วยลดปริมาณไขมันที่เกิดจากการสะสมตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นไขมันที่สลายได้ยาก

แต่สิ่งที่คุณ ๆควรรู้คือ การดูดไขมันไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก เป็นเพียงแค่การปรับรูปร่าง สัดส่วน ให้ออกมาเป็นตามที่ต้องการ ดังเช่น ในกรณีผู้หญิงที่ต้องการมีส่วนเว้า ส่วนโค้ง เห็นเอวคอด บั้นท้ายเล็กลง ก็สามารถดูดไขมันช่วงหน้าท้องหรือต้นขาได้ ในผู้ชายอาจต้องการลดไขมันหน้าท้องเพื่อให้เห็นซิกซ์แพ็ก หรือกล้ามเนื้อท้องที่ชัดเจนขึ้น ก็สามารถใช้การดูดไขมันหน้าท้องช่วยได้เช่นกัน

สามารถดูดไขมันส่วนไหนได้บ้าง?
หลักๆ แล้ว คนส่วนใหญ่นิยมดูดไขมันบริเวณ เหนียง ต้นแขน หน้าท้องบน-ล่าง คาง สะโพก ขา ก้น แต่ที่จริงสามารถดูดไขมันได้ทุกส่วนของร่างกาย ดังภาพประกอบด้านล่าง

การดูดไขมันมีวิธีไหนบ้าง?
ในปัจจุบัน วิธีดูดไขมันที่นิยมกัน เช่น ดูดไขมันแบบ Vaser ดูดไขมันแบบ Bodytite และการดูดไขมันแบบ Water Jet โดยแต่ละวิธีมีรายละเอียดดังนี้
1. การดูดไขมันแบบ VASER
การดูดไขมันแบบ Vaser คือการใช้เครื่องมือที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ในการสลายไขมัน เป็นเครื่องรุ่นแรกที่พัฒนามาก่อนการดูดไขมันแบบอื่นๆ กระบวนการคือ แพทย์จะทำการฉีดน้ำเกลือที่มีส่วนผสมของยาชาไปยังตำแหน่งที่จะการดูดไขมันส่วนเกินออก จากนั้นกรีดผิวหนังและสอดเครื่องมืออุปกรณ์เล็กๆ โดยจะใส่เข้าไปใต้ผิว แล้วเครื่องมือจะปล่อยคลื่น Ultrasound จากระบบหัวฉีด Vaser ที่มีหัวฉีดขนาดเล็กมาก ประมาณ 3 มิลลิเมตรเท่านั้น คลื่นนี้จะช่วยย่อยไขมันให้อ่อนนิ่มและเหลวมากขึ้น จนละลายออกมาปนอยู่ในน้ำเกลือที่เราฉีดเข้าไปก่อนหน้านั้น ต่อจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการดูดไขมันต่อไป
จุดแข็งของการดูดไขมันแบบ Vaser คือ สามารถดูดไขมันได้ในปริมาณมาก เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันส่วนเกินที่กำจัดยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนหน้าท้อง สะโพก ต้นขา ถึงจะดูดได้มาก แต่ไม่ช่วยกระชับผิวหลังทำเสร็จ ควบคุมพลังงานความร้อนยากกว่า และค่อนข้างเจ็บกว่าการดูดไขมันแบบอื่น

2. การดูดไขมันแบบ BodyTite
การดูดไขมันแบบ BodyTite เป็นวิธีที่พัฒนาหลังจากเวเซอร์ราวๆ 7 ปี การดูดไขมันเช่นนี้จะใช้เทคโนโลยีปล่อยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency: RF) ออกมา เพื่อช่วยสลายไขมัน ให้มีโมเลกุลที่เล็กลง ดูดออกมาได้ง่ายขึ้น ไขมันที่ถูกดูดออกมามีเลือดปนน้อยมากเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ทำให้เกิดแผลเพียงเล็กน้อย พร้อมช่วยกระชับผิวได้ในตัว
จุดเด่นของการใช้คลื่น RF กำจัดไขมัน คือ ไม่ทำให้ผิวเป็นคลื่นหลังดูดไขมัน ผิวจะยังคงเรียบเนียน ช่วยลดการเกิดรอยฟกช้ำได้อย่างดี แผลหายเร็ว ควบคุมพลังงานและกระจายความร้อนได้ดี ให้พลังงานที่กระจายสม่ำเสมอ มีผลทำให้ผิวหนังเรียบกว่า และไม่บาดเจ็บต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ จึงไม่รู้สึกเจ็บเท่า Vaser ถึงแม้ปริมาณไขมันที่ดูดจะมีปริมาณน้อยกว่า Vaser แต่สามารถใช้อุปกรณ์ระบบสั่น PAL เข้ามาเสริมเพื่อแก้ปัญหานี้ได้ ทำให้ดูดไขมันได้ในปริมาณมากตามความต้องการ และช่วยกระชับผิวไปพร้อมกัน

3. การดูดไขมันแบบ Water Jet
การดูดไขมันแบบ Water Jet เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนำไขมันไปเติมเต็ม (Filler) ส่วนอื่นๆ การดูดไขมันแบบ Water Jet จะแตกต่างจากวิธีอื่นคือ ใช้พลังงานน้ำในการแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันมีสภาพสมบูรณ์ ไม่ตาย ที่สำคัญมีระบบปลอดเชื้อเป็นแบบระบบปิด คือ ดูดไขมันแล้วเอาไปฉีดส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้เลยทันที นิยมใช้ในการเติมไขมันบริเวณใบหน้าให้อิ่มเอิบ หรือใช้เสริมหน้าอก สะโพก ก็ได้เช่นกัน
เหตุผลที่การดูดไขมันแบบ Water Jet ไม่เป็นที่นิยมสำหรับการกำจัดไขมัน เนื่องจากวิธีนี้ไม่ช่วยกระชับผิว ทำให้เกิดปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยตามมาได้ และไขมันที่ดูดออกมาได้ปริมาณน้อยกว่าการดูดไขมันแบบอื่นๆ

4. การดูดไขมันด้วยเครื่องสั่น หรือ PAL (Power assisted Liposuction)
การดูดไขมันด้วยเครื่องสั่น เป็นเครื่องที่พัฒนารุ่นหลัง ใช้ระบบสั่นช่วยในการดูดไขมันให้ไหลออกมาได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่พังผืดมีความแข็งแรง ตัวอย่างเช่น กลางหลัง หรือบริเวณที่เคยดูดไขมันมาก่อนแล้วต้องทำซ้ำ สาเหตุที่เครื่องแบบ PAL ไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากราคาเครื่องค่อนข้างสูง

อ่านบทความเรื่องดูดไขมัน ต่อได้ที่ Website : https://www.honestdocs.co/liposuction


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)