ชาวพรหมพิรามแห่ร้องดีเอสไอ ถูกเพื่อนบ้านหลอกเอาสำเนาบัตรประชาชน พร้อมลายเซ็นเปิดห้างหุ้นส่วนฯ ที่เมืองเลยขอโควตาหวยขาย อ้างช่วยคนพิการ สุดท้ายถูกฟ้องฐานไม่แจ้งเสียภาษี-ฝ่าฝืนคำสั่งสารวัตรบัญชีกันกว่า 300 คน
วันนี้ (11 ก.พ.) ชาวบ้านจาก อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ได้เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ภาค 6 หรือ DSI เพื่อให้ทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษสอบสวนผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี หลังจากถูกหลอกเอาสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดห้างหุ้นส่วนจำกัดเพื่อขอโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลของผู้พิการ จนมีหมายเรียกจาก สภ.เมืองพิษณุโลกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาฐานฝ่าฝืนคำสั่งสารวัตรบัญชี นายรัชชานนท์ ฟักทอง อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34/1 ม.8 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 มีนายสุวิช ฉวีรัตน์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57/243 ม.7 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มาขอสำเนาถ่ายบัตรประชาชนที่บ้าน โดยอ้างว่าจะขอโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขายไปช่วยเหลือคนพิการ และให้ตนเซ็นรับรองสำเนาบัตร ตนเห็นว่ารู้จักมักคุ้นกับนายสุวิชกันมานานจึงให้สำเนาบัตรประชาชนไปโดยไม่ทราบว่าจะเอาไปทำอะไร
นายรัชชานนท์กล่าวว่า กระทั่งได้รับหมายจากตำรวจจึงเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าพิษณุโลก ทำให้ทราบเรื่องว่าถูกหลอกเอาบัตรประชาชนไปเปิดห้างหุ้นส่วน แต่ไม่มีการแสดงการเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด จึงต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
“วันนี้มีชาวบ้านที่ถูกเอาชื่อไปเปิดห้างหุ้นส่วนและถูกดำเนินคดีไปแล้ว 14 ราย เข้าพบพนักงานสอบสวนจำนวน 5 ราย และมีการสอบปากคำไปแล้วส่วนหนึ่ง จากทั้งหมดกว่า 300 ราย ส่วนการแจ้งความกับนายสุวิช ฉวีรัตน์ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปแจ้งที่เกิดเหตุ จ.เลย เพราะมีการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนที่ จ.เลย ก่อนจะมีการย้ายห้างหุ้นส่วนมาที่ จ.พิษณุโลกภายหลัง”
นางประนอม กล่ำเชย อายุ 61 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 50/1 ม.8 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก บอกว่า ตนถูกหลอกเช่นกัน โดยนายสุวิชได้มาขอสำเนาบัตรประชาชน พร้อมกับให้เซ็นชื่อกำกับว่าจะนำไปช่วยคนพิการเพื่อขอโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลมาขาย เพราะรู้จักกันมาก่อนจึงไว้ใจให้สำเนาบัตรประชาชนไป
กระทั่งมาทราบภายหลังถูกนำไปใช้เปิดห้างหุ้นส่วน และถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามที่สำนักงานพัฒนาธุรกิจกล่าวหาโดยที่ตนไม่ทราบเรื่องมาก่อนเลย จึงอยากจะให้หน่วยงานลงมาช่วยเหลือชาวบ้านอย่างพวกเราในครั้งนี้ด้วย เพราะเดือดร้อนมาก และตกเป็นผู้ต้องหาไปโดยไม่รู้ตัว
ด้านนายสมพร ทิพยโสตนัยนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ภาค 6 กล่าวว่า ตอนนี้ได้รับเรื่องจากชาวบ้านเอาไว้ตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ต้องดูผลเสียหาย หรือผู้ได้รับผลกระทบมากแค่ไหน
เบื้องต้นจากหลักฐานชาวบ้านที่ถูกหลอกทั้งหมดเป็นคน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีจำนวน 300 ราย ขณะนี้มีจำนวน 14 รายที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาและได้เรียกชาวบ้านไปสอบสวนปากคำแล้วจำนวน 5 คน ในส่วนของดีเอสไอจึงเสนอต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาว่าจะเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ต่อไป
ที่มา: manager.co.th