ช่วงหลังที่ผ่านมา มักจะได้ยินข่าวการวิจัยใหม่ๆ ที่จะทำให้แบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีประสิทธิภาพใช้งานได้มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงมีการนำส่วนประกอบใหม่ๆ มาทำวิจัยเพื่อให้แบตเตอรี่สามารถทำงานได้ดีกว่าเดิม แต่กระนั้น งานวิจัยใหม่ล่าสุดชิ้นนี้อาจจะต้องทำให้การคิดค้นที่ผ่านมากลายเป็นงานยากขึ้นมาทันที เพราะมีต้นทุนที่แพงกว่า เมื่อ Zachary Favors, Cengiz และ Mihri Ozkan นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย University of California's Bourns College of Engineering ค้นพบว่า ทรายเม็ดเหลืองๆ ทั่วไปที่พบตามชายหาดทะเลและริมฝั่งแม่น้ำ มีศักยภาพพอที่จะมาปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อใช้เป็นส่วนประกอบของ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทั้งนี้ ไอเดียเปลี่ยนทรายให้เป็นแบตเตอรี่ดังกล่าว เริ่มต้นขึ้นเมื่อหกเดือนก่อน เมื่อนักวิจัยในทีมรายหนึ่งได้นั่งเล่นที่ชายหาด และเมื่อเขาหยิบทรายกองหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ๆ เขาก็พบว่า มันมีส่วนประกอบของแร่ควอทซ หรือซิลิคอน ไดออกไซด์ที่สามรถนำมาใช้ประโยชน์ได้
หลังจากนั้น ทั้งสามก็ได้เริ่มต้นการวิจัย โดยทรายที่พบส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของแร่ควอทซ หรือซิลิคอน ไดออกไซด์อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อมันถูกนำมาเข้ากระบวนการต่างๆ มันก็จะสามารถเปลี่ยนรูปเป็นแร่ซิลิกอนระดับนาโนบริสุทธิ์ และมีรูพรุนคล้ายฟองน้ำ ซึ่งตรงนี้เองทำให้มันสามารถที่จะใช้เป็นขั้วบวกของเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแทนที่การใช้แร่กราไฟท์แบบเดิมได้ และมีศักยภาพในการเพิ่มอายุการใช้งานได้ถึงสามเท่า
อย่างไรก็ดี แม้แร่กราไฟท์จะถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของแบตเตอรี่มานานหลายปี แต่ด้วยข้อจำกัดที่ถึงระดับขีดสุดแล้ว จึงทำให้นักวิจัยหลายคนคิดค้นวิธีใหม่ๆ ที่จะทำให้แบตเตอรี่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และด้วยการใช้แร่ซิลิกอนและนวัตกรรมเช่นนี้ก็จะทำให้มันง่ายต่อการผลิตในจำนวนที่มากสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์
ที่มา TechSpot
ที่มา: pantip.com
