“เป้ ไฮร็อก” เปิดใจไม่ได้หายไปไหน ตอนนี้ยังเล่นคอนเสิร์ตตามผับเหมือนเดิม ส่วนเรื่องหัวใจยอมรับมีคนคุย แต่ไม่คิดแต่งงานอีกแล้วเพราะเข็ดไม่อยากเจอปัญหาเดิมๆ บอกทุกวันนี้ใช้เงินวันละ 40 บาท อยู่บ้านเลี้ยงไก่-ปลา สวดมนต์นั่งสมาธิแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ตั้งแต่เลิกรากับอดีตภรรยา “สา วรรณษา ทองวิเศษ” ไปแบบจบไม่สวย “เป้ สุรัช ทับวัง” หรือ “เป้ ไฮร็อก” ก็หายหน้าไปจากวงการไปเลย ล่าสุดเจ้าตัวกำลังจะมีคอนเสิร์ต SHORT CHARGE SHOCK ROCK LEGEND เหล็ก พันธุ์ เสือ ซึ่งจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้(17 ส.ค.) ที่ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี งานนี้เป้ได้เผยว่า จริงๆ แล้วตนไม่ได้หายไปไหน ยังทำเพลงประกอบภาพยนตร์บ้างประปราย รวมถึงเล่นคอนเสิร์ตตามผับเหมือนเดิม ส่วนเรื่องหัวใจเจ้าตัวบอกชีวิตนี้จะไม่แต่งงานอีกแล้ว
“ก็ไม่ได้หายไปไหน ตอนนี้ผมก็เล่นคอนเสิร์ตตามผับเหมือนเดิม เดือนหนึ่งน่าจะมี 7-8 ครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นต่างจังหวัด แล้วก็ทำดนตรีประกอบภาพยนตร์ครับ จริงๆ ผมทำเพลงประกอบหลายเรื่องนะ แต่ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว ที่เพิ่งทำไปก็เรื่อง ม้ง สงครามวีรบุรุษ จริงๆ ผมเป็นคนติสต์ๆ หน่อย ผมไม่ค่อยแต่งให้ นอกจากจะรู้จักกัน สนิทหน่อยผมถึงจะแต่งให้”
“ชีวิตตอนนี้ก็ไม่ต้องอะไรมากครับ อยู่แบบนี้ คือผมชอบอยู่เงียบๆ สงบๆ ไม่ค่อยชอบออกไปไหนด้วย วันไหนไม่ได้ไปคอนเสิร์ตอยู่บ้านตื่นมาก็เลี้ยงไก่ เลี้ยงนก เลี้ยงปลา เลี้ยงแมว ผมก็มีความสุขแล้วครับ ผมเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ พอดีพ่อชอบเลี้ยงผมก็เลยชอบมาตั้งแต่เด็ก ไปอยู่ไหนก็อยากเลี้ยงไปหมด”
แม้จะเลิกรากับ “สา วรรณษา” นานแล้ว แต่เจ้าตัวย้ำจะไม่คิดจะแต่งงานอีกแล้ว
“ไม่คิดครับ แล้วก็ไม่มองอนาคตเรื่องครอบครัวด้วย ผมหยุด ผมอยู่อย่างนี้มีความสุขมาก มากมายเลยจริงๆ จริงๆ แล้วอยู่คนเดียวชีวิตมีความสุขมาก อยู่อย่างสงบ สวดมนต์ นั่งสมาธิ อยู่คนเดียวอะไรอย่างนี้ ผมว่าผมมีความสุขนะครับ อยากไปไหนก็ไป อยากทำก็ทำ ไม่คิดว่าจะมีอนาคตมีครอบครัวอีก เข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว อยู่อย่างนี้ครับ แฟนก็มีคบ มีคนที่ไปกินข้าวกันอะไรแบบนี้ แต่แต่งงานไม่เอาแล้ว”
“จริงๆ ไม่ได้เข็ดอะไร แค่อยากอยู่คนเดียวมากกว่า ไม่อยากใช้ชีวิตร่วมอยู่กับใครแล้ว เบื่อครับ เบื่อต้องมารับผิดชอบ เบื่อต้องมาฟังนู่น ฟังนี่ เบื่อต้องมาหักหาญอะไรกันอย่างนี้ ไม่เอาแล้ว ผมแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง มันอาจจะเจอเหมือนกันหมด เวลาเราลำบาก จะมีปัญหาเรื่องอย่างนี้ น่าเบื่อ อย่างวันไหนผมไม่มีตังค์ผมก็อยู่อย่างมีความสุข วันหนึ่งผมใช้30-40 บาท ผมกินข้าวกล่องหนึ่ง ข้าวถุง 5 บาท กับข้าวถุงละ 15 บาท ผมก็อยู่ได้แล้ว ผมอยู่แค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว ผมกินข้าวแค่วันละมื้อ คือมื้อเย็นมื้อเดียว ผมจบแล้ว ผมไม่ได้ใช้เงินอะไรเลย เพราะมื้อเช้า มื้อเที่ยงผมไม่กินมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
บอกใช้เงินวันละ 30-40 บาท มาตั้งแต่เลิกกับ “สา” เพราะเป็นคนไม่เที่ยวอยู่แล้ว
“ใช้แบบนี้ตั้งแต่มาอยู่คนเดียว ตั้งแต่เลิกกับสา ผมมาอยู่คนเดียว ผมไม่ใช่อะไร มันไม่รู้ว่าต้องกินอะไรเยอะแยะมากมาย กินเท่าที่เรากิน กินให้มันอิ่มท้อง ให้มันมี ให้มันอยู่รอดก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปกินอาหารหรูๆ กินอะไรแพงๆ ผมกินไม่เป็น เพราะผมไม่เที่ยวอะไรทั้งสิ้น เที่ยวธรรมชาติก็ไม่ค่อยไป ผับเนี่ยนานๆ ที นอกจากเพื่อนที่เป็นศิลปินด้วยกัน เฮ้ย ออกมาหน่อยสิ นานๆ ออกไปที แต่ผมไม่ดื่มนะเพราะผมเป็นมุสลิม ดื่มไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไปเดินซื้อเครื่องดนตรี ไปซื้อกีต้าร์ นาฬิกาอะไรที่ตัวเองชอบ แต่ถ้าไปแล้วไปเที่ยวธรรมชาติผมไป ไม่ชอบเท่าไหร่”
“ชีวิตผมใช้ไปกับดนตรีมากกว่า ชอบเล่นดนตรี มีงานก็ไปเล่น มันก็มีความสุข เวลาได้เจอเพลงที่เราแต่ง ไปเจอคนที่เราแบบ อุ๊ยพี่เป้ อยากถ่ายรูป อยากเจอ เขามีความสุขเราก็มีความสุข พอตกเย็นอยู่บ้านผมก็สวดมนต์ พอก่อนนอนผมก็ ละหมาด นั่งสมาธิ มันมีความสุขนะครับ น่าจะนะเป็นคนติสต์มั้งครับ อารมณ์แบบโลกส่วนตัวสูงนิดหนึ่ง บางทีอยู่กับคนเยอะๆ ก็ไม่ค่อยชอบ แต่ว่าเวลาเล่นคอนเสิร์ตผมเอ็นเตอร์เทนคน เวลาเล่นคอนเสิร์ตผมไม่ใช่แบบนี้ บางทีลงไปดิ้นกับแขกไปกอดแขก ผมไปเล่นที่ไหนคนก็จะประทับใจ เพราะผมเอ็นเตอร์เทนมัน ผมเล่นมุขเล่นอะไร แขกเขาสนุก”
ทำใจคนภายนอกมองเป็นคนเลว ยิ่งตอนมีปัญหาหย่าร้างกับ “สา” คนยิ่งมองติดลบ
“ผมจะเป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ จริงๆ ก็เป็นคนตลกนะ แต่สายตาคนข้างนอก อย่างตอนมีปัญหาเรื่องสา หลายคนจะคิดว่า ไอ้คนนี้มัน เลว มันเจ้าชู้ คนแบบนี้มันต้องบ้าอะไรอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วมันแตกต่างกันสิ้นเชิงเลย คนที่สนิทกับผมหรือคนใกล้ๆ ผม จะรู้ เพราะว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น ผมไม่เที่ยวอาบ อบ นวด ไม่เที่ยวอะไรทั้งสิ้น ผมไม่ชอบ ผมเป็นมุสลิม ทำอะไรลำบากมาก”
“เมื่อก่อนตอนเด็กๆ อาจจะเคยไป แต่ตั้งแต่มีครอบครัว มีลูก ผมไม่เคยเลย เพราะผมไม่อยากให้ชีวิตครอบครัวผมแย่ ไม่อยากให้คนที่เรารักเขารู้ว่าทำไมไปเที่ยวผู้หญิง มันไม่ดี แต่ไอ้สิ่งที่เราทำดี มันกลายกลับ เฮ้ย ทำไมมันแย่ ไอ้สิ่งที่เราทำมาเมื่อก่อน มันเป็นมุมมองที่คนบอกว่า ไอ้คนนี้มันแย่ มันเลว ผมก็กลับมาเป็นคนเลวเหมือนเดิม มันไม่มีอะไรดีขึ้นมา แต่ว่าผมไม่สนใจอะไร เพราะพระเจ้ารู้ ว่าเราทำอะไร”
“เมื่อก่อนอาจจะมีบ้างที่ทุกข์เพราะเสียงรอบข้าง แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่แล้ว ใครจะพูดอะไรยังไง พระเจ้ารู้ว่าเราทำดี แค่นี้ผมก็โอเคแล้ว เพราะตายไปเค้าก็ไม่ได้เจอผม ผมต้องไปเจอกับพระเจ้าใช่มั้ยครับ ก็เลยไม่ได้แคร์อะไรใครทั้งสิ้น อนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงผมไม่วางแผนอะไร เพียงแต่ว่าอยู่ทุกวันให้มันมีความสุขก็พอแล้ว เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะอยู่ได้นานขนาดไหน บางทีนอนอยู่อาจจะหมดลมหายใจก็ได้ ชีวิตผม ผมไม่รู้ว่าผมจะตายเมื่อไหร่ แต่ทุกวันพรุ่งนี้เราต้องมีความสุข คิดอยู่แค่นี้ครับ ทำอะไรก็ได้ให้ชีวิตเรามีความสุขมากที่สุดแค่นั้นเอง”
พร้อมเผยถึงคอนเสิร์ต SHORT CHARGE SHOCK ROCK LEGEND เหล็ก พันธุ์ เสือ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้(17 ส.ค.) ที่ อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี ว่าเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี ถึงกับลงทุนเรียนร้องเพลงใหม่เลยทีเดียว
“ส่วนคอนเสิร์ต ช็อต ชาร์จ ช็อก รีเจนท์ ตอนนี้ผมมาเรียนร้องเพลงใหม่ เพราะว่าที่เราเรียนมาสมัยที่เราเข้าอาร์เอสมันลืมไปหมดแล้วไงครับ การร้อง วิธีการ ผมลืมไปหมดแล้ว ก็เลยต้องเรียนใหม่ อยากให้เสียงมันร้องไม่เหนื่อย บางทีตอนร้องจะเหนื่อย เป็นเพราะว่าอายุเรามากด้วย เราก็เปลี่ยนวิธีการร้องใหม่ให้มันสบายขึ้น บางทีเราเป็นหนักๆ เราอัด ซึ่งบางทีเราไม่ไหว ตอนเราเด็กๆ มันสบายมากเลยนะ แต่ตอนนี้ เฮ้ย สู้แล้วนะ แต่เราไม่ไหว ขึ้นพาวเวอร์มันก็ไม่ได้แบบเหมือนเมื่อก่อนก็เลยมาเรียน ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วไม่มีปัญหา”
“ผมไม่เคยซิงค์เพลง มันทุเรศมากนะ เป็นร็อกแล้วไปร้องซิงค์ สู้ถ้าเกิดเราไม่มีเสียง เราหยุดไปเลยดีกว่า ไม่ต้องไปร้อง (เสียงแหบเพราะดื่มหรือเปล่า?) ผมเป็นมุสลิม ผมดื่มไม่ได้ กินเหล้ามันบาป กินหมูยังไม่บาปเท่ากินเหล้าครับ เสียงผมแหบแค่เวลาพูด แต่เวลาร้องปกติ อย่างคอนเสิร์ตครั้งนี้แฟนๆ จะได้เห็นอะไรที่มันแปลกใหม่ อย่างคนที่ไม่เคยเห็นผมเล่นกีต้าร์อย่างเต็มตัว ครั้งนี้ผมเล่นเต็มเหนี่ยวเลยครับ การโซโลที่แบบเราคิดกันมาทุกอย่างจะเป็นคอร์ด จะเป็นกีต้าร์โซโล ผมคิดมาหมด ทำการบ้านมาหมดเลย คนดูจะมีอะไรที่คนดู ดูแล้วสุดยอด”
ที่มา: manager.co.th