Author Topic: หุ้นเทคโนโลยีฮวบ หลัง Microsoft-Google กอดคอกำไรพลาดเป้า  (Read 1046 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


ตลาดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีหงอยหลังยักษ์ใหญ่กูเกิล (Google) และไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศกำไรพลาดเป้าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ โดยเฉพาะไมโครซอฟท์ที่หุ้นหล่นฮวบ 11% ที่ตลาดแนสแดคเมื่อวันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมาหลังจากประกาศขาดทุน 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯเพราะธุรกิจแท็บเล็ต Surface ขณะที่หุ้นกูเกิลลดลงเล็กน้อย 1.6% เพราะรายได้รวมที่พลาดเป้า รวมถึงผู้ผลิตชิปอย่างเอเอ็มดี (AMD) ที่มีผลประกอบการน่าเป็นห่วง
       
       มูลค่าหุ้นไมโครซอฟท์ลดลง 11% เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2013 ว่ามีรายได้ 1,99 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แม้จะเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน แต่กำไรสุทธิของไมโครซอฟท์นั้นอยู่ที่ 4.97 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ ผลจากการขาดทุนเพราะธุรกิจจำหน่ายแท็บเล็ต Surface ราว 900 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับอัตราการเติบโตของรายได้จากระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) ที่ลดลง
       
       ไมโครซอฟท์ระบุว่าสินค้ากลุ่มวินโดวส์นั้นมีรายได้เพิ่มขึ้น 6% แต่อัตราเติบโตนี้ลดลงเมื่อเทียบจากการเติบโตที่ทำได้ในไตรมาสที่ผ่านมา รายได้วินโดวส์ที่ลดลงนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผลกระทบจากตลาดพีซีโลกที่ถดถอย นักลงทุนจึงแสดงความไม่เชื่อมั่นผ่านมูลค่าหุ้นไมโครซอฟท์ที่ลดลงเหลือ 31.40 เหรียญสหรัฐ แม้ว่าหลายธุรกิจของไมโครซอฟท์จะมีแนวโน้มที่ดี ทั้งบริการและผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าองค์กร บริการคลาวด์คอมพิวติง บริการออนไลน์อย่าง Office 365, Outlook.com และ Skype รวมถึงสินค้าและบริการในกลุ่มเกมอย่าง Xbox LIVE แลพ Xbox มีรายได้เพิ่มขึ้น 8%
       
       ด้านคู่แข่งอย่างกูเกิล มูลค่าหุ้นโดยรวมนั้นลดลง 14.08 เหรียญคิดเป็น 1.6% เหลือ 896.60 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากกูเกิลประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของปี 2013 ว่ามีรายได้เพิ่มขึ้น แต่มีกำไรลดลง
       
       กูเกิลระบุว่าตลอด 3 เดือน (เมษายน-มิถุนายน 2556) บริษัททำรายได้รวม 1,41 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน อย่างไรก็ตาม กูเกิลระบุว่ากำไรสุทธิของบริษัทมีมูลค่า 3.23 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากที่เคยทำได้ 3.36 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2012
       
       หนึ่งในความไม่เชื่อมั่นที่นักลงทุนกังวลกับอนาคตของกูเกิล คือการที่กูเกิลประกาศว่าจะเน้นเพิ่มรายได้ด้วยการดันอัตราค่าโฆษณาตามคลิกหรือ costs per click ให้สูงขึ้น จุดนี้สวนทางกับการสำรวจล่าสุดที่หลายบริษัทพบว่าอัตรา CPC นั้นเพิ่มขึ้นแล้ว 6% ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 21.2% มีเพียงกูเกิลที่ราคา CPC ลดลง 6%
       
       สำหรับไตรมาสที่ผ่านมา กูเกิลมีรายได้หลักจากโฆษณาบนหน้าเว็บกูเกิล (คิดเป็น 68% ของรายได้รวม) รายได้ส่วนนี้เพิ่มขึ้น 18% ในส่วนธุรกิจแอยดรอยด์ (Android) กูเกิลระบุว่าปัจจุบันมีการเปิดใช้อุปกรณ์แอนดรอยด์ใหม่วันละ 1.5 ล้านเครื่อง และขณะนี้ ชาวแอนดรอยด์ลงมือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและคอนเทนต์ผ่าน Google Play มากกว่า 5 หมื่นล้านครั้งแล้ว
       
       ในส่วนผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์อย่างเอเอ็มดี มูลค่าหุ้นเอเอ็มดีลดลง 61 เซนต์หรือคิดเป็น 13.2% เหลือ 4.03 เหรียญสหรัฐ โดยเอเอ็มดีประกาศขาดทุนสุทธิ 65 ล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากความต้องการในตลาดพีซีที่ลดลง โดยรายได้รวมของเอเอ็มดีลดลง 18% เป็น 1.16 พันล้านเหรียญสหรัฐ
       
       ยังมีอินเทล (Intel) ที่รายงานผลประกอบการไม่น่าปลื้มเท่าใดนัก โดยระบุว่าไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 บริษัททำรายได้ลดลง 5% คิดเป็นมูลค่า 1,28 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยกำไรสุทธิลดลง 29% เหลือ 2 พันล้านเหรียญ หรือแม้แต่ไอบีเอ็ม (IBM) ยักษ์ใหญ่สีฟ้าที่มีรายได้ลดลงเช่นกัน
       
       ไอบีเอ็มระบุว่าสามารถทำรายได้ลดลง 3% เป็น 2,49 หมื่นล้านเหรียญ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขาดทุนค่าเงินซึ่งไอบีเอ็มระบุว่าหากไม่คำนวณในส่วนนี้ รายได้ของไอบีเอ็มจะลดลง 1% เท่านั้น ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทลดลง 17% เหลือ 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
1388 Views
Last post January 16, 2010, 10:25:08 AM
by Nick
0 Replies
1754 Views
Last post January 23, 2010, 09:43:06 PM
by IT
0 Replies
1850 Views
Last post July 06, 2011, 01:13:16 PM
by Nick
0 Replies
1380 Views
Last post February 13, 2012, 06:50:26 PM
by Nick
0 Replies
1627 Views
Last post December 19, 2012, 01:25:29 PM
by Nick
0 Replies
1099 Views
Last post April 22, 2013, 01:00:39 PM
by Nick
0 Replies
1553 Views
Last post August 23, 2013, 01:53:58 PM
by Nick
0 Replies
1866 Views
Last post November 26, 2014, 07:41:40 PM
by Nick
0 Replies
1725 Views
Last post February 25, 2015, 01:12:15 PM
by Nick
0 Replies
1030 Views
Last post October 04, 2015, 07:44:22 AM
by Nick