Author Topic: อินเทลส่งชิปรุ่นที่ 4 ชิงส่วนแบ่งแท็บเล็ตแอนดรอยด์ 10 เปอร์เซ็นต์  (Read 755 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


อินเทลเปิดตัวโปรเซสเซอร์เจเนอเรชัน 4 ในเมืองไทย เน้นพลังประมวลผลและประหยัดพลังงาน และเปลี่ยนดีไซน์ดีไวซ์ให้น่าสนใจมากขึ้น พร้อมชิงส่วนแบ่งในตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์ได้มากกว่า 10% คาดไตรมาส 4 ผู้บริโภคจะได้เห็นชิปของอินเทลในแท็ปเล็ตกว่า 20 รุ่น ส่วนสมาร์ทโฟนพร้อมนำเสนอปีหน้า ชี้แนวโน้มทัชสกรีนมีการเติบโตอย่างชัดเจน ส่งผลให้โน้ตบุ๊กที่ใช้รูปแบบนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้น 5 เท่าในปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
       
       นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อินเทลนำเสนอชิปในเจเนอเรชันที่ 4 ที่เป็นการนำเสนอนวัตกรรมทูอินวันที่ชัดเจนมากขึ้น โดยจะทำให้อุปกรณ์โมบิลิตีรุ่นใหม่ๆ รวมไปถึงเดสก์ท็อปมีความบางเบา และประหยัดพลังงานมากกว่าชิปรุ่นก่อนหน้านี้หลายเท่า นอกจากนี้จะทำให้อินเทลสามารถเข้าไปสร้างส่วนแบ่งในตลาดแอนดรอยด์ได้ไม่น้อยกว่า 10% โดยเฉพาะในส่วนของแท็บเล็ต ส่วนในปีหน้าผู้บริโภคจะได้เห็นชิปของอินเทลในสมาร์ทโฟนในหลากหลายรุ่นมากขึ้น
       
       “ชิปรุ่นใหม่จะทำให้ผู้ผลิตสามารถนำเสนอรูปทรงที่บางเบามากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการสามารถนำเสนออุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้นด้วยอัลตราบุ๊กแบบทูอินวัน เป็นการรวมความสามารถของการเป็นโน้ตบุ๊กและการพกพาสะดวกแบบแท็บเล็ต ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงหรือเริ่มต้นไปสู่การเป็นทูอินวัน เช่นเดียวกับเดสก์ท็อปก็จะแปรสภาพเป็นออลอินวันมากขึ้นด้วย จากเดิมการที่เดสก์ท็อปต้องเป็นกล่องสี่เหลี่ยมเพื่อให้เกิดการทำให้ระบบอากาศระบายอากาศได้ดี แต่สำหรับรุ่นใหม่ด้วยชิปตัวใหม่นี้การกระจายความร้อนแบบเดิมไม่จำเป็น ทำให้เราสามารถสร้างสรรค์รูปทรงของเดสก์ท็อปแบบใหม่ได้น่าสนใจมากขึ้น”
       
       นายเอกรัศมิ์กล่าวว่า อัลตราบุ๊กทัชสกรีนรุ่นใหม่ๆ ตั้งแต่นี้ไปจะใช้ชิปเจเนอเรชันใหม่ทั้งหมด และจะกลายเป็นรูปแบบของทูอินวัน ส่วนทางด้านราคานั้นจะไม่ได้แตกต่างจากเจเนอเรชันเดิมมากนัก แต่จะมีจุดเด่นจากเดิมคือการนำเสนอความเป็นออลเดย์คอมพิวติ้งที่สามารถใช้งานอุปกรณ์ได้นานขึ้น ส่วนทางด้านกราฟิกนั้นจะช่วยลดขีดจำกัดของการใช้งานในปัจจุบันลง เพราะชิปใหม่นี้จะมีการสร้างกราฟิกได้ด้วย นอกจากนี้ ในด้านระบบสัมผัสของโน้ตบุ๊กยุคใหม่จะมีความสามารถใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ซึ่งจะทำให้โน้ตบุ๊กที่ใช้ระบบทัชสกรีนจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่าในสิ้นปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
       
       “อินเทลคอร์โปรเซสเซอร์ รุ่นที่ 4 ซีพียูกินไฟ 6 วัตต์ และสูงสุด 95 วัตต์ จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการดีไซน์และสามารถใช้งานพีซีโน้ตบุ๊ก ชาร์จไฟหนึ่งครั้งใช้งานได้มากกว่า 1 วัน สามารถประมวลผลดีกว่าเดิม 10-15% และการดีไซน์บางกว่าการใช้ชิปในรุ่นที่ 3 มีความสามารถในการประมวลกราฟิกดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ 2 เท่า”
       
       ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังผู้บริโภคจะได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มีความหนาที่ต่ำกว่า 10 มิลลิเมตร สามารถใช้ในโหมดสแตนด์บายมากกว่าเดิมจาก 4.5 เพิ่มขึ้นเป็นสิบถึงสิบห้าวัน ส่วนความหนาของอัลตราบุ๊กนั้น ในหน้าจอขนาด 14 นิ้วจะมีความหนาไม่เกิน 20 มิลลิเมตร และสำหรับรุ่นที่หน้าจอใหญ่กว่า 14 นิ้วจะมีความหนาไม่เกิน 23 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังทำให้อัลตราบุ๊กรุ่นล่าสุดสามารถเล่นไฟล์วิดีโอแบบความคมชัดสูง (HD) ได้ต่อเนื่องมากกว่า 6 ชั่วโมง และสามารถเปิดเครื่องต่อเนื่องได้ยาวนานกว่า 9 ชั่วโมง
       
       นายเอกรัศมิ์กล่าวว่า สำหรับการเริ่มต้นในตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์นั้น ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ผู้บริโภคจะได้เห็นแท็บเล็ตแอนดรอยด์ที่ใส่ชิปของอินเทลประมาณ 4-5 รุ่น และจะเพิ่มเป็นประมาณ 20 รุ่นในไตรมาส 4 ของปีนี้ เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่จะได้เห็นชิปของอินเทลอย่างจริงจังในไตรมาส 1 ของปี 2557 นอกจากนี้ ด้วยการนำเสนอชิปรุ่นใหม่จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดเดสก์ท็อปมีการเติบโตมากขึ้นด้วย เนื่องจากในปัจจุบันตลาดในส่วนนี้เริ่มกลับมาแล้ว และด้วยชิปตัวใหม่จะทำให้การดีไซน์ของเดสก์ท็อปมีความน่าสนใจมากขึ้น

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)