“ต้าร์” ไม่สน “ลีน่า จัง” จวกเลิกกับ “พลอย” เพราะสร้างกระแสเรียกงานอีเวนต์ บอกไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนที่มองโลกแง่ลบ ก่อนตอกถ้าพูดแล้วดีต่ออาชีพการงานของอีกฝ่ายก็ดีใจด้วย รับยังคิดถึงพลอยจนต้องหาอะไรทำเพื่อให้ลืม ออกตัวไม่รู้อดีตแฟนสาวดื่มหนักเพราะเฮิร์ต เผยเป็นห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้ “ลีน่า จัง” เอาอีกแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งออกมาวิจารณ์ “ตั๊ก บงกช” กรณีแบ่งเงินสินสอด 7 ล้าน ไปถวายสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ว่า เวอร์ และโง่ อายุ 28 ปีแต่อ้วนเหมือนอายุ 50 เดี๋ยวสามีก็เบื่อน่าจะเอาเงินไปทำธุรกิจ จนกลายเป็นประเด็นร้อนอยู่พักใหญ่ ล่าสุดเจ้าตัวก็เปิดประเด็นจวกคู่ของหนุ่ม “นาวิน ต้าร์ เยาวพลกุล” กับนางเอกสาว “พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ในรายการทางช่องดาวเทียมที่เจ้าตัวเป็นพิธีกว่า ที่ทั้งคู่เลิกกันเพราะจะสร้างกระแสอัปค่าตัวงานอีเวนต์ เล่นสับกันออกอากาศแบบนี้ ทันทีที่ผู้สื่อข่าวได้เจอตัวต้าร์ในงานแถลงข่าว “วาโก้ บราเดย์ บราเก่าของคุณ...อาชีพใหม่ของเขา ปี2” ที่ห้องประชุมชั้น 6 บริษัท ไอซีที อินเตอร์เนชั่นแนล ถามไถ่เกี่ยวกับกระเด็นนี้ เจ้าตัวก็บอกว่าไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนมองโลกแง่ลบ
“อ๋อ ก็เห็นเขาก็ว่าหมด ก็ไม่อยากจะไปต่อกรอะไรด้วย แต่ไม่โกรธครับ คือต้าร์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ก็มีเพื่อนมาเล่าให้ฟังต้าร์ก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนต้าร์ก็บอกว่าเขาก็จะมีรายการของเขา ก็จะเอาประเด็นนั้นประเด็นนี้มาพูด หมายถึงมาว่าในเรื่องเนกาทีฟส่วนตัว ต้าร์ไม่ค่อยมองโลกในแง่นั้นสักเท่าไหร่ อยากจะบอกว่าสิ่งที่ทำทุกอย่างมันก็เป็นเรา มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ ระหว่างที่ทุกคนยุ่งกับการวิจารณ์ว่าชีวิตต้าร์เป็นยังไง คือต้าร์ก็ยุ่งกับการใช้ชีวิตของตัวเอง คุณก็มองการใช้ชีวิตของผมไปแล้วกัน ต้าร์ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวครับ ไม่อยากไปต่อกรด้วย แล้วก็ไม่อยากไปยุ่ง อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะครับ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่า “ลีน่า จัง” มาเกาะกระแสหรือเปล่า เจ้าตัวก็ย้อนถามกลับเช่นกัน ก่อนลั่นถ้าการเอาเรื่องของตนไปพูดแล้วดีต่ออาชีพการงานของอีกฝ่ายก็ดีใจด้วย
“ก็นั่นน่ะสิ คือเราไม่รู้ เราก็พูดไม่ได้ ก็แล้วแต่ทุกคนจะคิดแล้วกัน ผมว่ามันตลกดี คือผมไม่ซีเรียสเลย และไม่มีอะไรอยากจะบอกด้วยครับ ไม่รู้จะบอกอะไรครับ ถ้าเขาไม่จบก็คงจะไม่เกี่ยวกับผมนะครับ เพราะผมเองก็คงควบคุมอะไรไม่ได้ ถ้าเกิดอยากจะเอาเรื่องของเรามาพูด ถ้ารู้สึกว่ามันดีต่ออาชีพการงานของเขา ก็เป็นเรื่องของเขา ผมก็ดีใจด้วย ก็ขอบคุณนะครับที่ให้ความสนใจ ถ้าในมุมนั้นผมก็พูดอะไรไม่ได้”
“ถ้ามองว่าเหมือนเขาทำให้เราเสียหาย ก็ไม่เป็นไรครับเพราะว่าใครเขาจะพูดยังไง มันเป็นเรื่องของเขาอยู่แล้ว สิ่งที่ผมทำคือส่งที่ผมควบคุมได้ พยายามทำตัวเองให้ดีที่สุด ทุกอย่างที่คุณเห็นมันคือชีวิตของผม ผมก็พยายามทำชีวิตให้ดีที่สุด ทีนี้ใครอยากจะไปตีความให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันเป็นเรื่องของการมองการตีความ เราเองจะไปควบคุมหรือคาดคั้นอะไรกับเรื่องพวกนี้ไม่ได้ คือทุกคนที่อยู่ต่อหน้าสื่อหรือต่อหน้าคนเยอะๆ ในลักษณะที่อาชีพคล้ายๆ กับผมก็จะต้องเจออะไรแบบนี้อยู่เสมอ เราเองก็เข้าใจและยอมรับ ก็พยายามอยู่อย่างสันติในชีวิตมากที่สุด”
โต้สร้างกระแสอัปค่าตัว ยันไม่ได้รับเยอะด้วยซ้ำเพราะยังมีหน้าที่การงานอื่นต้องทำ
“อยากจะบอกว่าทุกๆ งานอีเวนต์ที่ออกเพราะว่าเจ้าของงานต้องการให้ออก แล้วก็ค่าตัวไม่สูง แล้วเราก็ไม่ได้รับในเรื่องของปริมาณ เรารับในเรื่องของคุณภาพมากกว่า เพราะผมมีหน้าที่การงานอื่นต้องทำ คือถ้าไม่ทำตรงนี้ผมก็ยังยุ่งกับงานอื่นอยู่ อย่างที่จะบอก ก็คืองานอีเวนต์ออกไม่บ่อยเลย งานนึงก็ห่างเป็นอาทิตย์ ถ้าเทียบกับคนอื่นเยอะกว่าต้าร์”
บอกตั้งแต่เลิกกับ “พลอย” ยังไม่ได้คุยกันเลย
“ก็ไม่ได้มีโอกาสคุยจนเป็นข้อสรุปอะไรได้ ถ้าจะให้ถามว่าคุยเรื่องอะไรหรือยังไง ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าทั้งสิ้น เวลามากกว่าที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าคนๆไหนเขามีความสำคัญกับชีวิตเรา คนไหนเรื่องราวของเขาจะหมดไป มันก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน ผมก็ไม่อยากไปคาดคั้นอะไรมาก เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด”
เมื่อถามว่าที่เป็นอยู่ถือว่าแฮปปี้แล้วใช่หรือไม่? เจ้าตัวก็เผยว่าเป็นการชินซะมากกว่า แต่ยอมรับต้องหาอะไรทำให้ลืม
“คงเป็นเรื่องของการชินมากขึ้น วันไหนมันแย่ เราก็รับมาทีละวัน คือตัวของผมไม่มีอะไรต้องไปทำใจ คือคนเราต้องอยู่กับการตัดสินใจของตัวเองและเรายืนอยู่จุดไหน เราก็ยืนอยู่จุดนั้น เราก็แน่นอนและแน่ใจกว่าที่จะมายืนอยู่ขั้นนี้ได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้ตั้งใจหรือผมพยายาม มันเป็นเรื่องของการไม่ชิน บางทีเราก็นึกถึงอะไรบ้าง”
“การหาอะไรทำอะไรเยอะๆ มันก็ทำให้เราไม่ฟุ้งซ่านดี เรื่องงานเรื่องอื่นๆ ก็ทำให้หายเครียด จริงๆ มันก็เป็นแผนที่ผมวางไว้เพราะปลายปีผมจะลงไตรกีฬา ช่วงนี้ก็ซ้อมให้มากที่สุด จะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องอื่น”
ออกตัวไม่ทราบเรื่องที่ “พลอย” ดื่มหนักเพราะเฮิร์ต แจงถึงจะเป็นห่วง แต่ด้วยสถานะที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ตนทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
“อันนี้ผมเองก็ไม่ทราบ ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนที่ดื่มหนักอะไรขนาดนั้น คือผมก็เป็นห่วงอยู่แล้ว แต่เราเองก็พูดอะไรมากไม่ได้ เราไม่ได้อยู่ในจุดที่เราเคยทำ แต่คนรอบข้างก็เล่าเรื่องเขาให้ฟังบ้างอยู่แล้ว แต่ว่าผมไม่อยากพูดอะไร ถึงมันเยอะรอให้เวลาสักปี 2 ปี ค่อยมานั่งคิดดีกว่า เพราะเราก็ไม่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงมันเป็นยังไง เราก็คงเสียใจที่ทำให้มันสำเร็จไม่ได้ แต่เราไม่ใช่ว่าเรากลืนน้ำลายตัวเอง”
ที่มา: manager.co.th