“นาตาลี” ตกใจ สลัดผ้าถ่ายทูพีชแต่โดนรีทัชเต้าใหญ่กว่าของจริง ลั่นไม่ซีเรียสหนุ่มๆ ชอบดู เผยบางภาพลงทุนปลดเสื้อเพิ่มความหวิว ก่อนรับเลิกกับนักธุรกิจ “เอิ้น” แล้ว อ้างทัศนคติต่างกัน ทั้งที่ใจก็เสียดายเพราะอีกฝ่ายเป็นคนดี ถ่ายเซ็กซี่ปีละครั้ง สำหรับ “นาตาลี เดวิส” ซึ่งปีนี้เจ้าตัวยอมใส่ทูพีชขึ้นปกให้กับนิตยสาร RUSH งานนี้ทำเอาฮือฮา เพราะสังเกตว่าหน้าอกหน้าใจของนาตาลีนั้นใหญ่เบิ้มขึ้น จนหลายคนคิดว่าไปเสริมอึ๋มมาแหงๆ แต่ครั้นพอสอบถามไป เจ้าตัวก็แก้ต่างว่าโดนรีทัช ยันไม่คิดเสริมอึ๋มเพราะของจริงแม่ให้มาก็ใหญ่อยู่แล้ว
“โป๊มาก เห็นเองยังตกใจ แต่ตอนถ่ายไม่โป๊ขนาดนี้ แม่ก็บอกว่าทำไมโป๊ขนาดนี้ เราก็ช่างมันเถอะ มันกลับมาแก้ไขอะไรไม่ได้ คือเขาได้รีทัชหลายอย่าง ก็ไม่โกรธนะ แต่เห็นแล้วตกใจ โอ้...เพราะว่าตอนถ่ายเราได้เห็นรูปในคอมพิวเตอร์ไง พอตอนถ่ายกับตอนรูปที่ออกมาจริงค่อนข้างต่างกันเยอะ มีการตัดต่อเพิ่มเพราะว่าบางอย่างดูเยอะเกิน”
“ตอนที่ถ่ายบอกว่าคอนเซ็ปต์ใสๆ (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ยังงอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร ฟีดแบ็คคนก็ชอบ พวกหนุ่มๆ ชอบดู แต่โอเคไม่ซีเรียสอะไร ตอนนี้คนที่เซ็กซี่กว่าเราเต็มไปหมด ความจริงจะถ่ายแค่ปีละเล่ม เราจะไม่ถ่ายซ้ำกัน เพราะบางที่หนังสือจะขึ้นหัวซ้ำกัน ตามมารยาทเราก็ถ่ายปีละเล่ม หรือว่าสองเล่มอะไรแบบนี้ พยายามจะไม่ถ่ายเยอะ”
“ตอนแรกบอกทางพี่ทีมงานว่าไม่ต้องรีทัชหน้าอกเยอะเกิน เพราะคนรู้ว่าของจริงแค่ไหน คือมันไม่ควรจะรีทัชแล้วไง ให้มีนิดนึงให้สวยงามก็โอเค แต่นี่โอ้โห...เหมือนไปทำเพิ่มมา แบบเยอะมาก คนอาจจะคิดว่าเราไปทำมารึเปล่า แต่คิดว่าคนคงจะเข้าใจ เราคงไม่ต้องเสริมแล้ว แค่นี้ตัวก็ใหญ่แล้ว ทำนมก็ใหญ่เข้าไปใหญ่”
“เวลาเราไปทำงานเราก็ไปคนเดียวไม่มีผู้จัดการมาคอยดูแล แล้วเราเป็นคนไม่ค่อยเรื่องมาก ไปถึงก็อยากทำงานให้มันเสร็จๆ แต่มีแบบปลดเสื้อบ้าง ตอนที่ถ่ายมาก็โอเค แต่ว่ารีทัชบางทีดูใหญ่เยอะมันเลยยิ่งโป๊ แต่ที่เราโอเคเพราะไม่มีเห็นอะไรในแบบที่ไม่ควรเห็น ก็ไม่อะไร”
รับเลิกนักธุรกิจ “เอิ้น อธิเบศร์ ตรีสุขี” ได้ 1 เดือนแล้ว ด้วยสาเหตุคิดต่างกัน บอกยังไม่มีการบอกเลิกกันอย่างเป็นทางการ แต่ต่างคนต่างรู้กันเอง
“ตอนนี้ก็เรื่อยๆ ชิลล์ๆ ห่างกันไปก่อน คือความรู้สึกมันค่อยๆ แบบว่าซึมๆ มาเรื่อยๆ เพราะทัศนคติที่มันไม่เหมือนตอนเด็กๆ ที่เราเลิกกันเพราะว่ามีคนอื่น ฉันไม่รักเธอแล้ว ฉันอยู่กับเธอไม่ได้ แต่พอเวลาโตขึ้นเราอาจจะเข้ากันไม่ได้ในเรื่องเวลาการทำงานที่ไม่เข้าใจเขา อาจจะทะเลาะกัน แล้วก็เลิกกัน แต่เราอาจจะไม่ทะเลาะกันเลย แต่ก็เลิกกันก็ได้”
“คือรู้สึกว่าพอยิ่งอยู่ไปเหมือนซ้ายคนนึง ขวาคนนึง แต่ว่าไม่ใช่ว่าโกรธกัน เหมือนด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันอาจจะดี ไม่ใช่เขาเป็นคนไม่ดีนะ เขาดีมาก ทำงานเก่ง ดูแลรับผิดชอบ ดูแลเราได้ เป็นได้ทั้งพี่น้องและแฟน”
“สรุปก็คือไม่ได้คุยกันเลยนะ แต่ก็มีคุยกันไปในทำนองเลิกกัน แต่ถ้าถามว่าจะออกมาบอกเลิกแล้วค่ะ 100 เปอร์ซ็นต์ คงยังไม่มีเพราะว่าต่างฝ่ายอาจยังไม่พร้อม เราอาจยังมีความรู้สึกที่เป็นพี่น้องที่ดีต่อกันได้ เพราะว่าเรายังทำงานด้วยกันอยู่”
“ก็เป็นอันว่าเรารู้กันไปเอง อาจจะเป็นความรู้สึกที่ยังไม่พร้อมที่จะพูดว่าเลิกแล้วค่ะ เราคบกับคนนั้นคนนี้แบบดีๆ กันแล้วเลิกกัน เราเชื่อว่าเราต้องใช้เวลาคิดไตร่ตรองค่อนข้างนานพอสมควร เราก็ทบทวนกันมาดีแล้วประมาณเดือนนึง ที่เราไม่เฮิร์ตไม่อะไรอาจจะด้วยเราเคยห่างกันมาแล้ว เหมือนที่เรากลับมาแล้ว เราพยายามปรับ แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันยังไง เราคบกันในฐานความเข้าใจในฐานะพี่น้อง คบกันก็เหมือนพี่น้อง ไม่ได้หวานแหววอะไรมากมาย”
“ตอนนี้เรายังเป็นกัลยาณมิตรที่ดีมาก ไม่ใช่ว่าเลิกกันแล้วโกรธกันเหมือนตอนเด็กๆ ไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเราโสด ที่เราเลือกจะไม่บอกเพราะรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงเวลา ด้วยอายุเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ซ่าส์แบบเมื่อก่อนแล้ว แล้วตอนนี้เราไม่อยากจะมีใครมาวุ่นวายใจให้ปวดหัว พอบอกว่าโสดแล้วเดี๋ยวมีคนมาคุยก็จะปวดหัวอีก ตอนนี้ก็พักใจไปก่อน จริงๆ ก็เสียดายนะเพราะเขาเป็นคนดีคนนึง แต่ก็ไม่ปิดกั้นนะ เขาสาวเยอะจะตาย”
ที่มา: manager.co.th
