Author Topic: facebook หุ้นดิ่งเหว “นิวโลว์”  (Read 682 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46027
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


มูลค่าหุ้นเฟซบุ๊ก ทำนิวโลว์ต่ำกว่า 18 เหรียญสหรัฐ


ซีอีโอ 'มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก' ยืนยันจะไม่ขายหุ้นเฟซบุ๊กภายใน 12 เดือนนับจากนี้

เฟซบุ๊ก (Facebook) เครือข่ายสังคมยอดฮิตประสบภาวะมูลค่าหุ้นตกต่ำต่อเนื่องหลังจากเริ่มเข้าตลาดเมื่อกลางปี ล่าสุดหุ้นของเฟซบุ๊กทำ “นิวโลว์” หรือมูลค่าน้อยที่สุดนับตั้งแต่มีการซื้อขายโดยลดลงไปแตะที่ 17.58 เหรียญสหรัฐ คาดเป็นผลจากคำพยากรณ์ของบริษัทวิเคราะห์ที่เชื่อว่าเฟซบุ๊กจะทำรายได้จากธุรกิจโฆษณาออนไลน์ลดลงในปีนี้ ด้านซีอีโอ “มาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก” ยืนยันจะไม่ขายหุ้นเฟซบุ๊กภายใน 12 เดือนนับจากนี้ ทั้งที่ผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นทยอยเทขายแล้ว
       
       ภาวะราคาหุ้นเฟซบุ๊กตกต่ำในระดับนิวโลว์นั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ โดยแตะระดับที่ 17.58 เหรียญสหรัฐในช่วงเช้า ก่อนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 17.70 เหรียญ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่าราคาเปิดตลาด 18.06 เหรียญถึง 2%
       
       มูลค่าหุ้นที่ตกต่ำนั้นได้รับความสนใจจากนักสังเกตการณ์ทั่วโลก เนื่องจากเป็นราคาที่ต่ำกว่า 38 เหรียญซึ่งเฟซบุ๊กเปิดเป็นราคาจำหน่ายหุ้นครั้งแรกมากกว่า 50%
       
       แม้จะมีปัจจัยมากมายที่มีส่วนทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจจนทำให้มูลค่าหุ้นเฟซบุ๊กตกต่ำลงต่อเนื่องตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา แต่สำหรับระลอกล่าสุดเชื่อว่าเป็นเพราะการคาดการณ์ของ Daniel Salmon นักวิเคราะห์ของ BMO Capital Markets ที่เชื่อว่าเม็ดเงินการซื้อสื่ออย่างเฟซบุ๊กของบริษัททั่วไปในระยะสั้นนั้นมีโอกาสชะลอตัว ทำให้มีความเสี่ยงที่เฟซบุ๊กจะทำรายได้น้อยลงในปีนี้ ทั้งหมดนี้มีโอกาสทำให้มูลค่าหุ้นเฟซบุ๊กตกต่ำเหลือ 15-25 เหรียญ ซึ่งคำคาดการณ์นี้ทำให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กตกลงในทันที 5.3%
       
       ก่อนหน้านี้ บริษัทอย่าง EMarketer Inc. ก็ปรับลดตัวเลขรายได้รวมที่คาดว่าเฟซบุ๊กจะทำได้ในปีนี้ โดยคาดว่ารายได้รวมของเฟซบุ๊กจะอยู่ที่ 5.04 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ ซึ่งลดลงจาก 6.1 พันล้านเหรียญที่เคยมีการคาดการณ์จากประวัติแนวโน้มการเติบโตของเฟซบุ๊ก
       
       ภาวะหุ้นตกต่ำต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ส.ค.ทำให้ผู้ถือหุ้นหลักพร้อมใจเทขายทิ้งหุ้นเฟซบุ๊ก สถิติล่าสุดคือหุ้นเฟซบุ๊กมากกว่า 271 ล้านเหรียญนั้นถูกจำหน่ายแล้วโดยผู้ถือหุ้นและพนักงานเฟซบุ๊ก ซึ่งในช่วง 4 เดือนข้างหน้า หุ้นเฟซบุ๊กอีกมากกว่า 1.5 พันล้านเหรียญจะทยอยเปิดให้ซื้อขายเต็มตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะนำไปสู่มหกรรมเทขายหุ้นเฟซบุ๊กครั้งมโหฬาร
       
       หนึ่งในรายชื่อผู้ที่ขายหุ้นเฟซบุ๊กรายใหญ่คือ Peter Thiel นักลงทุนนอกบริษัทรายแรกที่ลงทุนสนับสนุนเฟซบุ๊กนั้นขายหุ้นไปราว 20 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าในขณะนั้น 400 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลคือ Thiel ได้กำไรมหาศาลเพราะลงทุนในเฟซบุ๊กเพียง 5 แสนเหรียญช่วงปี 2004 แต่ก็ขาดทุนไม่น้อยเมื่อเทียบกับ 640 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคำนวณมูลค่าหุ้นเฟซบุ๊กที่ถืออยู่ช่วงเปิดขาย IPO

   
ในภาวะเช่นนี้ ซีอีโอเฟซบุ๊กออกมาแถลงว่าไม่มีความคิดจะขายหุ้นเฟซบุ๊กอย่างแน่นอน โดยในเอกสารที่เฟซบุ๊กยื่นต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯหรือ SEC นั้นยันยันว่ามาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ไม่มีแผนจะจำหน่ายหุ้นเฟซบุ๊กอย่างน้อย 12 เดือนนับจากนี้
       
       ก่อนหน้านี้ ซัคเกอร์เบิร์กนั้นจำหน่ายหุ้นเฟซบุ๊กมูลค่า 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐหลังประกาศ IPO เพราะเหตุผลด้านภาษี โดยขณะนี้ซัคเกอร์เบิร์กยังคงถือหุ้น Class B ซึ่งมีสิทธิ์ต่อการออกเสียงโหวตมากกว่าหุ้นปกติราว 504 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้นดังกล่าวคิดเป็นมูลค่า 8.9 พันล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน
       
       อย่างไรก็ตาม ในเอกสารระบุว่า 2 ผู้บริหารหลักของเฟซบุ๊กอย่าง Marc Andreessen และ Donald Graham นั้นมีแผนจำหน่ายหุ้น แต่ทำไปบนเหตุผลทางภาษีและไม่มีแผนจำหน่ายหุ้นส่วนตัวที่ถือไว้
       
       ที่น่าสนใจคือ เฟซบุ๊กเปลี่ยนกฎเรื่องวันที่พนักงานส่วนใหญ่จะสามารถจำหน่ายหุ้นเฟซบุ๊กได้ โดยระบุในเอกสารว่าเลื่อนจากวันที่ 14 พ.ย.มาเป็นวันที่ 29 ต.ค.แทน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวคือเวลาที่นักลงทุนในตลาดจับตาเป็นพิเศษเพราะหุ้นเฟซบุ๊กมากกว่า 1 พันล้านหุ้นจะสามารถจำหน่ายในตลาดได้อย่างเสรี และอาจเป็นหลักไมล์สำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กตกต่ำลงได้อีกหากไม่มีปัจจัยอื่นมาเสริมความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
       
       Company Related Link :
       Facebook

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
1295 Views
Last post June 24, 2010, 07:03:46 PM
by Nick
0 Replies
2095 Views
Last post September 06, 2010, 10:53:40 PM
by Nick
0 Replies
1650 Views
Last post September 08, 2010, 04:58:02 PM
by Nick
0 Replies
1693 Views
Last post September 23, 2010, 01:38:22 PM
by Nick
0 Replies
1512 Views
Last post October 10, 2010, 03:54:04 PM
by Nick
0 Replies
1490 Views
Last post October 19, 2010, 03:49:30 PM
by Nick
0 Replies
1851 Views
Last post November 04, 2010, 04:57:18 PM
by Nick
0 Replies
14561 Views
Last post December 19, 2010, 11:52:48 PM
by Nick
0 Replies
1979 Views
Last post December 23, 2010, 12:21:20 AM
by Nick
0 Replies
2439 Views
Last post March 08, 2012, 01:28:50 PM
by Nick