Author Topic: “เป้ ไฮร็อก” เปิดใจชีวิตคู่พัง 2 รอบไม่คิดแต่งงานอีก โอดลูกที่เกิดกับเมียคนแรกไม่ยอมพบหน้  (Read 3842 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai






"สา วรรณษา" กับ "น้องเซเดย์"


น้อง "โทย่า-ราย่า" ลูกๆ ของ "เป้ ไฮร็อก" ที่เกิดกับภรรยาคนแรก "การ์ตูน"

     “เป้ ไฮร็อก” โผล่ออกงาน เปิดใจไม่ได้หายไปไหน แค่เบื่ออยากอยู่เงียบๆ เตรียมขึ้นคอนเสิร์ตอาร์เอส-ออกอัลบั้มปีหน้า เผยตั้งแต่เลิกกับ “วรรณษา” ก็อยู่ตัวคนเดียวไม่ได้คบใคร พ้อชีวิตคู่พัง 2 รอบไม่คิดแต่งงานอีก ก่อนโอดลูกที่เกิดกับเมียคนแรกไม่ยอมพบหน้า หวังสักวันลูกจะอยากเจอพ่อบ้าง
       
       ห่างหายไปจากหน้าจอหลายปี สำหรับอดีตนักร้องร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ “เป้ สุรัช ทับวัง” หรือ “เป้ ไฮร็อก” ตั้งแต่เป็นข่าวฉาวเลิกรากับอดีตภรรยา “สา วรรษา ทองวิเศษ” แบบจบไม่สวย ก็ไม่เคยเห็นนักร้องหนุ่มออกสื่ออีกเลย แต่ล่าสุด พอมีโอกาสเจอ เจ้าตัวก็เผยว่าตนไม่ได้หายหน้าไปไหน ยังคงเดินสายเล่นคอนเสิร์ตเหมือนเดิม แต่ที่ไม่ค่อยมีข่าวเพราะเบื่ออยากอยู่เงียบๆ บ้าง
       
       “จริงๆ แล้วอยู่บ้านทำเพลงทำห้องอัด ไม่ค่อยอยากออกจากบ้านหรอกครับ อยากอยู่เงียบๆ สักพัก อยากหายๆ ไปบ้างเพราะว่าอยากอยู่เงียบๆ ครับ ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ด้วย คือเหมือนเบื่อๆ ครับ อยากอยู่เงียบๆ สวดมนต์ แล้วก็นอน แล้วก็ตื่นมากินข้าวไปเล่นคอนเสิร์ต แค่นี้ครับชีวิต แล้วส่วนใหญ่จะทำเพลงให้เด็กๆ ทำเพลงประกอบหนังบ้างครับ จริงๆ ผมอิสระผมไม่ค่อยโลดแล่นอะไรตรงนั้นเท่าไหร่ เพราะว่าเราไปเที่ยวแล้วมันก็ไม่สนุก ก็เลยฟังเพลงดูหนังสวดมนต์อยู่บ้านดีกว่าทำอะไรไปวันๆ”
       
       “ตอนนี้ก็กำลังทำอัลบั้มใหม่อยู่ครับ ทำไปประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์แล้ว เขียนเพลงไปได้ 3-4 เพลง เป็นสไตส์หนักๆ แต่เพลงช้าก็ยังเป็นแนวเดิมอยู่แล้วครับ ทำของเราเองครับ คาดว่าปีหน้าจะได้วางแผง ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มครับ ผมไม่ชอบออกเป็นซิงเกิล เพราะว่าผมไม่ได้ขายตามท้องตลาดครับ อาจจะขายในเน็ต ไม่ได้ทำแบบเป็นโปรดักชั่นใหญ่ขนาดนั้น คือที่คิดวางแผงปีหน้าเพราะถ้าปีหน้ามีคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย เพราะว่าได้ไปคุยกับทางอาร์เอสมา ก็เลยคิดว่าจะทำอะไรก็เอาเป็นปีหน้าไปเลยทีเดียวดีกว่า”
       
       “ถึงตอนนี้วงการเพลงมันเปลี่ยนไป อาจจะมีเกาหลีอะไร แต่ผมไปทัวร์คอนเสิร์ตมาทั่วประเทศ แล้วส่วนใหญ่เด็กๆ ก็หันกลับมาฟัง เพราะเพลงร็อกสมัยก่อนจะใช้จิตวิญญาณในการเขียนเพลง แล้วเสียงร้องเด็กสมัยนี้ยังไม่มีใครเทียบร้องเสียงสูงๆ มีพลัง เด็กสมัยนี้เลยคิดว่าทำไมไม่มีเพลงแบบนี้บ้าง พี่เขาทำเพลงออกมาสุดยอด เราก็เลยรู้สึกว่า เรายังมีข้อเปรียบเทียบ ก็เลยยังมีคอนเสิร์ตตลอด เพราะเดี๋ยวนี้คนหันมาฟังเพลงเก่าๆ เราก็เลยดีหน่อย”
       
       “อย่างคอนเสิร์ตกับอาร์เอสก็คุยกันมานานมากแล้วครับ แต่ว่าตอนนี้เขาก็กำลังทยอยทำอยู่ ส่วนคิวของไฮร็อกก็น่าจะเป็นปีหน้าครับ รู้สึกเป็นคอนเสิร์ตใหญ่หลายวงครับ น่าดูมาก ก็ไม่ได้รีบในการเตรียมตัวครับ เพราะว่าเหลือเวลาอีกตั้งปีนึง เพราะว่าผมจะเอาเวลาไปเล่นคอนเสิร์ตซะมากกว่า”
       
       เผยกับอดีตภรรยา “สา” ยังคุยกันเรื่อยๆ มีโอกาสได้เจอลูกชาย “น้องเซเดย์” บ้าง แต่กับลูกอีก 2 คน “โทย่า-ราย่า” ที่เกิดกับภรรยาคนแรก “การ์ตูน ณัชชา ปิ่นดอกไม้” ไม่ได้เจอเลย วอนขอเจอสักครั้ง
       
       “ตอนนี้กับสาก็คุยกันตลอดนะครับ คุยกันในโทรศัพท์ก็เจอลูกบ้างถ้ามีเวลาว่าง เขาก็พาลูกมาเจอตามปกติ กับตูนไม่เจอเลยครับ แต่ว่าก็อยากเจอลูกทุกคนเพราะว่าตอนนี้อยู่คนเดียวด้วย ไม่มีแฟนตั้งแต่เลิกกับสา ก็ไม่ได้คบใครเลยครับ ถามว่าเจอสาวๆ มั้ยก็เจอครับ แต่ผมรู้สึกว่าผมอยู่คนเดียวแล้วมีความสุขมากกว่า ไม่อยากให้มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วมันเบื่อที่จะมีครอบครัวแล้ว เพราะสองครั้งที่เคยมีก็เกิดเรื่องคล้ายๆ กันเลยครับ ก็เลยอยู่คนเดียวดีกว่า”
       
       “ผมว่าชีวิตแบบนี้ผมมีความสุขที่สุดแล้ว ถามว่า เหงามั้ย จริงๆ เหงานะครับ แต่ว่ามันก็ทำใจได้เพราะว่าผมสวดมนต์ทุกวันแล้วก็นั่งสมาธิด้วย มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าจิตใจเรามันสงบขึ้น มันไม่ค่อยคิดเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ ถ้าไม่เจอใครที่ใช่จิรงๆ ก็อยู่แบบนี้ครับ เพราะผมเลือกมากจริงๆ คนนี้จะอยู่จะทนเราได้หรือเปล่า”
       
       “น้องเซเดย์ ก็คุยกับสาตลอดครับ เล่นไลน์ คุยโทรศัพท์คุยกันลูกเป็นยังไงบ้าง ก็คุยกันตลอด แล้วถ้าวันไหนเขาว่างก็จะไปเจอกันที่นู่นที่นี่ก็จะได้ไปกอดลูก ก็รู้สึกดีที่เป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนี้เขายุ่งๆ ก็เลยไม่ค่อยได้เจอกัน แต่ถ้าเขาว่างเขาก็จะแมสเสจมาว่าเจอลูกตรงนี้นะ น้องเขาเป็นเด็กฉลาดครับ ตอนเล็กๆ ผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน โตขึ้นมาก็ฉลาดครับ (หัวเราะ)”
       
       “ลูกชายที่อยู่กับตูนอายุก็น่าจะ 14 แล้วครับ โตแล้ว เขาก็ส่งรูปมาให้ดูบ้าง ผมว่าอีกหน่อยเขาคงอยากคิดเจอพ่อบ้าง ผมว่าอีกไม่นาน (แล้วตอนนี้เขาไม่อยากเจอเราเหรอ?) ไม่รู้ครับ ผมว่าวันหนึ่งเขาคงอยากจะคิดว่าเขาอยากเจอพ่อ ก็หวังว่าสักวันนึงคงได้เจอกัน เพราะว่าผมก็คิดถึงลูกครับ เพราะว่าผมก็อยู่คนเดียวด้วยก็เหงา เพราะว่าถ้าชีวิตผมมีลูกอยู่ข้างๆ ชีวิตผมจะมีความสุข แต่อดีตผมไม่ค่อยคิดถึงผมไม่ค่อยจำเท่าไหร่ เพราะว่าบางทีอดีตที่ผ่านมาจะประสบความสำเร็จขนาดไหน ผมไม่ค่อยจำเท่าไหร่ คิดแค่ว่าข้างจะเป็นยังไงจะเกิดอะไร ผมคิดแค่นั้นอย่างเดียว”
       
       “เพราะตอนนี้ขาดการติดต่อกับตูนไปเลย ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนยังไง เพราะว่าผมก็ไม่ได้อยากไปรู้ ไม่อยากไปวุ่นวายกับเขา เพราะว่าเขาอาจจะมีครอบครัวใหม่ หรืออาจจะไม่สะดวกอะไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่าปล่อยไปตามที่พระเจ้าลิขิตดีกว่า วันนึงเขาอยากจะเจอพ่อ เราก็รออยู่ รอคอยว่าเมื่อไหร่ลูกจะกลับมาแค่นั้นเอง แรกๆ ก็มีบ้างนะปีนรั้วดู แต่ 6 ปีที่ผ่านมา เลิกกับสาไป จิตใจผมสงบขึ้น แล้วก็รู้เรื่องธรรมะมากขึ้น เลยไม่ค่อยวุ่นวายอะไรเท่าไหร่”
       
       “น้องโทย่าอยากเป็นนักร้อง ผมไปดูเขาในเฟซบุ๊กครับ เขาแอดมาแล้วก็หายไป เขาคงอยากมาดูว่าพ่อเราจริงหรือเปล่า ก็เห็นว่าเขาอยากเล่นดนตรี เลยคิดว่าสักวันนึงเขาคงกลับมา อย่างน้อยความเป็นพ่อลูกยังไงมันก็ตัดกันไม่ขาด ยังไงผมก็รอลูก พอเห็นแบบนี้แล้วก็อยากสอนให้เขาเล่นดนตรีให้เก่งๆ เพราะประสบการณ์ของผม ผมเล่นดนตรีมาประมาณ 20 กว่าปีแล้ว ก็เลยอยากเอาวิชาตรงนี้ไปสอน”
       
       “แต่ผมไม่เคยสอนใครเลย แต่ถ้าเกิดลูกสนใจฝากบอกด้วยแล้วกัน อยากเรียนดนตรีมาเลย เรื่องอะไรที่ผ่านมาให้มันผ่านไปผมว่าชีวิตมนุษย์มันไม่ได้ยืดยาว ทำวันนี้ให้มีความสุข ชีวิตข้างหน้าจะเป็นยังไงก็คอยดูไปดีๆ ก็คิดถึงลูกจะเป็นวันพ่อวันแม่คิดถึงหมด ก็ได้แต่หวังวันนึงจะได้เจอ เราก็ต้องรับมันให้ได้”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)