Author Topic: “แกรมมี่” แถลงถอด MV ออกจาก ยูทิวบ์ เพราะบริษัทเพลงทั่วโลกก็ใช้วิธีนี้  (Read 848 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“นายกริช ทอมมัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายธุรกิจเพลง) แกรมมี่


      ถูกพูดถึงมากทีเดียว ในส่วนของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ “แกรมมี่” ที่ได้ออกนโยบายใหม่ไม่มีการอัปโหลดมิวสิกวิดีโอเพลงใหม่ๆ ของศิลปินในสังกัดลงเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง YouTube ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันศุกร์ที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้แกรมมี่ได้รับผลกระทบต่างๆ ตามมามากมาย
       
       ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา “นายกริช ทอมมัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (สายธุรกิจเพลง) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวขึ้นที่ตึกแกรมมี่ ชั้น 21 โดยชี้แจงว่า การถอดเอ็มวีเพลงของแกรมมี่ออกจากยูทิวบ์ ทำเฉพาะกับเพลงแบบเต็มเพลงเท่านั้น ขณะที่เนื้อหาอื่นๆ เช่น สปอต หรือตัวอย่างเอ็มวีแบบสั้น ก็ยังคงหาดูในยูทิวบ์ได้เช่นเดิม
       
       พร้อมอธิบายเหตุผลว่า เนื่องจากมีการละเมิดลิขสิทธิ์นำเอ็มวีไปใช้อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้จากธุรกิจดาวน์โหลด แจงบริษัทเพลงทั่วโลกก็ใช้วิธีนี้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อปกป้องธุรกิจเพลงและอาชีพคนทำเพลงให้อยู่รอด แต่ทั้งนี้ เจ้าตัวก็ยอมรับว่า การทำแบบนี้แกรมมี่ได้รับผลกระทบจากแฟนเพลงไม่น้อย
       
       “ก่อนอื่นต้องขออภัยที่สร้างความเดือดร้อนให้กับบางคน แต่ที่เราทำ เราคิดว่าเรามีความจำเป็น เพื่อให้เรามีพื้นฐานความเข้าใจในเชิงธุรกิจเพลง คือ เราดูจากธุรกิจเพลงของบริษัททั่วโลก ว่า เขาแก้ปัญหาธุรกิจเพลงอย่างไร อะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้ อะไรที่เราจะต้องเดินไป อะไรที่เราจะต้องป้องกันตัวเอง”
       
       “ผมของพูดในส่วนของด้านริงโทนก่อน ที่เป็นกระแสอยู่พักนึงแล้ว ก็ตกลงเพราะเกิดจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เดิมที เราโทร.หากัน แต่เดี๋ยวนี้เราใช้ไลน์ วอทช์แอป ทวิตเตอร์ ทำให้เดี๋ยวนี้เราไม่รับโทรศัพท์กันแล้ว แต่ที่เราจะพูดถึงธุรกิจที่เป็นประเภทแอดเวอร์ไทซิ่ง  ซัพพอร์ต หรือธุรกิจที่รองรับกับการโฆษณา อย่างยูทิวบ์ และวีโว ซึ่งเป็นการร่วมมือของโซนี่และยูนิเวอร์แซล และอาบูดาบี ทำขึ้นเพื่อแก้ปัญหา รายได้มาจากการโฆษณา”
       
       “ในเมืองนอกเวลาเจ้าของเทคโนโลยีจะทำอะไรขึ้นมา จะคำนึงถึงเจ้าของสิทธิ์ เพราะถือว่าเอาของเขาไปดูฟรีไม่ได้ ทุกธุรกิจมีต้นทุน มีรายจ่าย  เลยต้องหาโมเดลที่วินวินทั้งสองฝ่าย ในอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ ออสเตรเลีย แต่ไทยไม่มีธุรกิจยูทิวบ์ เพราะมีปัญหาข้อกฎหมายที่ยูทิวบ์ยังไม่สามารถมี youtube.co.th ได้ในเมืองไทย เพราะกฎหมายไอซีที”
       
       “แต่เรามีการจัดเก็บสิทธิ์การเผยแพร่ต่างๆ เรามีทั่วโลกก็มี การทำซ้ำดัดแปลงเพลงเอ็มวีซ้ำ ก็มีลิขสิทธิ์ ซึ่งการที่มีคนเอาเพลงคนอื่นไปร้องแล้วอัดลงยูทิวบ์น่ะผิดกฎหมายนะครับ แต่เราเห็นว่า ขำๆ ปล่อยบ้างปรามบ้าง เพราะผิดกฎหมาย มาถึงยูทิวบ์รายได้เขามาจากการโฆษณา เอาจำนวนผู้เข้าชมมากมาซื้อโฆษณา โดยระบบการบิดพื้นที่ตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งถ้าเขามีรายจากตรงนั้นเยอะก็จะมาแบ่งให้กับเจ้าของเนื้อหานั้นๆ ก็ว่ากันไป” 
       
       “แต่ในเมืองไทยมีความน่ากลัวของเทคโนโลยีที่เข้ามากับธุรกิจเพลง ซึ่งเดิมทีโทรศัพท์เป็นระบบ 2จี การเข้าถึงข้อมูลยังไม่สะดวก ก็ไม่เกิดปัญหา เราเอาเพลงไปโพสต์ในยูทิวบ์ แต่ไม่เกิดปัญหาเพราะยังเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี ที่คนใช้ดู ซึ่งมันก็ไม่ได้ป้องกันการขโมย แต่ก็ยังจำกัดตัวอยู่แค่นั้น เราเอาไปโพสต์ในยูทิวบ์เพราะตอนนั้นสื่อเรายังน้อย ก็ใช้ชิ่งทางยูทิวบ์จนเราลืมไป แล้วมานึกได้ว่าสมาร์ทโฟน หรือ 3จี กำลังเกิด คนเข้าถึงได้หมด”
       
       “ความน่ากลัวคือคุณสามารถเอายูทิวบ์ไปอยู่ในมือถือของคุณ แล้วเอาเพลงไปเลย เพลงอยู่ในกระเป๋าเรียบร้อย ถามว่า จะมีสักกี่คนที่จ่ายตังค์โหลด ไม่มีแน่ คนที่จ่ายคือคนที่อยู่ในระบบ2จี ครับ คนมีสมาร์ทโฟนไม่จ่าย แล้วถ้ายูทิวบ์ไทยแลนด์ไม่มีรายได้ของคนทำงานอยู่ไหน การเอาสินค้าที่มีต้นทุนไปไล่แจกไม่ถูกต้อง ในแง่ของสังคมก็บอกว่า จะทำยังไงแกรมมี่ทำการตลาดแบบนี้ เราบอกเลยดูได้ คือ ผ่านทางจีเมมเบอร์ที่ปรับปรุงให้ดี ซึ่งจีเมมเบอร์ ก็คือ วีโวในอนาคต ดูเอ็มวีได้แค่ไม่สะดวกหน่อย”
       
       “ถ้าผู้บริโภคคนเสพเพลงที่เคารพ และเห็นใจคนทำเพลงและธุรกิจน่าจะเข้าใจเสียสละความลำบากครับ ถ้าไม่ลำบากมันจะอยู่ไม่ได้ แต่เราไม่ได้ประกาศทางการว่าจะปิดเราปิดยูทิวบ์ไม่ได้หรอกครับ แค่เราจะเอาสินค้าบางอย่างที่ไม่เป็นการไล่แจก เราถือว่ายูทิวบ์เป็นมีเดียการเอาสกู๊ปสปอร์ต ทีเซอร์ศิลปินขึ้นไปยังทำ แต่บางอย่างที่ขึ้นไปแล้วยูทิวบ์เรา และคนทำเพลงไม่ได้สตางค์แบบนี้ ธุรกิจก็ล่มสลาย”
       
       “ฉะนั้น เราก็พยายามคุยกันหาทางแก้ปัญหานี้ ยังดูเอ็มวีเราได้นะครับ แต่ขอให้เห็นใจที่ทำแบบนี้ต้องปกป้องคนทำธุรกิจอาชีพแต่งเพลงของเราครับ ยูทูปไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแกรมมี่ ไม่ครับ แต่ส่งผลต่อภาพรวมเป็นกระแสทั่วโลก นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมวีโวถึงออกจากยูทิวบ์ เพราะยังไม่มีโมเดลรองรับ เราก็พยายามขยายช่องของจีเมมเบอร์ให้เข้าได้ 1 หมื่นคนต่อ 1 วินาที”
       
       “เราเติมได้ขอแค่เข้ามาดู และเข้าดูฟรี แชร์ได้ด้วย นั่นหมายถึงเราจะเป็นเหมือนวีโวที่มีช่องทางธุรกิจในอนาคต ถ้ายูทิวบ์ไม่มีช่องทางนี้ได้จนกว่าจะมียูทูปประเทศไทย ถามว่า ต่อไปในอนาคตจะเสียเงินมั้ย คือ ในแง่ดูเอ็มวีถ้าเอาโมเดลยูทิวบ์มาใช้ คงไม่เก็บเงิน แต่จะมีคนดูมาเก็บเงิน ถ้ายอดวิวสูง และมีโฆษณาเข้ามา ผู้บริโภคและเราไม่เดือดร้อน ก็วินวิน ซึ่งอยากคุยโมเดลนี้กับยูทิวบ์”
       
       “การเซิร์ทค้นหาเพลงไม่มีปัญหาครับ ก็จะขึ้นว่าอยู่ในจีเมมเบอร์ เพลงเรายูทูปในต่างประเทศยังดูได้นะครับ เพราะเขามีโมเดลชัดเจน ยังเป็นคู่ค้า แม้จะน้องนิดก็เถอะ แล้วเพลงเอ็มวีในยูทิวบ์ก็จะดึงออกมาครับ ดึงหรือไม่ดึงต้องเจรจาจากยูทูป ถ้าทำลายธุรกิจ ของใหม่เราไม่เอาลงแล้วกัน อันเก่าก็ทยอยๆ เพราะมันเยอะครับ เพลงเราเป็นดาต้าข้อมูล เราก็ต้องปรับตัวตามโลก เราปกป้องตัวเอง เพราะเราไม่มีธุรกิจไงครับ พอไม่มีธุรกิจ ทุกคนมีต้นทุน แต่ไม่มีรายได้ไปไม่รอดครับ”
       
       “ในจีนก็มีโมเดลนี้อย่างในจีนมาจากโฆษณานะ ถ้าเพลงคุณไม่ดีคนไม่เข้าดูก็จะไม่มีโฆษณา เพื่อนักแต่งเพลงคนทำมีกำลังใจในการสร้างสรรค์งานเพลง ส่วนยูทูปไทยแลนด์จะเกิดมั้ย ต้องไปถามรัฐบาลครับ แต่ถ้าอัพโหลดโดยผู้ใช้คนอื่นๆ ต้องลบครับ เพราะละเมิดครับ เป็นการทำซ้ำดัดแปลง พูดง่ายๆ คนเอาของบ้านคุณไปให้ชาวบ้านคุณยอมมั้ย ไม่มีใครยอมหรอกครับ”
       
       “ศิลปินไม่มีผลกระทบหรอกครับ ศิลปินก็ยังมีรายได้ ปกติการโฆษณาศิลปินไม่จำเป็นต้องไล่แจกเพลงครับ ส่วนเรื่องที่นโยบายนี้ทำให้แฟนเพลงไม่พอใจนั้น ก็ถ้าแฟนเพลงที่เคารพเมตตาธุรกิจเพลง คนแต่งเพลง เขาน่าจะยอมลำบากให้เราอยู่รอด ถ้าอ้างว่าเป็นแฟนเพลงแต่ไม่ช่วยเรานั้น ผมว่าก็ไม่เกื้อกูลไป”
       
       “การออกจากยูทิวบ์ก็ไม่ได้ทำให้คนหันไปดูจีเอ็มเอ็มแซทมากขึ้นหรอกครับ แยกกันอยู่แล้ว ถ้าจะเมตตาดูจีเอ็มเอ็มแซทหรือกล่อง หรือแอปเราก็ได้ครับ (หลังจากปรับระบบเรียบร้อยแล้วอุตสาหกรรมเพลงจะดีขึ้นมั้ย ?) มันคงต้องกลับมา อาจไม่เท่าเดิม แต่จะดีขึ้นก็จับกระแสดูพวกใหญ่ๆ เขาทำ แต่เราเล็กๆ ก็ต้องปรับตัวดิ้นรน เราเริ่มไม่เอาขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่าน (3 ส.ค.) มาลองไม่เอาขึ้นไม่กี่เพลง ก็มีผลเยอะมากเหมือนกัน แต่ลองเข้าจีเมมเบอร์ดูอะไรไม่ดีบอกกัน ซึ่งสามารถแชร์ได้ปกติ”
       
       “พ.ร.บ.37 น่าจะลองอ่านดูนะว่าที่เอาไปทำซ้ำน่ะผิดกฎหมาย แต่คนไม่รู้ พอเราไปจับก็ว่าแกรมมี่เป็นยักษ์ คนไทยชอบคิดว่าเพลงเป็นของฟรี เพราะธุรกิจมีรายจ่ายไม่มีรายได้อยู่ไม่ได้ เป็นธุรกิจมีมันสมอง ถ้าคนขโมยๆ ใครจะทำ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าอาชีพเต้นกินรำกินทำแล้วมันจนอย่าไปทำเลย ทั้งที่เขาทำมาไว้ดีแล้ว ตั้งแต่รุ่น พี่เต๋อ เรวัติ แล้วตอนนี้มาทำลายอีกแล้ว เห็นแก่ลูกหลานในอนาคตเถอะ”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)