มัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายนี้ถูกเรียกขานในชื่อ DSNChanger คอมพิวเตอร์ที่มีมัลแวร์นี้แฝงตัว มีความเสี่ยงไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
ภาพจากคณะทำงาน DNS Changer Working Group แสดงเพจผลการทดสอบคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีมัลแวร์ DNS แฝงตัวอยู่ รายงานจากสำนักข่าว Mercury News ระบุว่า มัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายนี้ถูกเรียกขานในชื่อ DNSChanger แต่เดิมเป็นมัลแวร์ที่ถูกติดตั้งในคอมพิวเตอร์ของชาวอเมริกันมากกว่า 500,000 เครื่อง ซึ่งเมื่อมีรายงานว่ามัลแวร์ดังกล่าวจะมีผลทำให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของเครื่องเกิดความขัดข้องแบบพร้อมเพรียงกันในวันจันทร์ที่ 9 ก.ค.นี้ ทำให้สำนัก FBI ของสหรัฐฯ ยื่นมือช่วยเหลือจนทำให้จำนวนดังกล่าวลดลงเหลือ 70,000 เครื่องในขณะนี้
การช่วยเหลือผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ นั้นดำเนินการในรูปแคมเปญรณรงค์ให้ผู้ใช้ทดสอบเครื่องว่ามีมัลแวร์แฝงตัวในคอมพิวเตอร์หรือไม่ โดยที่ผ่านมาเว็บไซต์บริษัทรักษาความปลอดภัยที่มีชื่อเสียงหลายแห่งพร้อมใจให้บริการผู้ใช้ทดสอบระบบได้ฟรีก่อนถึงกำหนดวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันดีเดย์ที่มัลแวร์นี้กำหนดไว้เพื่อเริ่มปั่นป่วนโลกออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ไม่ทราบข่าวและยังไม่ได้กำจัดมัลแวร์ร้ายออกจากเครื่อง ผู้ใช้กลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นคือผู้ใช้จำนวนมากจะพร้อมใจโทร.ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ service provider อย่างอลม่าน เพื่อรับคำแนะนำให้ลบมัลแวร์และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง
ล่าสุด ทั้งกูเกิลและเฟซบุ๊กต่างส่งข้อความเตือนผู้ใช้ถึงภัยมัลแวร์ที่อาจเกิดขึ้น โดยกูเกิลเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามมาด้วยเฟซบุ๊กที่เริ่มเตือนภัยในเดือนมิถุนายน ซึ่งทั้งคู่เป็นบริการออนไลน์ที่มีผู้ใช้บริการจำนวนหลายล้านคนทั่วสหรัฐฯ และมัลแวร์ DSNChanger ที่จะทำให้ชาวออนไลน์ใช้งานไม่ได้อาจจะมีผลต่อรายได้การโฆษณาของทั้งคู่ไม่มากก็น้อย ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า มัลแวร์นี้จะสร้างความปั่นป่วนด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบ Domain Name System ซึ่งเป็นระบบแปลงตัวเลขระบุที่อยู่เว็บไซต์ให้เป็นคำตัวอักษรที่เข้าใจง่าย DNSChanger จะทำให้ระบบโดเมนเนมทำงานผิดปกติ และทำให้คอมพิวเตอร์แสดงเพจเว็บไซต์ที่ผิดกฏหมายแทน แถมคอมพิวเตอร์จะถูกควบคุมจากเครื่องแม่ข่ายของผู้ไม่ประสงค์ดีจากระยะไกล โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวด้วย
ที่มา: manager.co.th
