นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ แพลนเน็ตคอมชี้ถึงยุคทองของทีวีระบบดิจิตอล หลังกสทช.มีเป้าหมายชัดเจนหยุดแพร่ภาพระบบอะนาล็อกภายในปี 2558 คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 2 หมื่นล้านบาทในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งการผลิตฮาร์ดแวร์ เซ็ตท้อปบ็อกซ์ คอนเทนต์ นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกระบบดิจิตอลทีวีว่าจะใช้ระบบใด ระหว่าง DVB-T จากยุโรป, ISDB-T จากญี่ปุ่น, DTMB และ CMMB จากจีน ซึ่งทั้ง 3 ระบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน โดยทางกสทช. ได้กำหนดโรดแมปในการเปลี่ยนจากการถ่ายทอดโทรทัศน์ระบบอะนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอลภายในปี 2558 ทำให้ช่องทีวีเดิม 1 ช่องสามารถถ่ายทอดทีวีระบบดิจิตอลได้ 6 -10 ช่อง และยังรองรับมาตรฐานภาพแบบ High Definition TV ด้วย ซึ่งจะทำให้เกิดทีวีใหม่ได้เป็น 100 ช่อง
โดยองค์ประกอบที่ กสทช.ต้องนำมาพิจารณาคือ การใช้งานร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เนื่องจากมีเขตแดนติดต่อกัน มักจะใช้สัญญาณโทรทัศน์ร่วมกัน หากกลุ่มประเทศอาเซียนใช้ระบบเดียวกันทั้งหมด ก็จะส่งผลดีในด้านอุตสาหกรรมสื่อหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ACE) เพราะเป็นโอกาสที่จะสื่อสารและส่งสินค้าไปจำหน่ายในกลุ่มอาเซียน ก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจและผลกระทบตามมาคือจะมีการลงทุนในการสร้างเครือข่าย และอุปกรณ์เพื่อการผลิตรายการ เครื่องรับโทรทัศน์เดิมกว่า 20 ล้านเครื่อง จำเป็นต้องติดกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์แบบดิจิตอล เพื่อรับสัญญาณโทรทัศน์ ส่วนเครื่องโทรทัศน์รุ่นใหม่จะมีภาครับทีวีแบบดิจิตอลติดตั้งมาจากโรงงาน
นายประพัฒน์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การเปลี่ยนระบบสู่ทีวีดิจิตอล จะส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรมและการลงทุนใหม่ รวมทั้งเกิดการจ้างงานในระบบที่เกี่ยวเนื่องอีกหลายภาคส่วน ทั้งการผลิตเครื่องรับทีวี, อุปกรณ์รับสัญญาณเซ็ตท้อปบ็อกซ์, การผลิตคอนเทนต์ด้านต่างๆ จากการเพิ่มจำนวนสถานีโทรทัศน์ จากฟรีทีวีเดิม 6 ช่อง เป็น 100 ช่อง
ในส่วนของภาคเอกชนนั้นต้องการให้ภาครัฐมีการส่งเสริมการผลิตอุปกรณ์รับสัญญาณเซ็ตท้อปบอกซ์ ในกลุ่มผู้ประกอบการคนไทย ซึ่งจะทำให้เกิดการลงทุนและเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากจำนวนเครื่องรับทีวี 20 ล้านเครื่องของครัวเรือนไทยในปัจจุบัน ที่จะต้องติดตั้งเซ็ตท้อปบ็อกซ์ เพื่อจะได้รับชมทีวีดิจิตอล ซึ่งปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท
ด้านแพลนเน็ตคอมเตรียมพร้อมรับการเติบโตของตลาดโดยอาศัยประสบการณ์และความชำนาญด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และดิจิตอลทีวีมากกว่า 17 ปี เป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมและโทรทัศน์ระบบดิจิตอลในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการผสมผสานอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เข้ากับองค์ความรู้และความชำนาญในการทำงานในรูปแบบโซลูชั่น ให้คำปรึกษาและออกแบบระบบการสื่อสาร เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มองค์กรธุรกิจ ทั้งองค์กรขนาดใหญ่ ไปจนถึงองค์กรขนาดเล็กที่มีความต้องการใช้งานระบบการสื่อสารทั้งสื่อสารภายใน และการสื่อสารทางไกล ด้วยเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ปัจจุบันมีพนักงาน 130 คน เป็นวิศวกร ประมาณ 40%
เทคโนโลยีของแพลนเน็ตคอมประกอบด้วย 2 ส่วนคือ1. สื่อสารไร้สาย ได้แก่ ดาวเทียม สื่อสารไร้สายความเร็วสูง วิทยุสื่อสาร 2. สื่อสารแบบมีสาย ได้แก่ LAN Router/Switch Fiber Optic Security และ3. Multimedia ได้แก่ Video Conference / TelePresence / VoIP โดย แพลนเน็ตคอม ได้รับการแต่งตั้งจาก CISCO ให้เป็น Master ATP ผลิตภัณฑ์ TelePresence ส่วนกลุ่มลูกค้าแพลนเน็ตคอม ประกอบด้วย 1.ภาคเอกชน เช่น โรงงานผู้ผลิต หรือบริษัทเอกชน 2.ภาครัฐ เช่น หน่วยงานราชการ กองทัพ ตำรวจ สถาบันการศึกษา 3.ผู้ให้บริการสาธารณะ เช่นทีโอที กสท เอไอเอสและดีแทค 4.สถานีโทรทัศน์ เช่น ช่อง 3 5 7 9 11 ThaiPBS 5.ลูกค้าต่างประเทศในกลุ่มอาเซียน
'จุดแข็งของแพลนเน็ตคอมอยู่ที่การเป็นผู้นำเทคโนโลยีล่าสุด มีพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตระบบสื่อสารชั้นนำของโลก เช่น CISCO Cambium GEMDS Thales และมี R & Dของตัวเอง'
Company Related Link :
PlanetComm
ที่มา: manager.co.th