ผู้กำกับฝีมือดี เจมส์ คาเมรอน ได้เดินทางกลับสู่พื้นดินแล้ว หลังการดำดิ่งสู่จุดที่ลึกที่สุดของโลกในร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา ทำให้กลายมาเป็นบุคคลแรกที่สามารถดำน้ำได้ตามลำพังเป็นระยะทางเกือบ 7 ไมล์โดย เจมส์ คาเมรอน วัย 57 ปี ผู้กำกับและนักเขียนบทชื่อดังชาวแคนาดา ซึ่งเคยฝากผลงานการกำกับภาพยนตร์ชื่่อดังก้องโลกไว้อย่าง ไททานิค มาวันนี้ เขาประสบความสำเร็จในการดำดิ่งสู่จุดที่ลึกที่สุดของโลก เพื่อโปรเจ็กภาพยนตร์ 3 มิติของเขา โดยเขาได้ใช้เรือดำน้ำที่ชื่อ 'Deepsea Challenger' ดำดิ่งสู่จุดที่ลึกที่สุดลงไป 35,756 ฟุต หรือประมาณ 6.77 ไมล์ต่อ 10.89 กิโลเมตร เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยกล้อง 3 มิติหลายแบบและถ่ายภาพเก็บตัวอย่างก่อนที่จะกลับสู่พื้นผิวโลก เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา โดยใช้เวลาถ่ายทำกว่า 3 ชม. ซึ่งความพยายามนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็ก 'Deepsea Challenger' ที่เป็นความร่วมมือทางวิทยาศาตร์ระหว่าง คาเมรอน, National Geographic และ Rolex เพื่อดำเนินการวิจัยและสำรวจมหาสมุทรลึก โดยคาเมรอนเป็นบุคคลแรกตั้งแต่ปี 1960 ที่ดำน้ำสำเร็จสู่จุดล่างสุดของโลก โดยเรือดำน้ำออกเดินทางจากมหาสมุทรแปซิฟิกราว 200 ไมล์ (322 กม.) ตะวันตกเฉียงใต้ของ Guam ของวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม เวลา 5:15 a.m. ตามเวลาท้องถิ่นของ Guam (หรือวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม เวลา 3:15 p.m. ตามเวลา Eastern Time) และเดินทางดำดิ่งลงไปยัง "Challenger Deep" หรือจุดที่ลึกที่สุด โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกับ 36 นาที จากนั้น คาเมรอนก็กลับสู่พื้นผิวโลกในตอนเที่ยงตามเวลาท้องถิ่นของ Guam ของวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม (หรือ 10 p.m. ตามเวลา Eastern Time ของวันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม) ซึ่งเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้านล่างเพื่อเก็บตัวอย่างสำหรับงานวิจัยชีววิทยาและจุลชีววิทยาทางทะเล และธรณีวิทยาและธรณีฟิสิกส์ทางทะล กว่า 3 ชม. โดยคาเมรอนได้กล่าว "การเดินทางในครั้งนี้ เป็นสุดยอดของกว่า 7 ปีในการวางแผนสำหรับผมและทีมงานของ 'Deepsea Challenger' และที่สำคัญที่สุด เป็นการผลักดันขอบเขตของการที่มนุษย์สามารถไปยังที่ที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้ ซึ่งพวกเราจะประสบความสำเร็จไปไม่ได้ ถ้าขาดการสนับสนุนของ National Geographic และ Rolex" สำหรับผู้ที่สนใจในรายละเอียดเกี่ยวกับการสำรวจในครั้งนี้ สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวบไซต์
www.DEEPSEACHALLENGE.com หรือทางทวิตเตอร์ @DeepChallenge หรือ #deepseachallenge หรือที่หน้าเฟสบุ๊ค
https://www.facebook.com/deepseachallengeSource : CNET
ที่มา: pantip.com