Author Topic: เอชทีซี"แพ้คดีสิทธิบัตร"แอปเปิล มีผลอย่างไร (ในสหรัฐฯ) ?  (Read 829 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


แฟ้มภาพปีเตอร์ โชว ซีอีโอเอชทีซีที่ประกาศเริ่มกระบวนการลบเทคโนโลยีที่ละเมิดแอปเปิลแล้ว


Nexus One หนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ถูกระบุชื่อในคำฟ้อง

เมื่อเอชทีซีถูกตัดสินให้แพ้คดีละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีของแอปเปิล คำถามมากมายเกิดขึ้นในความคิดของสาวกเอชทีซี หลายคนงงว่าการแพ้คดีครั้งนี้จะมีผลอย่างไร และจะเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้งานสมาร์ทโฟนเอชทีซีอย่างไรในอนาคต
       
       คำถามเหล่านี้ มีคำตอบแล้วในบทความนี้
       
       - เนื้อหาคำตัดสินคืออะไร?
       
       คณะกรรมการการค้าต่างประเทศแห่งสหรัฐฯหรือ U.S. International Trade Commission (ITC) ตัดสินให้ HTC มีความผิดฐานละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีหมายเลข 5,946,647 ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจจับข้อมูลที่ทำให้สมาร์ทโฟนสามารถจำแนกได้แบบอัตโนมัติว่าข้อความใดเป็นอีเมลแอดเดรส, โทรศัพท์มือถือ หรือเป็นที่อยู่ธรรมดา เมื่อจำแนกได้ระบบจะย้ายข้อความเหล่านั้นไปยังปฏิทินงาน, หน้าโทรออก หรือแอปพลิเคชันแผนที่แบบอัตโนมัติเช่นกัน
       
       คำตัดสินนี้จะมีผลกับอุปกรณ์เอชทีซีทุกรุ่นที่มีคุณสมบัติดังกล่าว และจะถูกสั่งห้ามจำหน่ายในสหรัฐฯในช่วงเดือนเมษายนปีหน้า จุดนี้เอชทีซีอ้างว่าเป็นส่วนติดต่อผู้ใช้หรือ UI ที่ไม่สลักสำคัญมาก และจะดำเนินการลบคุณสมบัตินี้จากสมาร์ทโฟนเอชทีซีได้ครบในเร็ววัน
       
       - เมื่อเอชทีซีแพ้ สมาร์ทโฟนเอชทีซีจะยังมีจำหน่ายในสหรัฐฯต่อไปหรือไม่?
       
       สินค้าของเอชทีซีจะไม่หายไปจากตลาดแน่นอน เพราะ ITC ให้เวลาเอชทีซีหาทางออกถึงวันที่ 19 เมษายนก่อนที่คำสั่งห้ามจำหน่ายในสหรัฐฯจะมีผล ถือว่าเหลือเฟือสำหรับเอชทีซีที่จะหาข้อสรุปที่ยืดหยุ่นได้
       
       แต่หากเอชทีซียังไม่ลบความสามารถที่ถูกตัดสินว่าละเมิดออกไป เอชทีซีจะไม่สามารถนำเข้าโทรศัพท์เข้ามาจำหน่ายในสหรัฐฯได้ตามคำสั่ง ITC ซึ่งซีอีโอเอชทีซีได้ออกมาย้ำว่าได้เริ่มดำเนินการลบและพัฒนาความสามารถใหม่ขึ้นมาแทนที่แล้ว เท่ากับกรณีดังกล่าวมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น
       
       - คำตัดสินนี้กระทบสมาร์ทโฟนกี่เครื่อง?
       
       มีเพียง Droid Eris และ Nexus One เท่านั้นที่ถูกระบุชื่อในคำร้องดั้งเดิม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าคำตัดสินดังกล่าวครอบคลุมสมาร์ทโฟนกี่เครื่องในสหรัฐฯ
       
       ชาวเอชทีซีในสหรัฐฯจะต้องอัปเดทซอฟต์แวร์อีกครั้งในอนาคต เพื่อให้สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นไม่เข้าข่ายละเมิดสิทธิบัตรแอปเปิล
       
       - อย่างนั้นสมาร์ทโฟนเอชทีซีจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
       
       ความเปลี่ยนแปลงคือสมาร์ทโฟนเอชทีซีจะไม่สามารถทำงานบางอย่างได้
       
       สิทธิบัตรที่เอชทีซีถูกตัดสินว่าไปละเมิดแอปเปิลนั้นมีบทบาทค่อนข้างสูงในการใช้งาน หากเอชทีซีลบคุณสมบัติที่ละเมิดนั้นออกไปโดยไม่สร้างความสามารถใหม่ขึ้นมาทดแทน ผู้ใช้จะไม่สามารถแตะที่ข้อความอีเมลแอดเดรสเพื่อโทรออกหาเจ้าของแอดเดรสได้อัตโนมัติอย่างเคย แต่ผู้ใช้จะต้องกดเลขหมายโทรศัพท์ของเจ้าของอีเมลด้วยมือตัวเอง รวมถึงการแตะที่ข้อความที่อยู่ แล้วไปแสดงตำแหน่งในแอปพลิเคชันแผนที่หรือระบบนำทางแบบอัตโนมัติ ก็จะไม่สามารถทำได้เช่นกัน
       
       สิ่งนี้ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อสมาร์ทโฟนเอชทีซีในอนาคตต้องดูให้ดี ว่าความสามารถเรื่องการแตะที่ข้อความบนหน้าจอเหล่านี้จะถูกเอชทีซีจัดการอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้ใช้แต่ละรายว่าจะยอมรับกับคุณสมบัติใหม่ที่เอชทีซีพัฒนาขึ้นมาทดแทนได้ขนาดไหน
       
       - นี่คือจุดจบเอชทีซีหรือเปล่า?
       
       ไม่เลย แม้เอชทีซีจะถูกตัดสินให้แพ้คดีแต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเอชทีซีจะเร่งพัฒนาเทคนิกของตัวเองขึ้นมาเพื่อให้สมาร์ทโฟนของตัวเองยังมีคุณสมบัติดั้งเดิมอยู่ หรือไม่ก็ยังมีทางออกอีกทางที่หลายบริษัทใช้กันเมื่อถูกฟ้องร้องว่าละเมิดสิทธิบัตร นั่นคือการยอมจ่ายเงินค่าสิทธิบัตรเพื่อให้มีสิทธิ์ใช้เทคโนโลยีเดิมต่อไป
       
       ขณะเดียวกัน เอชทีซียังมีสิทธิ์อุทธรณ์ได้อีก เช่นเดียวกับคดีที่เอชทีซีและแอปเปิลยังมีค้างอยู่ในศาลหลายประเทศ
       
       - เรื่องนี้จะกระทบผู้ใช้แอนดรอยด์อย่างไร?
       
       การชนะคดีครั้งนี้ทำให้แอปเปิลสามารถนำไปต่อกรกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รายอื่น จุดนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูงเพราะแอปเปิลแสดงท่าทีต่อต้านผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์อย่างจริงจัง เห็นได้จากการตะลุยฟ้องผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รายใหญ่อย่างซัมซุงและโมโตโรลาในหลายประเทศ
       
       แต่ในนาทีนี้ ทั้งซัมซุง โมโตโรลา และผู้ผลิตอุปกรณ์แอนดรอยด์รายอื่นยังปลอดภัยดี เช่นเดียวกับกูเกิลที่กำลังเร่งมือพัฒนาความสามารถใหม่ให้ทันเส้นตายวันที่ 19 เมษายน ทั้งหมดคาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อผู้ใช้แอนดรอยด์ทั่วโลก
       
       ---------------------
       
       มหากาพย์ของการฟ้องร้องคดีละเมิดสิทธิบัตรของแอปเปิลและเอชทีซีนั้นเริ่มจากแอปเปิลเป็นฝ่ายเริ่มฟ้องเอชทีซีเมื่อเดือนมีนาคม ปีที่แล้ว แอปเปิลกล่าวหาว่าเอชทีซีได้ละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลนีมากกว่า 20 รายการ เบื้องต้น ITC ตัดสินว่าเอชทีซีมีความผิดแต่เอชทีซีหันมาแก้เกมด้วยการเข้าซื้อบริษัท S3 Graphics แล้วกลับมาดำเนินการฟ้องกลับแอปเปิลอีกครั้ง ซึ่งการฟ้องร้องครั้งนั้นแอปเปิลเป็นฝ่ายแพ้คดี ก่อนที่ ITC จะพลิกคำตัดสินให้แอปเปิลเป็นฝ่ายชนะช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
       
       ล่าสุด ITC ประกาศผลพิจารณาคดีว่าเอชทีซีมีความผิดละเมิดสิทธิบัตรเทคโนโลยีแอปเปิลจำนวน 2 รายการ ศาลจึงสั่งห้ามเอชทีซีนำเข้าอุปกรณ์เพื่อจำหน่ายช่วงเดือนเมษายนปีหน้า จุดนี้คำกล่าวของซีอีโอเอชทีซีชี้ว่า ผู้ผลิตสัญชาติไต้หวันได้เตรียมแผนรับมือคำตัดสินเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางกูเกิลที่ประกาศชัดเจนว่ากำลังแก้ไขคุณสมบัติของแอนดรอยด์ครั้งใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงไม่ให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์แอนดรอยด์ถูกฟ้องร้องไปได้มากกว่านี้
       
       เอชทีซีชี้ว่าเทคโนโลยีทั้ง 2 รายการเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบ UI ซึ่งสามารถตัดออกจากผลิตภัณฑ์เอชทีซีได้ทั้งหมดในเร็ววัน
       
       Company Related Link :
       HTC

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics

  Subject / Started by Replies Last post
0 Replies
6228 Views
Last post October 21, 2010, 05:59:35 PM
by Nick
0 Replies
7868 Views
Last post October 23, 2010, 12:51:34 PM
by Nick
0 Replies
7602 Views
Last post January 13, 2011, 04:29:26 PM
by Nick
0 Replies
5299 Views
Last post February 27, 2011, 11:13:31 PM
by Nick
0 Replies
6760 Views
Last post March 11, 2011, 04:59:35 PM
by Nick
0 Replies
3169 Views
Last post May 03, 2011, 02:41:58 PM
by Nick
0 Replies
3532 Views
Last post July 03, 2011, 09:25:17 AM
by Nick
0 Replies
3395 Views
Last post July 08, 2011, 03:26:19 PM
by Nick
0 Replies
3283 Views
Last post December 02, 2011, 02:27:58 PM
by Nick
0 Replies
2730 Views
Last post December 03, 2011, 05:41:01 PM
by Nick