รอเคลียร์ กสทช. “เจ๊ฉอด” ยัน “กรีนเวฟ” ยังไม่หมดสัญญา พ้อโดนลูกค้าสับแหกตา ย้อนความเสียหายนี้ใครรับผิดชอบ
“เจ๊ฉอด” พร้อมเคลียร์ “กสทช.” กรณีไม่ต่อสัญญา “กรีนเวฟ” เหตุสัญญาหมดอายุสิ้นปีนี้ พร้อมยันยังไม่หมดสัญญา ก่อนกร้าวพร้อมโชว์หลักฐาน เจ้าตัวโอดทำกระทบความน่าเชื่อถือ ทำโดนลูกค้าสับหลอกลวง ย้อนความเสียหายนี้ใครรับผิดชอบ บอกยังไม่กล้าฟันธงจะอยู่หรือไป
ยังอยู่ในความสนใจ สำหรับกรณีที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เตรียมเดินหน้าล้างคลื่นความถี่วิทยุเพื่อจัดสรรให้เป็นคลื่นความถี่วิทยุแห่งชาติ ทำให้คลื่นความถี่เดิมที่กำลังจะหมดสัญญาถูกยึดคืนทั้งหมด ทั้งระบบ AM และ FM โดยความถี่ชุดแรกที่ถูกพิจารณาเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมไปรษณีย์เดิมรวมทั้งสิ้น 9 สถานี ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคลื่นวิทยุสีเขียว 106.5 กรีนเวฟ ของ “เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” บิ๊กเอไทม์ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ที่จะถึงนี้
สอบถามไปยัง “เจ๊ฉอด” เจ้าตัวก็ยอมรับว่างงกับข่าวที่ออกมา โดยชี้แจงว่าทางกสทช.ไม่ได้ส่งสัญญาบอกก่อนล่วงหน้าแต่อย่างใด
“ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นเรื่องเป็นราวที่จะเรียกเราเข้าไปคุยเลยค่ะ ไม่มีอะไรทั้งสิ้นค่ะ มีแต่เพียงข่าวที่ออกมา จริงๆ ต้องเรียนว่ายังไม่อยากออกมาพูดอะไร มันเป็นเรื่องค่อนข้างละเอียดอ่อน ควรจะเป็นเรื่องของการหารือระหว่างหน่วยงานกับหน่วยงานทางภาครัฐกับเราก่อนจะออกไปสู่สื่อ”
“เราทุกคนเห็นด้วย การมีกสทช. หมายถึงว่าการมีกสทช.คือสิ่งที่พวกเราทุกคนรอคอยและอยากให้เกิดขึ้นเพื่อที่จะมาช่วยจัดระบบระเบียบการสื่อสารในบ้านเรา อีกประเด็นคือ การหมดสัญญา จริงๆ แล้วต้องเรียนว่าสัญญาไม่ได้หมดอย่างที่ทุกคนรู้กัน แต่เราต้องรอให้กสทช.ร่างแผนแม่บทเสร็จแล้วก็จะเกิดการคืนสื่อทั้งหมดเพื่อให้กสทช.จัดการ เพื่อเริ่มใหม่”
“เพราะฉะนั้นในตอนต่อสัญญาจึงไม่รู้ว่าสัญญาจะต้องต่อไปถึงเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นสัญญาที่ทำกับทางสถานีเอาไว้จึงทำแบบเปิดเอาไว้ คือการต่อสัญญาเริ่มตั้งแต่วันนี้แต่ไม่มีจุดจบ และเข้าใจตรงกันว่ารอจนแผนแม่บทเสร็จแล้วจะมาจัดสรรพร้อมกัน คือทุกสถานีจะเป็นเช่นนี้หมด หากผู้ผลิตรายเดิมไม่ได้มีอะไรผิดพลาดบกพร่องใดๆ ก็ให้ทำไปเรื่อยๆ ก่อน รอจนแผนแม่บทเสร็จแล้วถูกจัดสรรพร้อมกันหมด”
“ตอนนี้มันเป็นเรื่องของการโอนย้ายความรับผิดชอบคลื่น กรีนเวฟจึงอยู่ในความดูแลของกสทช. แต่ในความเป็นจริงแล้วกสทช. มีสถานีวิทยุเองไม่ได้ และกสทช.ก็ทำเองไม่ได้ พอมีปัญหาเกิดขึ้นทางเราก็ได้หาทางออกร่วมกันกับท่านกทช.(สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ)ท่านทีมเก่า ถามว่าการเรียกคืนแบบนี้เป็นไปได้มั้ย มันเป็นไปได้ค่ะ แต่ควรมีการเรียกเราเข้าไปหารือร่วมกันก่อน ว่าจะทำอย่างไรที่ไม่ให้เสียผลประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย เพราะเราเองก็เป็นเด็กดีมาโดยตลอด ทั้งการช่วยเหลือสถานี การจ่ายเงินตามสัญญา ปรับปรุงอุปกรณ์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ถูกต้องก็ควรจะเรียกเราเข้าไปก่อน”
“การที่ออกมาประกาศว่าจะเอาคลื่นคืนเพราะหมดสัญญา คนที่พูดต้องกลับไปดูก่อนค่ะว่าสัญญามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ฉอดเองเข้าใจและอยู่กับกระบวนการทำรายการวิทยุมาจนแก่ป่านนี้แล้ว ทำไมจะไม่เข้าใจว่าถ้าสัญญาหมดการคืนคลื่นมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่นี่มันไม่ได้เป็นการหมดสัญญา ฉอดอยู่ในวงการวิทยุมานาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ มันคงไม่มีอะไรที่ทำให้ตื่นเต้นหรือตกใจอะไรมากไปกว่านี้”
“มันมีประเด็นนึงที่เขาว่า ก็รู้อยู่แล้ว คือรู้ค่ะว่าต้องมีการจัดสรรใหม่ แต่วันนี้มาบอกว่าทำที่เราก่อน เพื่อเป็นตัวอย่าง คำว่าตัวอย่างคืออะไรคะ แผนแม่บทบอกว่าต้องเอาทั้งหมดมารวมกันแล้วจัดสรรใหม่ นั่นคือสิ่งที่ต้องทำ แต่มาวันนี้บอกจะทำของเราก่อน เลยไม่รู้ว่าเป็นตัวอย่างอะไร ไม่เข้าใจ งงๆ แต่ก็ไม่อยากออกมาพูดอะไรมากมันจะดูไม่ดี มันจะเป็นการโต้ไปมา แต่พอมีคนถามเข้ามามาก เราไม่ตอบก็คงไม่ได้ บางอย่างที่เขาพูดมามันก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริงจึงต้องออกมาพูด”
พ้อบั่นทอนกำลังใจทำกระทบความน่าเชื่อถือขององค์กร ถามความเสียหายในด้านโฆษณาของลูกค้าที่ทำสัญญากับทางคลื่นข้ามปีใครจะรับผิดชอบ
“สิ่งที่ตามมาหลังจากที่กสทช.พูดออกสื่อโดยที่ทางเราไม่รู้มาก่อน ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือทางลูกค้า เรามีลูกค้าที่เซ็นสัญญาโฆษณากับทางเราอยู่ บางรายข้ามเดือน เช่น ธันวาคม 54-กุมภาพันธ์ 55 ทุกคนก็จะรู้สึกว่าทำไมเราหลอกลวงเขา ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ ตอนนี้ฉอดต้องตอบคำถามลูกค้ามากมาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ ตอบปัญหากับแฟนรายการก็ส่วนหนึ่ง แต่การตอบกับคู่สัญญาเป็นเรื่องที่ลำบากมากค่ะ”
“ความเสียหายตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นลูกค้าถอนโฆษณาอะไร แต่มันสูญเสียสิ่งที่เราดูแลกันมาตลอด ที่ผ่านมาฉอด เอ-ไทม์ มีเดีย หรือแม้แต่กรีนเวฟเองเราไม่เคยที่จะไม่ดูแลในเรื่องของความน่าเชื่อถือที่ลูกค้ามีต่อเรา เพราะฉะนั้นเมื่อลูกค้าถามมาว่าหมดสัญญาแล้วทำไมไม่บอก ความจริงแล้วมันไม่ได้หมดไงคะ เลยต้องไล่แก้และชี้แจง”
“ซึ่งในวาระและเวลาที่เรากำลังทำงานเพื่อสังคมอยู่ ซึ่งสังคมขณะนี้ต้องการความช่วยเหลือจากส่วนรวมมาก ขณะที่เราเองก็ต้องมานั่งแก้ปัญหานี้ด้วย มันก็บั่นทอนกำลังใจ ก็ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจกันไป แล้วสภาพการณ์ปัจจุบันมันสับสนวุ่นวายกันไปหมด การจะนัดคุยนัดทำความเข้าใจมันก็ลำบากนัดทีไม่ใช่ง่ายๆ เลยยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเวลารึเปล่าที่เราจะมานั่งพูดกันถึงเรื่องนี้”
เชื่อมีทางออกขอมีโอกาสได้เข้าไปเคลียร์กับทางผู้ใหญ่ก่อน ตอบไม่ได้พลังโซเชียลมีเดียที่แฟนๆ จะส่งผลต่อการกลับมาของคลื่นกรีนเวฟหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้การทำความดีมีคนเห็น
“ก็คงต้องมีการคุยกัน ต้องหารือกับทางผู้ใหญ่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันเร็วมาก จริงๆ แล้วอย่างที่บอกค่ะว่า ณ วันนี้มันเป็นเวลาที่เราควรช่วยกัน กรีนเวฟเองก็ยังคุยกันว่าเราจะทำอะไรต่อเพื่อช่วยเรื่องน้ำท่วม อย่างสัปดาห์หน้า (19-20 พฤศจิกายน) เราก็คุยว่าจะจัดงานปั้นอีเอ็มบอลให้ได้ล้านลูก เราเองก็เดินหน้าทำงานสังคมมาโดยตลอด แล้วอยู่ๆ มาวันนี้เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกันว่าเราจะเอายังไง แต่ก็คิดว่าเรามีทางออกแต่ยังไม่ได้สรุปอะไร”
“พลังในโซเชียลมีเดียตอนนี้บอกจริงๆ ว่าไม่ทราบว่ามันจะส่งผลอะไรกลับมาบ้างรึเปล่า เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำให้รู้สึกดีอยู่ก็คือสิ่งที่ทุกคนออกมาแสดงความรู้สึกที่มีต่อกรีนเวฟ อย่างน้อยมันทำให้เราได้รู้ว่าการทำความดีมันมีคนเห็น การทำความดีมันไม่ได้หมายความว่าเอกชนทำไม่ได้ คือถ้าจะมองว่าเราเป็นเอกชน เป็นภาคธุรกิจ กรีนเวฟคือความภาคภูมิใจของฉอด ตรงที่ว่าสามารถเชื่อมต่อการทำงานในภาคธุรกิจเอกชน การทำธุรกิจให้เชื่อมต่อกับประชาชน หรือทำสิ่งที่ดีงานให้เกิดในสังคมได้ กรีนเวฟเป็นความภาคภูมิใจของคนทำงานในมุมนี้มาโดยตลอด เพราะฉะนั้นอย่าบอกว่าเราเป็นภาคเอกชน เป็นภาคธุรกิจ เราทำธุรกิจอยู่แล้วใครๆ ก็รู้ แต่ทำธุรกิจแล้วสามารถทำสิ่งดีงามได้มันเป็นอีกรูปแบบนึง”
เผยหากเหตุการณ์ดำเนินตามที่กสทช. ให้ข่าวไปแล้วตนพร้อมโชว์สัญญาเพื่อชี้แจง
“อยากขอบคุณทุกๆ คน มันอาจจะซ้ำซาก แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้มากกว่านี้แล้ว จริงๆ มันทำให้เรารู้ว่าทำดีมันยังมีคนเห็นอยู่ มันไม่ได้สูญเปล่า ถึงแม้ว่าต่อจากนี้ไปกรีนเวฟจะได้อยู่ตรงนี้หรือไม่ได้อยู่ แต่เราจะยังจำได้เสมอว่าการทำความดีมันมีผลตอบแทน อย่างน้อยที่สุดก็ในแง่ของจิตใจ”
“กรณีนี้เราจะบอกว่าขอเดินหน้าสู้ต่อไปก็คงไม่ได้ ขอรอดีกว่าค่ะ ตอนนี้ยังไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้ถ้าเอาตามสัญญามันก็คือยังไม่หมด ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะยึดอะไร ก็รอดูว่าจะยังไงต่อไป (ถ้ามันสิ้นสุดจริงๆ พร้อมจะเอาสัญญาออกมาโชว์)ใช่ค่ะ ยังไงคงมีข้อสรุปก่อนหน้าวันที่ 31 ธันวาคม มีความคืบหน้าอะไรแล้วจะอัพเดทให้ทราบ”
ที่มา: manager.co.th