Author Topic: นินเทนโด้ สั่งหั่นราคาขายปลีก DS Lite เหลือเพียง 100 เหรียญสหรัฐฯ  (Read 1556 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


นินเทนโด้ประกาศหั่นราคาขายปลีกเกมคอนโซลพกพา DS Lite จากเดิม 130 เหรียญสหรัฐฯ เหลือเพียง 100 เหรียญสหรัฐฯ มีผลในวันที่ 5 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป โดยสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นินเทนโด้ตัดสินใจหั่นราคาลงมาถึง 30 เหรียญสหรัฐฯ ก็เป็นไปตามกลไกตลาดอันสืบเนื่องมาจากการเปิดตัว Nintendo 3DS เกมคอนโซลพกพาเวอร์ชั่นสามมิติ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

สำหรับคอนโซล DS Lite นั้นจะมีขนาดที่เล็ก และเพรียวบางกว่าเกมคอนโซล DS เวอร์ชั่นแรก โดยในเวอร์ชั่นนี้จะมีการปรับปรุงหน้าจอให้ดีขึ้น ปากกาสไตลัสมีขนาดเพรียวยาวมากขึ้น รวมถึงการสับเปลี่ยนตำแหน่งไมโครโฟน และที่สำคัญ DS Lite ก็ยังคงมาพร้อมกับคุณสมบัติหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีทัชสกรีนอันทันสมัย ความสามารถในการการจดจำเสียง และการเชื่อมต่อไว-ไฟ นอกจากนี้มันยังสามารถปรับความสว่างที่หน้าจอได้ถึงสี่ระดับ Reggie Fils-Aime ประธานนินเทนโด้อเมริกา กล่าวว่า นับจากวันที่เราได้ทำการเปิดตัว นินเทนโด้ DS Lite สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านประสบการณ์และความสนุกสนาน และด้วยการปรับราคาลงมาครั้งนี้ก็จะยิ่งเป็นตัวแนะนำให้มันเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น พร้อมกับบรรจุภัณฑ์สีแดงสดใสก็จะทำให้ง่ายต่อการค้นหามาริโอที่พวกเขาชื่นชอบ ไม่เพียงเท่านี้ ในเดือนมิถุนายน เกมชุดมาริโอทั้งหกเกมก็จะถูกบรรจุอยู่ในแพคเก็จสีแดงใหม่ด้วย เพื่อยืนยันว่ามันเป็นเกมที่ขายดีและมีแฟนๆ ชื่นชอบตลอดกาล ซึ่งเกมทั้งหกจะประกอบไปด้วย New Super Mario Bros., Mario Kart DS, Super Mario 64 DS, Mario & Luigi: Bowser's Inside Story, Mario vs. Donkey Kong: Mini-Land Mayhem!, และ Mario Party DS ทั้งนี้ มาริโอเป็นหนึ่งในตัวละครวีดีโอเกมที่มีแฟนๆ ชื่นชอบมากที่สุด รวมถึงเป็นวีดีโอเกมที่มีภาคเสริมมากที่สุดด้วย และใน 31 เกมของเกมมาริโอทั้งหมดก็มียอดขายมากกว่า 1 ล้านแผ่นตั้งแต่ปี 1995 และในที่สุด ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เกมภาคหลักอย่าง Super Mario ก็สามารถจำหน่ายได้มากกว่า 262 ล้านแผ่นทั่วโลก

Source : techspot

ที่มา: pantip.com


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)


Related Topics