Author Topic: “บี” เม้งข่าว “ขายตัว-มั่วยา-บ้าเซ็กซ์” จวก อยู่ใต้ถุนบ้านหรือไงถึงรู้ดี อโหสิกรรมให้ไปสู  (Read 1390 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


“บี” เม้งแตกโดนเม้าท์ “ขายตัว-มั่วยา-บ้าเซ็กซ์” จวก นอนอยู่ใต้ถุนบ้านหรือยังไงถึงรู้ดี พร้อมอโหสิกรรม ก่อนสาปส่งให้ไปสู่สุคติ บอก ข่าวฉาวเยอะทำแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับ ย้ำอีกรอบไม่ได้แย่ง “ฮิม” จาก “แพท” แจง ไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าทั้งคู่เคยคบหากัน
       
       ตั้งแต่ออกมาประกาศห่างกับแฟนหนุ่ม “เคลลี่ รัฐพงศ์ ธนะพัฒน์” ก็ดูเหมือนว่า “บี น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” จะมีข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งข่าวกิ๊กกั๊กกับบรรดานักร้องหนุ่มทั้ง “นิชคุณ หรเวชกุล” และ “ชิน ชินวุฒิ อินทรคูสิน” หรือแม้กระทั่งตกเป็นมือที่สามแย่งไฮโซ “ฮิม อิสริยะ คูหาเปรมกิจ” จากนางเอก “แพท ณปภา ตันตระกูล” โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้ออกมาปฏิเสธไปแล้วว่าข่าวมั่ว
       
       กระแสเก่ายังคาราคาซัง ล่าสุดสาวบีก็โดนซัดอีกดอกใหญ่ หลังมีข่าวว่านอกจากการเป็นนางแบบแล้วเจ้าตัวยังแอบรับจ็อบ ขายตัว แถมมั่วยา แล้วยังบ้าเซ็กซ์อีกต่างหาก ซึ่งทันทีที่ได้ทราบข่าวนี้ก็ทำเอาบีแสดงอาการฉุนอย่างเห็นได้ชัด จวก อยู่ใต้ถุนบ้านหรือไงถึงรู้ดี พร้อมอโหสิกรรมให้ไปสู่สุคติ
       
       “จริงๆ งานวงการเป็นงานที่บีรักและบีทำเต็มที่ เราจะไม่มากั๊กเพื่อรักษาภาพ เราทำอะไรก็เต็มที่อยู่แล้ว และนี่เป็นอาชีพที่บีรัก และก็ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเพราะฉะนั้นคุณแม่ไม่ได้ถึงขนาดให้ถอยออกมาจากวงการ แต่เขาจะเข้าใจว่าความจริงมันคืออะไร แต่อยากจะให้เขียนแบบให้นึกถึงคนอื่นบ้าง บีเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ แล้วมาเขียนว่าเราขายตัว ขอโทษที่เถอะ(เน้นเสียง) ทุกวันนี้บ้านยังต้องผ่อน ค่ารถยังต้องจ่าย ถ้ามีเสี่ยเลี้ยงมั่วยาปาร์ตี้คงไม่มีคนมาจ้างงาน ถ้าปาร์ตี้มั่วยาป่านนี้คงลุกไม่ไหว คงมีบ้านเป็นสิบๆ หลังเป็นคฤหาสน์แล้ว จริงๆ บีไม่ค่อยแคร์กับข่าวไร้สาระพวกนี้เลย แต่ทำให้คุณแม่บีนอนไม่หลับ ก็เลยอยากให้คนที่เขียนใช้สมองคิดนิดหนึ่ง”
       
       “พูดจริงๆ ตอนแรกบีรู้ข่าว บีเฉยๆ เพราะมองว่าไร้สาระ คนในวงการด้วยกันรู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไร เราเข้ามาวงการยังไง มันมีสเตป คนในวงการรู้ดี แต่คนที่ไม่รู้จักอาจจะคิดว่าเราทำอย่างนั้น ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้แย่ เราอยู่วงการมา 15 ปีพอมีข่าวอะไรแบบนี้มันก็ท้อนนะและเสียใจเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรก็เห็นใจกันนิดหนึ่งใช้สมองคิดหน่อย ไม่ใช่อยากจะเขียนอะไรก็เขียนความเป็นคนมีอยู่ไหม”
       
       “มานอนอยู่ใต้ถุนบ้านเหรอถึงรู้ทุกเรื่อง ไม่อยากจะพูดอะไรมาก พูดไปเดี๋ยวจะหาว่าต่อว่าหรืออะไรอีก เดี๋ยวจะมีอะไรตอบกลับมาอีก เพราะทุกข่าวที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นนิชคุณ ชิน(ชินวุฒิ) ฮิมหรืออะไรก็แล้วแต่ บีไม่อยากพูดเลย เพราะคือบีอยู่ในวงการมานาน บีรักษาภาพของตัวเองอยู่แล้ว แต่ทุกคนมายัดเยียดข่าวแบบนี้ให้เราดูไม่ดี แล้วพูดไปผู้หญิงก็เสียอยู่ดี พยายามไม่พูดแล้ว คือพูดยังไงก็เสียพยายามจะเงียบแล้ว”
       
       “หวังว่าหลังจากนี้ไปอะไรๆ คงจะดีขึ้น ก็พยายามอโหสิกรรมให้ไปสู่สุขคติสำหรับคนที่เขียนแบบนี้ จริงๆ อโหสิกรรมให้ด้วยจะได้เจอกันแค่วันสองวัน วันหน้าจะได้ไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว จริง ๆ มีข่าวเรื่องผู้ชายไม่ค่อยปวดหัวเท่าไร เราพยายามไม่เครียดแต่ว่าครอบครัวเราเครียดเป็นใครก็เครียด จะบอกว่าเราไม่แคร์มันเป็นไปไม่ได้ เพราะนี่มันเกินไปแล้วจริงๆ”
       
       ยืนยันไม่ได้เป็นมือที่สามระหว่าง “แพท ณปภา” และ “ฮิม อิสริยะ” แจง ไม่เคยรู้มาก่อนด้วยซ้ำว่าทั้งคู่เคยคบหากัน บอก รู้สึกแย่ที่มีข่าวออกมาแบบนี้ ส่วนที่ดาราสาวรุ่นน้องอึกอักตอบเหมือนมีอะไรในใจ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าเป็นมารยาททางสังคมที่จะไม่กล้าตอบเรื่องส่วนตัวของคนอื่น
       
       “เป็นเพื่อนของเพื่อนค่ะ ก็เจอกันก็เป็นเพื่อนกันปกติไม่จริงเลย บีไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็คบกันปกติเขาจะคบใครอะไรยังไง ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลย คือเจอกันเราก็ไม่ใช่คนหยิ่งใครมาทักเราก็ทักทายกันเป็นปกติอยู่แล้ว และอีกอย่างอยากจะบอกว่าไม่อยากให้คิดว่าทำไมผู้หญิงผู้ชายคุยกันคบกันจะต้องเป็นกิ๊ก มือที่สามหรือเป็นแฟนกันเราไม่ได้เป็นอะไรถึงขนาดนั้น”
       
       “ถ้าถามบี บีก็จะบอกตรงๆ ว่าเป็นเพื่อนกันค่ะ ซีเรียสกับข่าวไหมจริงๆ คือพูดออกไปแล้วอยากให้เขียนด้วยว่าเราไม่มีอะไร แต่ถ้าเขียนว่าเราเป็นมือที่สามอีกเราก็รู้สึกแย่เพราะฉะนั้นก็ตอบจริงๆ ว่าไม่ได้มีอะไรกัน ที่แพทเขาตอบแบบอ้ำอึ้งมันคงไม่เกี่ยวมั้งคะ เพราะไม่ได้รู้จักหรือรู้เรื่องอะไรของเขาเลย ไม่ค่อยรู้ด้วยว่าเขาคบกันค่ะ มันทำให้รู้สึกว่าเราเหมือนมีอะไรในใจคงไม่หรอก”
       
       “จริงๆ น้องเขาคงไม่ได้หมายถึงแบบนั้นหรือเปล่า แต่อาจจะหมายถึงว่า เอ่อ ไม่รู้นะ คนเราถ้าเลิกกัน ผู้ชายไปคุยกับใครหรือเป็นเพื่อนสนิทกับใคร ถ้าถามบีแฟนเราจะไปคุยกับใคร เราเลิกกันแล้วก็เรื่องของเขาสิ คงไม่มีสิทธิตอบหรือเปล่าเพราะมันคือมารยาทของชีวิตคนในสังคม คือมันก็คงต้องรู้อยู่แล้วว่าอะไรควรตอบไม่ควรตอบแต่พูดตรงๆ คือไม่ได้เป็นอะไรกันเลยจริงๆ เป็นเพื่อนก็คือเพื่อน เราคุยกันก็อยากให้มองว่าผู้ชายกับผู้หญิงคุยกันไม่จำเป็นต้องเป็นแฟน”

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)