“เก่ง เมธัส” โผล่ปัดถูกอุ้มเหตุติดหนี้พนันบอล แจงแค่เพื่อนกอดคอมารับไปกินข้าว ลั่นไม่เคยเล่นพนันบอลไม่เคยเป็นหนี้ใคร พร้อมปัดไม่รู้เรื่อง ตร.ทางหลวงตามทวงวอลโว่ บอกเป็นเพราะชื่อ “เก่ง เมธัส” แค่ทิ้งรถไว้ก็เป็นเรื่องใหญ่
จากกรณีที่มีข่าวออกมาว่าอดีตนายแบบและนักแสดงหนุ่ม “เก่ง เมธัส สวนศรี” ได้ถูกชายในเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายและชายฉกรรจ์จำนวน 7-8 คน พาตัวไปจากลานจอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นเรื่องของการอุ้มไปทวงหนี้พนันบอลจำนวนหลายล้านจากคนที่ชื่อ “บี” เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางคืนของวันที่ 11 มกราคมนั้น
ล่าสุดในช่วงบ่ายทางด้านของ เก่ง เมธัส ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้แล้วโดยบอกว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด พร้อมชี้แจงว่าตนมาที่ห้างนี้ประจำและเมื่อวานตนได้นัดกับรุ่นพี่เพื่อมาทานข้าวกัน แต่รุ่นพี่มาดึกประมาณ 4 ทุ่ม พอมาถึงร้านในห้างฯ ก็ปิดหมดแล้ว จึงตกลงที่จะไปทานกันข้าวข้างนอก
อดีตนายแบบมากข่าวฉาวเผยต่อไปว่า รุ่นพี่คนดังกล่าวนั้นขับรถซีอาร์-วีมาพร้อมกับรถตำรวจอีก 2 คัน พอมาถึงก็ได้เข้ามากอดคอตนด้วยความสนิทสนมและพากันขึ้นรถไป จากนั้นตนจึงได้โทรศัพท์ไปบอกให้หลานมาขับรถกลับ ทว่าไม่สามารถนำรถออกไปได้เพราะไม่มีบัตรจอด ซึ่งนั่นเองที่ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นมา
“ที่สับสนที่สุดคือว่า ช่วงประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ ผมให้หลานมาเอารถที่ชื่อจารึก ให้เขามาเอาปอร์เช่ผมเพราะเขามีกุญแจสำรองอยู่ดอกนึง เขาก็นั่งแท็กซี่มาเอารถ แต่ว่ารถนำออกไปไม่ได้เพราะว่าบัตรจอดรถที่รับมามันอยู่ที่ผม”
“ทางเดอะมอลล์เขาก็งงเพราะว่าตอนขับเข้ามาเป็นเก่ง เมธัส ขับเข้ามา แต่ทำไมขับออกไปเป็นผู้ชายคนนี้ เขาก็ไม่ยอมให้ไป ผมก็ไม่เข้าใจว่าใครคือชายฉกรรจ์ หลานผมก็เลยตกใจอีกว่าแล้วที่ผมไปกับรถตำรวจนั้นไปกับใคร เขาเองก็ติดต่อผมไม่ได้ ก็เลยคิดไปว่าผมโดนอุ้มไป เมื่อวานเขาแค่รับผมไปกินข้าวในกรุงเทพฯ แต่กำลังจะไปชลบุรี เพราะผมเปิดผับกับพี่บีคนนี้ที่พัทยา”
ยืนยันตนไม่เคยเล่นพนันฟุตบอล ก่อนบอกฝ่ายรุ่นพี่ที่ชื่อบีเสียความรู้สึกเพราะเหมือนกับว่าตนเองไปใส่ร้าย...“เรื่องที่บอกว่าผมติดหนี้การพนัน บอกเลยว่าเรื่องการพนันผมไม่เคยเล่นอยู่แล้ว รอสายให้คุยกับพี่บีเลยก็ได้ เขาก็โทร.มาต่อว่าว่าพอมีข่าวอย่างนี้เขาก็เสียเครดิต เพราะเขากว้างขวางในพัทยา แล้วเขาก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันอยู่แล้ว”
“จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องของการเข้าใจผิด ผมอาจจะผิดที่ว่ามาจอดรถดึกไป แล้วมันก็เหมือนหมดเวลาไปแล้ว ทำให้ทางห้างต้องทำงานหนักมากขึ้น หลานผมเองก็ไม่มีบัตรจอดรถทำให้ทางห้างยิ่งกดดันไปกันใหญ่ว่าลูกค้าอย่างผมจะปลอดภัยไหม เพราะติดต่อผมก็ไมได้ ข่าวที่ออกมาอาจจะขัดแย้งไปมา แต่นี้คือเรื่องจริง ยืนยันว่าไม่มีตำรวจที่ไหนมา เพราะมันมีกล้องวงจรปิดนี่ครับ ถ้าตำรวจมาจับจริงแล้วทำไมวันนี้ผมถึงมานั่งอยู่ได้ล่ะครับ แล้วถ้ามาจับจะมาจับผมเรื่องอะไรครับ”
“ผมไม่เสียหายอยู่แล้วแต่คนที่โดนกล่าวหาคือพี่บีเขาจะเสียหายเพราะเขาเป็นญาติผม เขาเองก็ทำธุรกิจกับผมด้วยเดี๋ยวมันจะมาทะเลาะกันเปล่าๆ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีการแจ้งความอะไรด้วย เป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า เมื่อวานผมกับพี่บีก็อยู่ด้วยกันตลอด ตอนตี 4-5 เขาก็มีการมาต่อว่าผมหลังจากที่เขาเห็นข่าว”
“ส่วนเรื่องสาเหตุของการเข้าใจผิดผมคิดว่าคงเป็นเพราะว่าผมจอดรถไว้นี่แหละ ประเด็นหลักคือรถมันออกไม่ได้ไงครับ แล้วที่มันใหญ่โตเพราะมันเป็นรถของเก่ง เมธัสนี่แหละครับ เก่ง เมธัสไปไหน ไปกับใครเท่านั้นเอง มันมีประเด็นเท่านั้นเองถ้าเป็นรถคนธรรมดาที่ไม่ใช่เก่ง เมธัสก็คงอ้าว...อ๋อเหรอไปก็คือไม่มีอะไร แต่นี่เป็นผมไงก็เลยเกิดข้อสงสัยว่าผมเป็นอะไรไปรึเปล่า”
“เมื่อวานผมกลับมาเอารถช่วงตี 3 ที่มาช้าเพราะว่าผมไปเที่ยวด้วย(หัวเราะ) ก็มีไปเที่ยวด้วย ก็ต้องฝากขอโทษที่พี่บีด้วยนะครับ (ยกมือไหว้) ถ้าเกิดผมทำอะไรผิด แล้วก็ขอบคุณทางเดอะมอลล์ที่ดูแลผม ที่ดูแลทรัพย์สินของผมที่เป็นลูกค้า”
ต่อข้อซักถามที่ว่าทำไมเบื้องต้นหลานชาย (ตามข่าวตอนแรกรายงานว่าเป็นน้องชาย) ถึงบอกว่าโดนอุ้ม เก่ง เมธัส บอกเป็นเพราะหลานได้ยินมาจากพี่อีกคน...“หลานผมเขาได้ยินมาจากพี่คนนึงเขาบอกว่าเป็นหนี้พนันเหรอ เขาก็เลยบอกว่าอย่างนั้นต้องไปแจ้งความแล้ว หลานผมเขาก็ยืนยันไปว่าผมไม่ได้ติดหนี้พนันบอล”
ยืนยันไม่เคยเล่นการพนัน ไม่เคยเป็นหนี้ใคร พร้อมบอกไม่รู้เรื่องกรณีตำรวจทางหลวงมาตามทวงรถวอลโว่ หลังมีผู้เสียหายระบุว่าอดีตนายแบบหนุ่มซื้อรถมาแล้วทำผิดเงื่อนไข...“ไม่เคยเป็นหนี้สินใครครับ ไม่เคยเลยจริง รถคันนี้ที่ได้มาก็ซื้อมาได้ยังไม่ถึงเดือนครับ แต่ที่พี่ตำรวจทางหลวงบอกนั้นผมไม่รู้ ผมมีรถเยอะ มีรถหลายคัน แล้วก็ซื้อพร้อมกันทีเดียวหลายๆ คันด้วย”
“ยืนยันว่าไม่มีการบังคับอะไรกันขึ้นรถครับ ผมไปกับเขานี่ผมไปจริงๆ แต่ไปทานข้าวกัน เขาเข้ามากอดคอชวนไปกินข้าวกัน ไม่มีอุ้มไปทวงหนี้ เพราะถ้าผมโดนอุ้มไปเคลียร์เขาคงจะฆ่าผมแล้วแหละ ใครจะอุ้มไปเขาคงไม่ปล่อยออกมาอย่างนี้ เพราะถ้าเกิดเขาอุ้มไปเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวต้องมีปัญหา”
“ถ้าใครจะมาอุ้มผมผมคงไม่ยอมอยู่แล้ว เพราะผมไม่เคยทำให้ใครเดือดร้อน ผมไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับการพนัน แล้วที่บอกว่ามีตำรวจมาด้วย จริง เขาไม่ได้เป็นตำรวจด้วยครับ เขาเป็นตำรวจทางหลวง ก็เลยตามมาด้วย พอดีเขาเป็นการ์ดของรุ่นพี่ผมแค่นั้นเอง พอดีว่าไปเที่ยวกันต่อก็เลยต้องมีการ์ดมาด้วย”
“แล้วถ้าเกิดเขาจะทวงหนี้เขาไปทวงหนี้ที่บ้านผมไม่ดีกว่าเหรอครับ เขาจะมาทวงที่ห้างทำไม เมื่อวานเราก็นัดกันมา เขาก็มายืนรอผมที่รถเลยแต่ผมพลาดตรงที่ผมไม่ได้เอารถไปนี่แหละ แล้วดันให้คนมาเอารถอีกที มันก็เลยเหมือนเป็นการให้คนตามไปอีกทีนึง มันอาจจะฟังแล้วดูขัดๆ แต่เรื่องจริงมันเป็นอย่างนี้ ถ้าเกิดเขาทำอะไรผมผมต้องเคลียร์อยู่แล้ว”
...
ที่มา: manager.co.th