(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2014/10/02/542ceed432b9c.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-542ceed433184.html)
(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2014/10/02/542ceeeaf0b18.png) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-542ceeeaf0f00.html)
จะเป็นเพราะว่ามั่นใจในโปรดักส์ของตนเองหรืออยากจะเพิ่มแรงจูงใจให้กับเหล่าบรรดานักวิจัยทั้งหลายก็ไม่แน่ชัด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้เหล่านักวิจัยที่ทุ่มเททั้งหลายต่างยินดีปรีดาเพิ่มมากขึ้น เมื่อล่าสุด กูเกิล ได้ประกาศอัดฉีดเงินรางวัลเพิ่มขึ้นอีกเป็นสามเท่า สำหรับผู้ที่พบข้อบกพร่องบนเบราเซอร์ Chrome ในระดับร้ายแรง จากเดิม 5,000 เหรียญสหรัฐฯ (150,000 บาท) เป็น 15,000 เหรียญสหรัฐฯ (450,000 บาท) ขณะที่รางวัลสำหรับการค้นพบข้อบกพร่องระดับเล็กๆ ยังคงเงินรางวัลเท่าเดิมคือ 500 เหรียญสหรัฐฯ (15,000 บาท)
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มเงินค่าตอบแทนครั้งนี้ ส่งผลให้เหล่าบรรดานักวิจัยมีตัวเลือกที่จะรายงานจุดบกพร่องดังกล่าว ก่อนที่จะนำข้อบกพร่องไปใช้ประโยชน์ในภายหลัง ซึ่ง กูเกิลเชื่อว่า เงื่อนไขใหม่นี้จะทำให้เกิดสถานการณ์ win-win กันทั้งฝ่ายระหว่างนักวิจัยและบริษัทความปลอดภัย และถึงแม้ว่า กูเกิล จะมีการกำหนดจำนวนเงินรางวัลอย่างชัดเจนตามตารางดังกล่าว แต่บริษัทก็ระบุว่า อาจจะมีการจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น หากมีการพบข้อผิดพลาดที่ร้ายแรงระดับสูงสุด ตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนที่ผ่านมา บริษัทก็ได้มีการมอบเงินรางวัลให้กับนักวิจัยถึง 30,000 เหรียญสหรัฐฯ (900,000 บาท) ที่รายงานข้อผิดพลาดที่อนุญาตให้เหล่าแฮ็คเกอร์สามารถที่จะรีโมทโค้ดนอกเหนือจากระบบป้องกันของ Chrome ได้ และไม่เพียงเท่านี้ กูเกิล ยังระบุว่า นักวิจัยที่ได้รับรางวัลจะได้รับการจารึกชื่อไว้ใน Hall of Fame ของบริษัทด้วย
สำหรับโปรเจ็ค 'พบบั๊กส์บน Chrome' ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2010 และได้พิสูจน์แล้วว่าให้ผลดีกับบริษัทเพื่อทำการตอบแทนนักวิจัยที่ทำงานหนักโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างแบบพนักงานประจำ ซึ่งโดยรวมตั้งแต่เปิดโครงการจนถึงวันนี้ มีการจ่ายเงินให้กับนักวิจัยไปแล้วราว 1.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และช่วยให้กูเกิล สามารถอุดช่องโหว่ได้มากกว่า 700 ตัว
ที่มา TechSpot
ที่มา: pantip.com