(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2014/04/22/53567526d55a0.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-53567526d5985.html)
เอซุสหวังแชร์สมาร์ทโฟน 10% ภายในสิ้นปีนี้ หลังเปิดตัว ZenFone 3 รุ่น เจาะตลาดผู้บริโภคที่ต้องการเปลี่ยนจาก 2G เป็น 3G ในระดับราคา 2,990-8,990 บาท คาดช่วยเพิ่มรายได้แก่บริษัท 2 เท่า
นายเจฟฟ์ โล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การมาของ ZenFone ถือเป็นครั้งแรกที่เอซุสรุกเข้าไปในตลาดสมาร์ทโฟนแบบเต็มตัว หลังจากก่อนหน้านี้เคยทำตลาดอุปกรณ์ที่เป็นทั้งแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนอย่างรุ่น PadFone ในก่อนหน้านี้
โดยตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถชิงส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนได้ 10% หรือคิดเป็นจำนวนเครื่องราว 8 แสนเครื่อง จากสมาร์ทโฟนทั้งตลาดราว 20 ล้านเครื่อง ขณะที่ภายในปีนี้เอซุสมีแผนจะนำเข้าสมาร์ทโฟนมาจำหน่ายในประเทศไทยไม่เกิน 20 รุ่น ซึ่งจะพยายามรักษาช่วงราคาไว้ที่ 2,990-8,990 บาท
“ทางเอซุสวางงบประมาณสำหรับการทำตลาด ZenFone ไว้ที่ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 128 ล้านบาท) เพื่อผลักดันให้สมาร์ทโฟนที่ทางเอซุสคิดว่าคุ้มค่า และประสิทธิภาพสูงเข้าสู่ตลาดประเทศไทย ซึ่งขณะนี้กำลังดูถึงเรื่องของการนำพรีเซ็นเตอร์มาช่วย เพราะในต่างประเทศมีการนำศิลปินมาใช้งาน”
นายเจฟฟ์กล่าวต่อว่า ผู้บริโภคมีความต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนสูงมาก จากการเปลี่ยนผ่านระบบ 2G ไปยัง 3G ทำให้คิดว่าราคาที่เอซุสตั้งมาสำหรับรุ่นล่างสุดจะสามารถเข้าไปตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่มนั้นได้
เบื้องต้น ในส่วนของช่องทางทำตลาดคาดว่าจะขยายความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการเครือข่าย รวมไปถึงช่องทางการจำหน่ายผ่านตลาดโทรศัพท์มือถือ และช่องทางไอทีเดิมที่ทางเอซุสแข็งแกร่งอยู่แล้ว ซึ่งคิดว่าท้ายที่สุดจะเข้าไปในทุกช่องทางที่เป็นไปได้
สำหรับ ZenFone 4 ZenFone 5 และ ZenFone 6 วางจำหน่ายในราคา 2,990 บาท 5,990 บาท และ 8,990 บาท ตามลำดับ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม ทั้ง 3 รุ่น ทำงานบนหน่วยประมวลผล อินเทล อะตอม มีขนาดหน้าจอให้เลือก 4 นิ้ว 5 นิ้ว และ 6 นิ้ว รองรับการใช้งาน 3G ทุกคลื่นความถี่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ จากการเข้ามาทำตลาดสมาร์ทโฟนจะทำให้สัดส่วนรายได้ของเอซุสในปีนี้ปรับเปลี่ยนไปจากเดิมที่มีสัดส่วนโน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ตอยู่ที่ราว 90% ต่อ 10% ส่วนในปีนี้คาดว่าจะปรับเปลี่ยนเป็นโน้ตบุ๊ก 45-40% สมาร์ทโฟน 40% แท็บเล็ต 10-12% ขณะที่ในแง่ของรายได้รวม คาดว่าจะสามารถเติบโตได้กว่าเท่าตัว จากการนำผลิตภัณฑ์เข้ามาจำหน่ายให้หลากหลายขึ้น
ที่มา: manager.co.th