(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2013/12/22/52b694393ddc2.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-52b694393e9a5.html)
(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2013/12/22/52b6944b0c451.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-52b6944b0c836.html)
หลังจากเป็นข่าวลือมานาน ในที่สุดเครือข่ายสังคมอันดับ 1 ของโลกอย่างเฟซบุ๊ก (Facebook)’ ประกาศเปิดตัวโฆษณาในรูปแบบวิดีโอที่จะเล่นอัตโนมัติอย่างเป็นทางการ ระบุกำลังเริ่มทดสอบโครงการนำร่องกับนักการตลาดบางราย การันตีรักษาความเป็นส่วนตัวผู้ใช้เต็มที่ด้วยการไม่เล่นเสียงจนกว่าผู้ใช้จะคลิกบนโฆษณาเพื่ออนุญาตให้ส่งเสียงดังได้
เฟซบุ๊กเปิดเผยความคืบหน้าของธุรกิจโฆษณาล่าสุดของบริษัทเมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ โดยระบุว่าเริ่มทดสอบบริการนี้แล้วที่หน้าข่าวสารหรือ News Feed บนความร่วมมือกับนักโฆษณาในสหรัฐฯ ซึ่งหนึ่งในโฆษณาที่ถูกเผยแพร่ในรูปวิดีโอบนเฟซบุ๊กคือโฆษณาภาพยนตร์เรื่อง Divergent ของ Summit Entertainment ที่มีกำหนดการฉายเดือนมีนาคม ปีหน้า
นอกจากการระวังไม่ให้โฆษณานี้รบกวนผู้ใช้ด้วยการไม่เล่นเสียงแบบอัตโนมัติ เฟซบุ๊กยังเปิดให้ผู้ใช้เลือกชมวิดีโออื่นที่นอกเหนือจากโฆษณา โดยสามารถคลิกเลือกวิดีโอ 2 ชิ้นที่จะแสดงในช่วงท้ายของวิดีโอโฆษณา ที่สำคัญ เฟซบุ๊กระบุด้วยว่าวิดีโอโฆษณานี้จะเปิดให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนสามารถดาวน์โหลดวิดีโอเพื่อชมในภายหลังได้ผ่านเครือข่าย Wi-Fi จุดนี้จะทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับผลกระทบจากค่าบริการดาต้าที่สูงเพราะวิดีโอโฆษณา
เฟซบุ๊กระบุว่าโครงการนำร่องนี้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา และจะเปิดให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กบางส่วนได้เห็นโฆษณาวิดีโอเพิ่มขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กเคยให้บริการโฆษณาวิดีโอแต่ไม่เคยเปิดทดสอบคุณสมบัติเล่นอัตโนมัติเช่นนี้ เบื้องต้น การเปิดตัวคุณสมบัตินี้ถูกมองว่าเกิดขึ้นล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากเฟซบุ๊กเคยตกเป็นข่าวว่ากำลังเตรียมตัวเปิดให้บริการคุณสมบัตินี้ตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งครั้งนั้นมีการคาดว่าเฟซบุ๊กจะสามารถให้บริการได้ช่วงฤดูร้อนกลางปี 2013
สนนราคาอัตราการลงโฆษณาวิดีโอเล่นอัตโนมัติบนเฟซบุ๊กนี้ไม่ธรรมดา โดยวิดีโอความยาว 15 นาทีต้องใช้งบประมาณระหว่าง 1-2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30-70 ล้านบาท
การเปิดตัวโฆษณารูปแบบใหม่ของเฟซบุ๊กทำให้นักวิเคราะห์เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นยอดโฆษณาดิจิตอลในสหรัฐฯได้ โดยการประเมินของบริษัทวิจัย eMarketer พบว่าเม็ดเงินสะพัดในตลาดโฆษณาดิจิตอลแดนลุงแซมนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.15 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ เพิ่มขึ้น 43.5% จาก 2.89 หมื่นล้านเหรียญที่ทำได้ในปี 2012
ที่มา: manager.co.th