Nick Computer Services

News & Public Relation => IT News => Topic started by: Nick on November 13, 2013, 01:53:50 PM

Title: Nick Bilton เปิดตำนาน กว่าจะเป็นโลโก้ ทวิตเตอร์ แบบในปัจจุบัน
Post by: Nick on November 13, 2013, 01:53:50 PM
(http://upic.me/i/x3/1384319023-twitterlog-o1.jpg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/48125758)

(http://upic.me/i/80/1384319030-twitterlog-o1.jpg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/48125761)

(http://upic.me/i/iw/1384319037-twitterlog-o1.jpg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/48125762)

เรียกว่าเป็นหนังสือที่รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ ทวิตเตอร์ ไมโครบล็อกกิ้งที่ใช้กันทั่วโลกแบบทุกเม็ดจริงๆ สำหรับหนังสืออัตชีวประวัติ HATCHING TWITTER ผลงานการเขียนของ Nick Bilton นักข่าวชาวอเมริกันที่เพิ่งวางแผงเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ที่นอกจากจะมีข้อมูลการขอเข้าซื้อกิจการจากสามคนดังแห่งสหรัฐฯ Mark Zuckerberg, Steve Ballmer และ Al Gore (นักการเมืองและนักธุรกิจ) ดังที่เคยนำเสนอไปแล้ว ในหนังสื่อดังกล่าวยังมีข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาของโลโก้อีกด้วย

โดย Bilton บอกเล่าเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า ได้รับอีเมลล์ภายในฉบับหนึ่งซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการคัดเลือกชื่อและโลโก้สำหรับบริการก่อนที่มันจะถูกเปิดตัว ซึ่งขณะนั้นผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ก็ได้พิจารณาชื่อที่มีความหลากหลาย ซึ่งได้แก่ Twitch, Smssy, Friendstalker และก่อนที่จะตบที่คำว่า Twttr ซึ่งเป็นการเล่นคำ

ขณะที่การออกแบบโลโก้ชุดแรก Bilton บอกเล่าว่าถูกสร้างขึ้นโดยผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ Biz Stone โดยในเวอร์ชั่นแรกได้มีการเลือกใช้โลโก้รูปไข่ที่มีสีแดงและสีเขียว ท่ามกลางตัวหนังสือสีขาว พร้อมกับอธิบายว่าเพื่อให้มีกลิ่นอายย้อนยุค

ต่อมาที่โลโก้ชุดที่สอง ถูกออกแบบโดย Noah Glass ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนหนึ่ง ซึ่งถูกใช้ในช่วงเวลาสั้นๆ เนื่องจากมันให้ความรู้สึกที่น่าเบื่อ

และท้ายที่สุดกับเวอร์ชั่นไฟนอล พื้นหลังสีฟ้าที่คุ้นเคยซึ่งถูกออกแบบโดย Linda Gavin นักออกแบบสาวที่ไม่ได้คลุกคลีกับทวิตเตอร์ตั้งแต่แรก โดยเธอระบุระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อปีที่แล้วว่า ผู้ใช้ทวิตเตอร์ต่างตกใจและวิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับการปรับโฉมโลโก้ว่า มันดูเหมือนแชทรูมสำหรับวัยรุ่นในญี่ปุ่น แต่ในท้ายที่สุดมันก็ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ที่ประสบความสำเร็จ

ที่มา TechSpot

ที่มา: pantip.com