(http://upic.me/i/xp/5560000111228031.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/46699660)
สตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft)
ซีอีโอไมโครซอฟท์ "สตีฟ บอลเมอร์ (Steve Ballmer)" ประกาศเตรียมลาตำแหน่งอย่างเป็นทางการในปีหน้า นักลงทุนขานรับข่าวนี้ในทางบวกจนทำให้หุ้นไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นทันที 9% ขณะที่การประกาศชื่อซีอีโอคนใหม่คาดว่าจะมีขึ้นก่อนเดือนสิงหาคม ปี 2014
สตีฟ บอลเมอร์ ซีอีโอบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ซึ่งกุมบังเหียนยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์มาตั้งแต่ปี 2000 ประกาศแผนลาตำแหน่งในช่วง 12 เดือนนับจากนี้ เบื้องต้นซีอีโอบอลเมอร์ระบุว่าเวลานี้คือเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปรับโครงสร้างภายในบริษัทไมโครซอฟท์ ซึ่งต้องการซีอีโอคนใหม่ที่จะมาดูแลการปรับโครงสร้างครั้งนี้อย่างเต็มตัว
บอลเมอร์ระบุว่า การประกาศแผนลาตำแหน่งนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บอลเมอร์มองว่าการประกาศลาตำแหน่งจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างที่ไมโครซอฟท์ปรับโครงสร้างไปแล้วระยะหนึ่ง แต่เพื่อให้ซีอีโอคนใหม่ได้มีโอกาสนำพาไมโครซอฟท์สู่การเป็นบริษัทให้บริการและอุปกรณ์อย่างเต็มที่ บอลเมอร์จึงตัดสินใจลาตำแหน่งเร็วขึ้น
ประวัติการทำงานที่ไมโครซอฟท์ของบอลเมอร์นั้นเริ่มที่มิถุนายนปี 1980 โดยรับตำแหน่งผู้จัดการธุรกิจหรือ business manager คนแรกของบริษัท จากนั้น บอลเมอร์เติบโตในสายงานจนได้รับตำแหน่งซีอีโอบริษัทในเดือนมกราคมปี 2000 โดยถึงวันนี้ บอลเมอร์ใช้เวลาเป็นพนักงานไมโครซอฟท์ยาวนานมาราธอนถึง 30 ปี
ในขณะที่ยังไม่มีรายงานรายชื่อผู้ที่มีโอกาสมารับตำแหน่งซีอีโอไมโครซอฟท์อย่างเป็นทางการ บอร์ดหรือกรรมการบริหารไมโครซอฟท์ได้เริ่มตั้งกรรมการชุดพิเศษเพื่อเริ่มกระบวนการสรรหาซีอีโอคนใหม่แล้ว โดยผู้ที่มีอิทธิพลกับไมโครซอฟท์อย่างจอห์น ทอมป์สัน (John Thompson) และอดีตซีอีโอผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์อย่างบิล เกตส์ (Bill Gates) จะร่วมทีมกระบวนการสรรหาด้วย
สำหรับผลงานเด่นของซีอีโอบอลเมอร์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้แก่ การผลักดันเครื่องเกมเอ็กซ์บ็อกซ์ (Xbox 360) จนสำเร็จ ยังมีการรีแบรนด์ฮอตเมลล์ (Hotmail) เป็นเอาท์ลุ๊กดอทคอม (Outlook.com) และการเปิดตลาดจนทำกำไรอย่างงามของบริการคลาวด์คอมพิวติงอย่าง "อาซัวร์ (Azure)" นอกจากนี้ยังมีชุดโปรแกรมสร้างงานเอกสารออนไลน์อย่าง "ออฟฟิศ 365 (Office 365)"
อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวของไมโครซอฟท์ภายใต้การบริหารของบอลเมอร์ก็ชัดเจนไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการขาดทุน 900 ล้านเหรียญสหรัฐของธุรกิจแท็บเล็ตเซอร์เฟซรุ่นอาร์ที (Surface RT) ซึ่งเป็นบาดแผลล่าสุดที่ทำให้ไมโครซอฟท์สูญเสียความน่าเชื่อถือจากนักลงทุนพอสมควร
สำหรับการประกาศครั้งนี้ นักลงทุนแสดงความยินดีชัดเจนจนทำให้มูลค่าหุ้นของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้นทันที 9% ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนคาดหวังกับการปรับโครงสร้างไมโครซอฟท์ที่กำลังจะเกิดขึ้นไว้สูงมาก
ที่มา: manager.co.th