(http://upic.me/i/ox/1370321479-gglass3-o1.png) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/45237122)
เชื่อแน่ว่าภายในปีสองปีนี้ ของเล่นไฮเทคชิ้นใหม่อย่างแว่นตาอัจฉริยะ Google Glass จะต้องเป็นแกนนำหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของผู้คนแน่นอน แม้ว่าขณะนี้มันจะสนนราคาสูงถึง 1,500 เหรียญสหรัฐ (45,000 บาท) และเปิดให้เป็นเจ้าของในวงจำกัดก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าเจ้าแว่นตา Google Glass จะถูกพัฒนาออกมาเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของการอำนวยความสะให้แก่ผู้บริโภคเป็นหลัก แต่ขณะนี้ก็เริ่มมีผู้ซื้อในอนาคตหลายคนเริ่มแสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับกรณี Google Glass อาจจะละเมิดความเป็นส่วนตัวได้ แต่ล่าสุด Google ได้มีคำตอบให้กับเรื่องนี้แล้ว
เมื่อ Google ได้ออกมาโพสต์นโยบายสำหรับนักพัฒนาซอฟท์แวร์ โดยได้ระบุว่า "เราไม่ต้องการที่จะเพิ่มคุณสมบัติ 'การตรวจจับใบหน้า' ให้แก่ผลิตภัณฑ์ของเราโดยปราศจากการป้องกันการละเมิดสิทธิที่แน่นหนา และด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่อนุญาตที่จะอนุมัติแอพพลิเคชั่นตรวจจับใบหน้าด้วยเช่นกัน"
ทั้งนี้ การตัดสินใจสั่งแบนคุณสมบัติตรวจจับใบหน้าโดยเฉพาะซอฟท์แวร์ นับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด หลังจากที่ช่วงที่ผ่านมา บริษัทมักมีข่าวเสียหายในเรื่องของการเก็บข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับที่นิตยสารฟอร์บส์เคยรายงานว่า รถยนต์สตรีทวิวของกูเกิลได้มีการลักลอบเก็บข้อมูลส่วนบุคคลจากสัญญาณไวไฟที่ไม่ได้มีการเข้ารหัสป้องกันตามท้องถนน และส่งผลให้กูเกิลถูกศาลสั่งปรับเป็นจำนวนถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐ (21 ล้านบาท)
ส่วนอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความผิดพลาดของกูเกิล ก็คือ Google Buzz โซเชียลเน็ตเวิร์กเบอร์แรกๆ ที่ประกาศปิดให้บริการ หลังจากเปิดให้ใช้งานได้เพียงปีกว่าๆ โดยเหตุผล นอกจากที่กูเกิลจะเน้นไปที่การพัฒนาบริการตัวอื่นที่ดีกว่าแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลก็คือ มันมีการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และก่อให้เกิดการคัดค้านในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ การตัดสินใจห้ามพัฒนาแอพฯ ดังกล่าวยังเกี่ยวเนื่องมาจากการที่สภานิติบัญญัติได้ทำการส่งจดหมายเรียกร้องให้บริษัทยักษ์ใหญ่ได้ทำการอธิบายถึงเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ที่อาจมีการฝ่าฝืนละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชนในประเทศเมื่อเร็วๆ นี้
ที่มา TechSpot
ที่มา: pantip.com