Nick Computer Services

News & Public Relation => IT News => Topic started by: Nick on February 27, 2013, 01:33:37 PM

Title: Intel หวังตลาดสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต พยุงตลาดโน้ตบุ๊ก
Post by: Nick on February 27, 2013, 01:33:37 PM
(http://upic.me/i/84/5560000025489021.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/43481408)

'อินเทล' หันตามเทรนด์ตลาดสู่แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน หลังเห็นแนวโน้มเหล่าผู้ผลิตเริ่มรักษาฐานลูกค้าพีซี ให้ความสำคัญกับแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนแทน มองปัจจัยหลักทำให้อัลตร้าบุ๊กเติบโตช้า เนื่องจากซัพพลายหน้าจอทัชสกรีนไม่เพียงพอกับดีมานด์ในตลาด แต่มั่นใจว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในช่วงปลายไตรมาส 2
       
       นายสนธิญา หนูจีนเส้ง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้ผลิตภัณฑ์ที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของอินเทลน่าจะอยู่ใน 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ตามเทรนด์คือสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ที่เหล่าผู้ผลิตจะเริ่มทยอยนำเข้ามาวางจำหน่าในท้องตลาดมากขึ้น
       
       "อินเทลถือว่ายังใหม่ในตลาดนี้ การที่ยังไม่มีส่วนแบ่งในตลาดก็เท่ากับว่ายิ่งขายได้มากเท่าใดก็ยิ่งเติบโตแบบก้าวกระโดดมากเท่านั้น ที่สำคัญคือจากผลทดสอบต่างๆที่ออกมา หน่วยประมวลผลของอินเทลถือว่ามีประสิทธิภาพมากกว่าในระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน"
       
       โดยในส่วนของตลาดสมาร์ทโฟนที่ใช้หน่วยประมวลผลอะตอมของอินเทล นอกจาก Acer C1 ซึ่งวางจำหน่ายในท้องตลาดในระดับราคาต่ำกว่าหมื่นบาท ถือเป็นตัวนำร่อง ก่อนที่จะมีรุ่นอื่นๆทยอยตามออกมาในตลาดภายในไตรมาส 2 นี้
       
       ขณะทีในตลาดแท็บเล็ต ซึ่งใช้หน่วยประมวลผลอะคอม และอินเทลคอร์ไอใบางรุ่น ที่ปัจจุบันมีแต่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ภายในช่วงกลางเดือนเมษายนก็จะเริ่มเห็นแท็บเล็ตที่ใช้ระบบแอนดรอยด์เข้ามาทำตลาดด้วย
       
       "จากข้อจำกัดของวินโดวส์ 8 ทำให้ผู้ใช้ไม่ได้เห็นแท็บเล็ตวินโดวส์ในราคาต่ำกว่าหมื่นบาท ดังนั้นอินเทลจึงต้องนำแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เข้ามาทำตลาดผ่านแบรนด์ผู้ผลิตรายหลักแทน เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้"
       
       นายสนธิญา กล่าวต่อว่า ทางอินเทลคาดการณ์ตลาดพีซีในประเทศไทยปีนี้ว่า จะเติบโตราว 5-6 % จากปีที่ผ่านมาไอดีซีระบุว่ามีจำนวนเดสก์ท็อป และโน้ตบุ๊กในตลาดราว 3.7 - 3.8 ล้านเครื่อง ขณะที่ทางฝั่งผู้ผลิตพีซีก็ออกมาให้ความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ปีนี้จะเน้นการรักษาฐานลูกค้าพีซีไว้ และหันมาเติบโตในตลาดแท็บเล็ต ซึ่งมีกำลังซื้อสูงกว่าแทน
       
       "ปีที่ผ่านมามี 3 เหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดพีซีไม่เติบโตเท่าที่ควรคือ การมาของแท็บเล็ตจีนราคาถูก การที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีโน้ตบุ๊กเครื่องหลักอยู่แล้ว จึงหันไปซื้อแท็บเล็ตเพิ่มแทน และสุดท้ายคือนโยบายรถคันแรกที่ทำให้นักศึกษาจบใหม่ หรือพนักงานที่เพิ่งเริ่มทำงานใช้เงินไปกับนโยบายดังกล่าวแทน"
       
       ส่วนในปีนี้เนื่องจากกระแสของแท็บเล็ตยังมาแรงอยู่ อินเทลจึงต้องมุ่งหวังกับตลาดของอัลตร้าบุ๊ก คอนเวอร์ทิเบิล ซึ่งเป็นฟอร์มเฟคเตอร์ที่อัปเกรดขึ้นมาจากเครื่องอัลตร้าบุ๊กเดิม ด้วยการใส่หน้าจอทัชสกรีนเข้าไป พร้อมกับรูปแบบการใช้งานที่สามารถปรับหมุนหน้าจอ สไลด์ พับ และถอดหน้าจอเพื่อให้กลายร่างเป็นแท็บเล็ต มาช่วยพยุงตลาดในฝั่งของโน้ตบุ๊กไว้
       
       "ตอนนี้อัลตร้าบุ๊กแบบคอนเวอร์ทิเบิลเริ่มทยอยเข้ามาวางจำหน่ายในตลาดแล้ว ซึ่งการตอบรับที่ได้ถือว่าดีมาก ของเข้ามาไม่เพียงพอกับการจำหน่าย เนื่องจากกำลังการผลิตไม่เพียงพอจากการขาดชิ้นส่วนของหน้าจอทัชสกรีน ส่งผลให้ผู้ผลิตหลายๆรายไม่สามารถนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายได้เพียงพอกับความต้องการในท้องตลาด"
       
       ขณะเดียวกัน การมาของระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ที่มีความสามารถในการทัชสกรีนได้ จึงส่งผลให้อัลตร้าบุ๊กรุ่นเดิม ต้องทำการปรับราคาลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 หมื่นบาทแทน เพื่อให้สามารถขายได้ ส่วนอัลตร้าบุ๊ก คอนเวอร์ทิเบิลระดับราคาก็จะเข้ามาแทนที่อัลตร้าบุ๊กเดิมที่ช่วงราคาสูงกว่า 25,000 บาท
       
       Company Relate Link
       Intel

ที่มา: manager.co.th