Nick Computer Services

News & Public Relation => IT News => Topic started by: Nick on February 25, 2013, 01:32:21 PM

Title: “สามารถฯ” เตรียมจัดงาน ‘i-mobile Day’ หลังเซ็น MVNO 3G TOT
Post by: Nick on February 25, 2013, 01:32:21 PM
(http://upic.me/i/fu/5560000009781021.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/42955553)

‘วัฒน์ชัย’ ยิ้ม มี.ค.เตรียมเซ็นสัญญา MVNO 3G TOT ฉบับใหม่ หลังใจอ่อนให้ผลประโยชน์ทีโอทีจุใจ พร้อมจัดงาน ‘i-mobile Day’ รีลอนช์แบรนด์ 3GX กระตุ้นตลาดอีกรอบ คาดโกยลูกค้าอีก 1 ล้าน อานิสงส์ทีโอทีโรมมิ่ง กสท ส่วนโครงข่าย 3G เฟส 2 หวังได้ติดตั้ง 50%
       
       นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในเดือนมี.ค.ที่จะถึงนี้ คาดว่าบริษัท สามารถ ไอ-โมบายจะเซ็นสัญญาการเป็น MVNO 3G TOT ฉบับใหม่หลังจากมีการปรับแก้ไขประเด็นส่วนแบ่งผลประโยชน์ระหว่างกันรวมทั้งเรื่องหลักประกันรายได้เป็นที่เรียบร้อย โดยสัญญาฉบับใหม่นี้จะมีการทบทวนทุก 2 ปี ไม่ใช่สัญญาระยะยาว 15 ปี
       
       ทั้งนี้ สามารถฯ จะได้สิทธิทำตลาดบริการ 3G ทีโอที จำนวน 2.8 ล้านเลขหมาย หรือคิดเป็น 40% ของความจุโครงข่ายที่มีราว 7.2 ล้านเลขหมาย โดยคาดว่าภายในปีนี้น่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านรายจากปัจจุบันที่มีอยู่ 2-3 แสนราย นอกจากนี้ ภายในเดือน มี.ค.บริษัทฯ จะจัดงาน “i-mobile Day” เพื่อเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังเซ็น MVNO ฉบับใหม่กับทีโอที โดยภายในงานจะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือที่รองรับเทคโนโลยี 4G LTE บนความถี่ 2.1GHz ประมาณ 2-3 รุ่น พร้อมทั้งเร่งให้โรงงานผลิตโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 4G ให้มากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
       
       นายวัฒน์ชัยกล่าวว่า ช่วงสิ้นปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการติดตั้งสถานีฐาน 3G เฟสแรกให้กับทีโอที แล้วกว่า 3,800 สถานีฐาน และในเดือน ก.พ. 56 จะมีการติดตั้งเป็น 4,000 สถานีฐาน โดยคาดว่าจะครบ 5,320 สถานีฐานภายในเดือน เม.ย.นี้ ในขณะที่ทีโอทีก็มีแผนที่จะติดตั้งโครงข่าย 3G เฟส 2 อีก 15,000 สถานีฐาน ซึ่งมีมูลค่าทั้งโครงการรวม 30,000 ล้านบาท
       
       ‘ใน 3G เฟส 2 สามารถฯ ตั้งเป้าเป็นผู้ติดตั้งสถานีฐานให้ได้ 50% ของโครงการทั้งหมด’
       
       ส่วนความคืบหน้าการเซ็นสัญญา MVNO ของบริษัท สามารถ ไอ-โมบายนั้น ล่าสุดทีโอที และสามารถฯได้ตกลงในรายละเอียดเรื่องผลประโยชน์ลงตัวแล้ว จากเดิมที่เอกชนได้ 60% หลังหักค่าการตลาดผ่านช่องทางจำหน่าย 10% และค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เท่ากับเอกชนจะได้รับส่วนแบ่ง 43% ขณะที่ทีโอทีได้ 40% โดยปรับเป็นเอกชนได้ 55% หลังหักค่าการตลาดและภาษีแล้วจะเหลือ 38% ในขณะที่ทีโอทีจะได้ผลประโยชน์ 45% เหลือแค่เสนอบอร์ดทีโอทีอนุมัติเซ็นสัญญาเท่านั้น
       
       Company Related Link :
       Samart

ที่มา: manager.co.th