(http://pics.manager.co.th/Images/553000007681902.JPEG)
อเมซอนดอทคอม (Amazon.com) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยอดนิยมนาม "คินเดิล (Kindle)" ยอมรับต่อหน้าผู้ถือหุ้นบริษัทว่า คินเดิลเวอร์ชันหน้าจอสีนั้นยังไม่สามารถวางตลาดได้ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากข้อจำกัดในเทคโนโลยีหมึกอิเล็กทรอนิกส์หรืออีอิงค์ (electronic ink) ทำให้การพัฒนาคินเดิลหน้าจอสียังต้องกินเวลาต่อไปอีกระยะหนึ่ง
เจฟฟ์ เบโซส์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งอเมซอนดอทคอมกล่าวถึง"คินเดิลหน้าจอสี"นี้ในงานประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ซึ่งจัดขึ้นที่อเมซอนสาขาซีแอตเทิลเมื่อวันอังคารที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเบโซส์ยืนยันว่าอเมซอนจะทำตลาดคินเดิลหน้าจอสีแน่นอน แต่ยังไม่ใช่ในเร็ววันนี้
เบโซส์ระบุว่า การเพิ่มสีลงในหน้าจออีอิงค์ของคินเดิลนั้นมีความยากและท้าทายด้านเทคนิคมาก จึงทำให้กินระยะเวลาในการพัฒนานาน และยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นผลิตในช่วงที่กระแสนิยมเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เชี่ยวกรากเช่นปัจจุบัน
ต้องยอมรับว่า คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตหน้าจอสัมผัสของแอปเปิลอย่างไอแพด (iPad) และเครื่องอ่านอีบุ๊กที่ใช้หน้าจอแอลซีดี (LCD) แสดงสีสันสวยใสนั้นกระตุ้นต่อมความต้องการหน้าจอสีในเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภคอย่างมาก แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องการไม่สามารถอ่านไฟล์อีบุ๊กได้ดีในกลางแจ้ง กินแบตเตอรี่ และมีน้ำหนักที่ไม่สะดวกต่อการถืออ่านเป็นเวลานาน ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกจะรอการวางตลาดของเครื่องอ่านเทคโนโลยีอีอิงค์สี ซึ่งคินเดิลคือหนึ่งในดวงใจที่นักอ่านหนังสือทั่วโลกต้องการให้คลอดเวอร์ชันหน้าจอสีออกมา
เช่นเคย เบโซส์ไม่ให้รายละเอียดว่าอเมซอนสามารถจำหน่ายคินเดิล (Kindle) แล้วทั้งหมดกี่เครื่องนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 ระบุเพียงว่ามียอดจำหน่ายหลายล้านเครื่องเท่านั้น
นอกจากความคืบหน้าเรื่องคินเดิลจอสี เบโซส์ยังระบุว่าบริการเว็บเซอร์วิสของอเมซอน Amazon Web Services ซึ่งให้บริการจำหน่ายเว็บโฮสติงและพื้นที่เก็บข้อมูลแก่ลูกค้าองค์กรนั้นมีโอกาสสูงที่จะถูกขยายให้มีความสำคัญทางธุรกิจให้เทียบเท่าธุรกิจค้าปลีกของอเมซอน โดยบอกว่าตลาดรวมด้านบริการลักษณะนี้นั้นมีลู่ทางกว้างขวางและยังไม่ถูกพัฒนาตามแบบที่ควรจะเป็น
"เมื่อไรก็ตามที่อะไรๆถูกพัฒนาอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เมื่อนั้นโอกาสก็จะเกิดขึ้น" เบโซส์กล่าวคำคม
ปัจจุบัน รายได้จากแผนกบริการ Amazon Web Services นั้นสูงไม่ใช่เล่น โดยตัวเลขล่าสุดในไตรมาส 1 ปี 2010 ที่ผ่านมานั้นพบว่ามีมูลค่าสูงถึง 188 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ยังน้อยกว่ายอดจำหน่ายสินค้าปลีกบนอเมซอนที่มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านเหรียญแบบไม่เห็นฝุ่น
Company Related Links :
Amazon
ที่มา: manager.co.th