(http://upic.me/i/7f/5550000126606011.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/39678224)
ภาพประกอบจาก "เดอะ เดลี"
ผู้ใช้มือถือสหรัฐฯ ฮิตใช้แอปฯ “อินสตาแกรม” แซงหน้า “ทวิตเตอร์” ไปเรียบร้อยแล้วจากสถิติในเดือนสิงหาคม 55 อย่างไรก็ตาม แอปฯ ถ่ายภาพยอดฮิตกลับยังไม่มีช่องทางการหารายได้ที่ชัดเจน เปรียบเทียบกับทวิตเตอร์ที่น่าจะฟาดค่าโฆษณาได้กว่า 7.8 พันล้านบาทในปีนี้
เมื่อวันศุกร์ (28 ก.ย.) สำนักข่าวหลายแห่งในสหรัฐฯ รายงานว่าจากสถิติในเดือนสิงหาคม 2555 แอปพลิเคชันถ่ายภาพยอดฮิต อินสตาแกรม (Instagram) หรือ IG บนโทรศัพท์มือถือมีผู้ใช้แซงหน้าผู้ใช้แอปฯ เครือข่ายสังคมยอดนิยมอย่างทวิตเตอร์ (Twitter) ไปเรียบร้อยแล้ว
รายงานจากคอมสกอร์ บริษัทวิจัยด้านการตลาดและความเคลื่อนไหวของพฤติกรรมผู้บริโภคบนอินเทอร์เน็ตระบุว่า ในทุกๆ วันคนอเมริกันราว 7.3 ล้านคนใช้อินสตาแกรมผ่านโทรศัพท์มือถือ เปรียบเทียบกับ 6.9 ล้านคนต่อวันที่ใช้ทวิตเตอร์ โดยการเติบโตของผู้ใช้แอปฯ อินสตาแกรมผ่านโทรศัพท์มือถือนั้นถือว่ารวดเร็วมาก เพราะในเดือนมีนาคมของปีนี้จำนวนผู้ใช้แอปฯ อินสตาแกรมยังมีจำนวนผู้ใช้ราว 900,000 คนต่อวันอยู่เลย
หลังจากเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอคนดังเจ้าของเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ “เฟซบุ๊ก” ประกาศว่าเฟซบุ๊กได้ตกลงเข้าซื้อกิจการอินสตาแกรมเป็นที่เรียบร้อยด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 30,000 ล้านบาท) จำนวนผู้ใช้แอปฯ อินสตาแกรมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคอมสกอร์ระบุด้วยว่า ในเดือนสิงหาคมผู้ใช้มือถือชาวอเมริกันใช้เวลากับแอปฯ ถ่ายรูปยอดฮิตนี้เฉลี่ยมากถึง 4 ชั่วโมงครึ่งต่อเดือน เปรียบเทียบกับทวิตเตอร์ที่ผู้ใช้แอปฯ ใช้เวลากับแอปฯ โดยเฉลี่ยต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม ทวิตเตอร์ยังคงมีบัญชีผู้ใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือมากกว่าราว 29 ล้านบัญชี เปรียบเทียบกับอินสตาแกรมที่มี 22 ล้านบัญชี เพียงแต่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ไม่ได้เข้ามาใช้งานบ่อยมากนัก นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ก็ยังมีผู้ใช้บริการผ่านอุปกรณ์อื่นๆ โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์มากเกือบ 300 ล้านคนทั่วโลก เปรียบเทียบกับอินสตาแกรมที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ
ด้าน จอร์จ โคโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์ กล่าวว่า แอปพลิเคชันนั้นเป็นอนาคตของโลกอินเทอร์เน็ต โดยโคโลนีระบุว่าเว็บจะกลายเป็นเหมือนวิทยุเอเอ็มของโลกดิจิตอล
หากพิจารณาจากในแง่ของรายได้ ทวิตเตอร์สามารถทำรายได้จากการโฆษณาได้แล้ว แม้ว่าตัวเลข Engaged User จะยังไม่มากก็ตาม ตรงกันข้ามกับอินสตาแกรมที่ยังไม่มีรูปแบบในการหารายได้ที่ชัดเจน โดยอีมาร์เกตเตอร์ (EMarketer) บริษัทวิจัยตลาดอีกแห่งหนึ่งระบุว่า ในปี 2555 นี้ทวิตเตอร์น่าจะทำรายได้ราว 260 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 7,800 ล้านบาท) ผ่านโฆษณาผ่านบนทวิตเตอร์ หรือทำรายได้จากผู้ใช้งานได้ราวหัวละ 1 เหรียญสหรัฐ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากโฆษณาผ่านการใช้งานทวิตเตอร์บนโทรศัพท์มือถือ
ที่มา: manager.co.th