(http://upic.me/i/l8/12261.jpg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/34185471)
(http://upic.me/i/7o/12-131.jpg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/34185478)
(http://upic.me/i/76/12-21.jpg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://upic.me/show/34185483)
ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่อย่าง Keplar ทำให้ NVIDIA มีเทคโนโลยีตัวใหม่ 3 ตัว ที่จะเอามาชูโรงได้ล่อตาล่อใจชาวประชาให้ได้ร้องว้าว พร้อมๆ ไปกับน้ำลายที่ไหลย้อย อยากได้มาครอบครองเป็นเจ้าของสักชิ้น เริ่มจากระบบ TXAA ที่เป็นชุดคำสั่งในการลบรอยหยักของภาพตัวใหม่ โดยมันจะสามารถให้คุณภาพเทียบได้กับระดับ 16X MSAA ได้ด้วยการใช้ประสิทธิภาพเพียงแค่ที่ระดับ 2X MSAA เท่านั้นเอง แต่ถ้านั่นยังไม่เพียงพอ ตัวระบบ TXA นี้ก็ยังมีระดับการปรับลดเพิ่มให้อีกหนึ่งระดับ เป็น TXAA2 โดยจะเพิ่มระดับคุณภาพของภาพให้สูงกว่าระดับ 16X MSAA ขึ้นไปอีก แต่จะยังคงกินประสิทธิภาพเครื่องแค่ที่ 4X MSAA เท่านั้น แต่ก็ต้องบอกว่าตัวเกมที่รองรับชุดคำสั่งใหม่นี้แท้ๆ ยังมีไม่มากเท่าไหร่นัก โดยสามารถเข้าไปปรับตั้งค่าได้จาก NVIDIA Control Panel ในส่วนของ application profiles ได้เลย
ตามติดมาด้วยระบบ Adaptive V-Sync ที่เป็นระบบจำกัดเฟรมเรทของภาพ ในกรณีที่ภาพมีเฟรมเรทสูงมากกว่า refresh-rate ของจอมอนิเตอร์ที่ใช้อยู่ หรือถ้าเกิดกรณีที่เฟรมเรทภาพตกลงกว่า refresh-rate ของจอมอนิเตอร์ล่ะก็ ตัวระบบก็จะทำการดันเฟรมเรทให้เพิ่มขึ้น เรียกว่าเป็นระบบแปรผัน frame-rate ให้แบบอัจฉริยะเลยทีเดียว
ตามมาด้วยเทคโนโลยีใหม่ตัวสุดท้าย เป็นระบบ 3 มิติตัวใหม่ ที่มีชื่อเรียกว่า 3D Vision Surround ปกติแล้วการจะแสดงผลภาพแบบ 3 มิติ ด้วยการต่อจอมอนิเตอร์เพิ่มให้ภาพกว้างขึ้นจะจำกัดอยู่เต็มที่ได้แค่ 2 จอ จากการใช้การ์ดจอของ NVIDIA แต่ตอนนี้เราสามารถที่จะต่อได้เพิ่มเป็น 3 จอด้วยกันแล้ว ด้วยการ์ดจอจาก Keplar นี้ และไม่จำเป็นอีกต่อไป ที่จะต้องใช้การ์ดจอมากกว่า 2 ตัวขึ้นไปในการต่อจอมากกว่า 2 ตัว นอกจากนั้นระบบ 3D Vision Surround นี้ ยังทำงานร่วมกันกับ Adaptive V-Sync เพื่อเป็นการการันตีเฟรมเรทของภาพจากจอมอนิเตอร์ตัวกลาง ให้ยังคงมีเฟรมเรทที่สูงอยู่ ไม่ให้เสียระดับไปไหน แล้วก็อาจจะลดหลั่นเฟรมเรทลงไปเล็กน้อยสำหรับจอด้านข้าง 2 ตัวที่เหลือ อ๊าก อยากได้ๆ
ที่มา NotebookSpec