Nick Computer Services

News & Public Relation => IT News => Topic started by: Nick on January 04, 2012, 05:47:44 PM

Title: เอสเอพีชี้ Business Continuity เครื่องมือสู้ภัยพิบัติอนาคต
Post by: Nick on January 04, 2012, 05:47:44 PM
(http://pics.manager.co.th/Images/555000000093902.JPEG)
โทมัส แซค กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี ประเทศไทย

เอสเอพี เชื่อองค์กรธุรกิจในไทยต้องวางแผนไอทีใหม่ รองรับภาวะภัยพิบัติที่จะเกิดในอนาคต ระบุ Business Continuity กับการปรับขั้นตอนการทำงานสู่โลกดิจิตอล จะเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยองค์กรไทยพลิกวิกฤติเป็นโอกาส
       
       นายโทมัส แซค กรรมการผู้จัดการ เอสเอพี ประเทศไทย กล่าวว่า เครื่องมือช่วยในการดำเนินธุรกิจหรือบิสซิเนสทูล จะเข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤตการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเป็นการรองรับกับภัยพิบัติอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มธุรกิจต่างๆไม่ว่า จะเป็นหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ โรงงาน ธนาคาร ค้าปลีกค้าส่ง เพื่อลดความเสี่ยงและค่าใช้จ่าย ก็คือ Business Continuity ซึ่งจะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม สามารถที่จะยังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ไม่หยุดชะงัก
       
       ธุรกิจในไทยส่วนใหญ่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องของขั้นตอนการทำงานหรือ Process ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากกรณีที่เกิดภัยพิบัติขึ้นมา หากหน่วยงานหรือองค์กรธุรกิจใดที่มีการวางแผนขั้นตอนการทำงานเอาไว้ เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น องค์กรธุรกิจนั้นๆ ก็จะยังคงดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง
       
       'ส่วนใหญ่แล้ว 80% ขององค์กรในประเทศไทยไม่ได้เตรียมการหรือวางแผนในเรื่องนี้เอาไว้ ทำให้สูญเสียข้อมูลไป เนื่องจากน้ำท่วมอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล หรือถึงแม้ข้อมูลจะไม่ถูกน้ำท่วมก็ตามแต่ก็ไม่สามารถนำมาดำเนินธุรกิจได้ในทันที เนื่องจากไม่มีการเตรียมการในเรื่องของขั้นตอนการทำงานเอาไว้'
       
       เครื่องมืออีกประการหนึ่งของเอสเอพีที่เข้ามาช่วยให้ Business Continuity สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพก็คือ เอนเตอร์ไพรซ์ โมบิลิตี้ ที่ทำให้บุคลากรสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ผ่านดีไวซ์ต่างๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นบนแท็บแล็ต หรือสมาร์ทโฟน
       
       'พนักงานของเอสเอพีบางส่วนก็ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้เช่นกัน แต่จากการที่บริษัทมีการวางแผนเอาไว้ทำให้พนักงานยังคงสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้จัดเตรียมสถานที่พักให้กับครอบครัวที่ประสบภัย ซึ่งมีไม่มากนักประมาณ 20%'
       
       นายโทมัส กล่าวอีกว่า ผลกระทบสำหรับลูกค้าของเอสเอพีมีไม่มากนัก มีกระทบบ้างในเรื่องของการย้ายเซิร์ฟเวอร์ที่ลงระบบของเอสเอพี ซึ่งบริษัทมีทีมงานที่เข้าไปช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายได้ทัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นบริษัทข้ามชาติ ที่มีการวางแผนบริการจัดการทางด้านระบบไอทีที่ดีทำให้กระจายความเสี่ยง ต่างจากบริษัทในท้องถิ่นของไทยที่ไม่มีแผนรองรับกับเรื่องนี้
       
       'คลาวด์จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ธุรกิจในประเทศไทยจะหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น เพราะจะทำให้การทำงานขององค์กรต่างๆ สามารถทำงานได้ทันที แต่ที่สำคัญจะต้องมีการวางแผนและปรับรูปแบบการทำธุรกิจให้เข้าสู่กระบวนการทำงานอิเล็กทรอนิกส์ประกอบกันด้วย'
       
       Company Related Link :
       SAP

ที่มา: manager.co.th