(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2014/09/10/540fe78c5c0ee.png) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-540fe78c5c4fa.html)
(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2014/09/10/540fe7a60a3d4.png) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-540fe7a60b185.html)
(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2014/09/10/540fe7bd668ed.png) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-540fe7bd66c80.html)
(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2014/09/10/540fe7ca42725.png) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-540fe7ca42b2e.html)
(http://uppic.nickcs.com/upload/big/2014/09/10/540fe7d62a18f.jpeg) (http://board.nickcs.com/go.php?http://uppic.nickcs.com/img-540fe7d62a576.html)
เป็นไปตามคาด สำหรับการเปิดตัวทายาท iPhone รุ่นใหม่ ที่คราวนี้มาถึงสองรุ่น ได้แก่ รุ่น 4.7 และ 5.5 นิ้ว (ตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้า) โดยทั้งสองจะได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน มาพร้อมซีพียูล่าสุด A8 และจอแสดงผลความละเอียดที่สูงขึ้น ระดับ Retina HD
ในการเปิดตัว iPhone ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนี้ แอปเปิล กล่าวว่า iPhone 6 ขนาด 4.7 นิ้ว จะมีจำนวนพิกเซลที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า (iPhone 5s) ถึง 38 เปอร์เซ็นต์ และขนาดจัมโบ้ iPhone 6 Plus จะมีพิกเซลมากกว่าถึง 185 เปอร์เซ็นต์
โดยรองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิล Phil Schiller ได้พูดถึง iPhone รุ่นใหม่ทั้งสองว่า จะมีหน้าจอขนาด 1,334x750 พิกเซล (หรือ ความหนาแน่นพิกเซล 326ppi) สำหรับรุ่น 4.7 นิ้ว และ 1,920x1,080 พิกเซล สำหรับรุ่น 5.5 นิ้ว โดยยังจะบางลงกว่ารุ่นก่อน หรือ หนาเพียง 6.9 มม. สำหรับ iPhone 6 และ 7.1 มม. สำหรับ iPhone 6 Plus (ในขณะที่ iPhone 5s หนา 7.6 มม.)
หน่วยประมวลผลภายใน มีการใช้ชิป A8 ที่ประกอบไปด้วย ทรานซิสเตอร์กว่าสองพันล้านตัว ซึ่ง แอปเปิล อ้างว่า จะมีความเร็ว เร็วกว่า A7 ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และประหยัดพลังงานมากกว่าถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยทั้งสองรุ่นยังจะมีชิปประมวลผลร่วม M8 และบารอมิเตอร์ใหม่ ซึ่งจะช่วยวัดความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ และตัวเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอพฯที่สามารถตรวจสอบระยะทางเดินหรือวิ่ง และการก้าวขึ้นลงบันได
ด้านความสามารถกล้อง แอปเปิล ได้มีการเพิ่มเซ็นเซอร์ 8 ล้านพิกเซล ที่มีระบบตรวจจับโฟกัส 'Focus Pixels' และรูรับแสงขนาด f/2.2 นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มความสามารถในการประมวลผลภาพขั้นสูง ที่จะทำให้ถ่ายวีดีโอระดับความละเอียด 1080p ได้ที่ 30 และ 60 เฟรมต่อวินาที และโหมด Slo-mo ที่ 240 FPS
โดย iPhone 6 จะมีให้เลือกทั้งสีทอง, เงิน และเทา โดยจะมีราคาอยู่ที่ 199เหรียญสหรัฐฯ สำหรับรุ่นความจุ 16GB, 299เหรียญสหรัฐฯ สำหรับรุ่นความจุ 64GB และขนาดความจุใหม่ 128GB ในราคา 399เหรียญสหรัฐฯ (ทั้งหมดคือราคาแบบผูกติดสัญญา 2 ปี) ในขณะที่รุ่นใหญ่กว่า iPhone 6 Plus จะมีราคาเริ่มต้นที่ 299, 399 และ 499เหรียญสหรัฐฯ ตามขนาดความจุตามลำดับ และตามธรรมเนียม เมื่อเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ก็ต้องมีการลดราคา iPhone รุ่นเก่า โดย iPhone 5s จะมีราคาลดลงไปอยู่ที่ 99เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่รุ่น iPhone 5c จะเปิดให้รับเครื่องไปใช้ฟรี (แบบติดสัญญา)
อนึ่ง iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ (ล็อตแรก) ในวันที่ 19 กันยายนนี้ พร้อมกันที่ สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, ฮ่องกง, แคนาดา, เยอรมัน, สิงคโปร์, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น
ที่มา AppleInsider
ที่มา: pantip.com