ตลาดคอมพิวเตอร์นับวันยิ่งถูกลงอย่างต่อเนื่อง เน็ตท็อป อีแมชชีนพระเอกตัวล่าสุดในฐานะพีซีที่ถูกที่สุดในประเทศไทย หนึ่งในไฟติ้งแบรนด์จากค่ายคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ไต้หวันนามเอเซอร์ ที่วางกลยุทธ์ให้แบรนด์นี้เป็นทางเลือกสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานคอมพิวเตอร์ครั้งแรก
เน็ตบุ๊ก ได้รับการสถาปนาให้เป็นโน้ตบุ๊กรุ่นเล็กราคาประหยัด ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์พกพา แต่สำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะราคาประหยัด เน็ตท็อป กำลังเข้ามาเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่เริ่มต้นใช้งานคอมพิวเตอร์ครั้งแรก
แบรนด์ยักษ์ใหญ่ไต้หวันอย่างเอเซอร์ กำลังมุ่งทำตลาด เน็ตท็อป เช่นกัน ล่าสุดได้มีการเปิดตัว เน็ตท็อป อีแมชชีน รุ่น EL16000 ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกที่เอเซอร์นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย หลังจากที่เอเซอร์ได้เปิดตัวพีซี และโน้ตบุ๊ก อีแมชชีนไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งได้รับความสนใจและเป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น
เน็ตท็อป อีแมชชีน จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนกระตุ้นความต้องการใช้งานด้านไอที เพราะด้วยสมรรถนะในการทำงาน สเปกของเครื่องที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ และประหยัดพลังงานบวกกับราคาที่ถูก น่าจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภคได้อีกทางหนึ่ง บุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าว
ราคาถือเป็นปัจจัยที่น่าจะส่งให้เน็ตท็อป อีแมชชีน ติดลมบนได้รับความนิยมจากตลาด ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 5,990 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยราคานี้ยังไม่รวมจอแอลซีมอนิเตอร์
ด้านคุณสมบัติของเน็ตท็อป อีแมชชีน รุ่น EL1600 มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ บอดี้สีดำมันวาว และขนาดเล็กเพียง 8.5 ลิตร เหมาะสำหรับจัดวางในพื้นที่ที่มีจำกัด ตอบสนองผู้บริโภคที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่รองรับการใช้งานพื้นฐานทั่วไป ด้วยแพลตฟอร์มขนาดเล็ก การทำงานที่เงียบ มาพร้อมกับซีพียู อินเทล อะตอม 230 มีความเร็วระดับ 1.6 กิกะเฮิรตซ์ ช่วยประหยัดพลังงานและสามารถระบายความร้อนได้ดี
ส่วนฮาร์ดดิสก์ใช้แบบ Serial SATA ให้ความจุมากถึง 160 กิกะไบต์ แรม 1024 เมกะไบต์ รวมทั้งคุณสมบัติในการรองรับการทำงานด้านกราฟิกด้วย Intel Graphics Media Accelerator 950 ให้คุณภาพเสียงด้วยระบบ High-Definition audio และมีช่อง USB Port มากถึง 8 ช่องสำหรับการเชื่อมต่อ
ตามแผนที่เอเซอร์วางไว้สำหรับแบรนด์อีแมชชีน เอเซอร์ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3-5 ปี เอเซอร์เตรียมแยกแบรนด์อีแมชชีน และเอเซอร์ออกจากกันอย่างชัดเจน ทั้งนี้แบรนด์เอเซอร์จะกลายเป็นสินค้าที่เจาะกลุ่มตลาดบน โดยจะไม่มีสินค้าในกลุ่มตลาดล่าง ขณะที่แบรนด์อีแมชชีนจะเป็นแบรนด์สำหรับเจาะตลาดทั่วไป และเป็นไฟติ้งแบรนด์ที่จะไว้ชนกับคู่แข่งขัน
นิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า อีแมชชีนถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวออกมาในช่วงจังหวะที่ดี จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่เน้นเรื่องของราคาเป็นหลัก ในทางกลับกันขณะนี้ต้นทุนของการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ผลิตสามารถทำราคาคอมพิวเตอร์ให้ต่ำลงได้
กลยุทธ์ที่เอเซอร์วางไว้กับการปั้นแบรนด์เอเซอร์และอีแมชชีนให้เป็นสองแบรนด์ในการทำตลาดคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกัน คล้ายกับค่ายเอชพีที่วางกลยุทธ์ให้กับแบรนด์คอมแพคในการจับกลุ่มผู้บริโภคเริ่มต้นและผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป ส่วนแบรนด์เอชพีจะเน้นตลาดกลางขึ้นไปจนถึงระดับบน ทำให้เอชพีสามารถนำเสนอไลน์โปรดักส์คอมพิวเตอร์ได้อย่างหลากหลายและครอบคลุมทุกเซกเมนต์ด้วยการนำผลิตภัณฑ์จากทั้งแบรนด์คอมแพคและเอชพีมาทำตลาดเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้า
"เรามีดูอัลแบรนด์ในการทำตลาดคอมพิวเตอร์ เอชพีจะเน้นโปรดักส์ที่เป็นอินโนเวทีฟพีซี ส่วนคอมแพคเน้นสินค้าที่มีราคาเหมาะสม" ปวิณ วรพฤกษ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันนัล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอชพี กล่าวและว่า
กลยุทธ์ของเอชพีที่ใช้กับเอชพีทั่วโลก จะอยู่ใน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.การมีโปรดักส์ไลน์ที่มีอยู่อย่างหลากหลาย 2. กลยุทธ์เรื่องของอินโนเวชั่นบวกกับดีไซน์ และ 3.การสร้างประสบการณ์การใช้งานจริงให้กับผู้บริโภค
ที่มา: manager.co.th