Author Topic: “เมธี” ขู่ “แอนนี่” ฟ้องระวังเจอคุก เฉลยนักร้องโสม-ผู้ช่วย ผกก.คือ 2 หนุ่มปริศนา  (Read 1179 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai

“เมธี” ขู่ “แอนนี่” ฟ้องระวังเจอคุก เฉลยนักร้องโสม-ผู้ช่วย ผกก.คือ 2 หนุ่มปริศนา แฉเพิ่มดารา “ต” กับน้อง “สุรวุฑ” ก็มีเอี่ยว




       “เมธี” แถลงซัด “แอนนี่” ป่วยจิต-ลวงโลก ยันเคยคบเมื่อ 10 ปีก่อน และเคยถูกกุว่าท้องเหมือน “ฟิล์ม” แต่จับได้คบชายหลายคน ท้าดาราสาวฟ้องหมิ่น บอกมีพยานบุคคลช่วยยันมีสัมพันธ์ด้วย ขู่แจ้งเท็จระวังติดคุก และตนเอาเข้าคุกจริงแน่ แจงเรื่องตบตีอีกฝ่ายปั้นเรื่องขึ้นมา บอกโกหกสังคม เพราะหวังขายลูกกิน พร้อมเฉลย 2 หนุ่มมีเอี่ยวพ่อ “น้องทีฆายุ” ต่อจาก “เฮียฮ้อ” เป็นนักร้องแดนโสม กับผู้ช่วยผู้กำกับ เพิ่มตัวละครอีก 2 อักษรย่อ “ต” และ “น”
       
       เปิดฉากแฉอดีตคนเคยรัก “แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค” ไปแล้วรอบนึง ว่า เป็นคนลวงโลก เคยกุข่าวท้องกับตนเหมือนอย่างที่เคยทำกับนักร้องหนุ่ม “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” มาก่อน พอดาราเสื้อแดง “เมธี อมรวุฒิกุล” เจอ “แอนนี่” ตอกกลับไม่เคยมีสัมพันธ์ด้วย ทั้งยังด่าว่าเป็นคนเลว ขู่จะฟ้องร้องฐานทำให้เสียชื่อ งานนี้เลยทำให้ “เมธี” ของขึ้น จัดแถลงข่าวแฉลากไส้ “แอนนี่” ต่อสื่อมวลชนอีกรอบ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (7 ต.ค.) ที่ รร.ตะวันนา ย่านสุรวงศ์
       
       โดย “เมธี” ได้กล่าวขอบคุณดีเอสไอที่ให้โอกาสออกมาชี้แจง ซึ่งสาเหตุที่ต้องออกมาพูด เพราะมีข่าวลือว่าตนจะลงเล่นการเมือง เลยหวังมาเกาะกระแสข่าวอีกฝ่าย ซึ่งไม่ใช่ความจริง
       
       “เนื่องจากที่เมื่อวานนี้ เออ..ไม่ขอเอ่ยชื่อละกัน ผู้หญิงคนนี้เห็นบอกว่าจะฟ้องร้องผม และก็กล่าวหาผมว่าเป็นคนเลว เป็นคนโกหก และบอกว่าไม่เคยคบหากับผมมาก่อน ในวันนี้ผมถูกควบคุมตัวโดยทางดีเอสไอ ก็ต้องขอบคุณทางดีเอสไอด้วยที่อนุญาตเป็นกรณีพิเศษ เพราะทางดีเอสไอเห็นว่าครั้งนี้เป็นเรื่องที่ทำให้ผมเสียหาย และเป็นเรื่องส่วนตัวของตัวผมเอง ก็ต้องขอบคุณด้วยที่ให้ความกรุณาให้มาแถลงข่าววันนี้ และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะผมไม่สะดวกในการแถลงข่าว และผมจะพูดแต่ความจริงเท่านั้นโดยละเอียด (เน้นเสียง) เพราะถ้าพูดโกหกก็คงต้องไปติดคุกแน่นอน”
       
       “บางกระแสบอกว่าที่ผมออกมาพูด เพราะต้องการเกาะกระแสเขา คือวันนี้ถ้าทางดีเอสไอไม่อนุญาตให้ผมวันนี้เจ๊งเลย ชีวิตผมป่นปี้ ผมไม่ได้หวังกระแสอะไรเลย ผมรู้ตัวเอง ผมโดนจับข้อหาก่อการร้าย ประหารชีวิตนะครับ ติดคุก 20 ปี ผมจะมาสร้างกระแสอะไรอีก แล้วถ้าเกิดออกมาอย่างนี้มีแต่ผลร้ายกับผมทั้งนั้น มันมีผลดีตรงไหนบ้าง เฮียฮ้อจะให้ตังค์ผมบ้างไหม (หัวเราะ) ไม่มีหรอกครับ มีแต่เรื่องแต่ราว เดี๋ยวทนายฝ่ายโน้นก็มาฟ้องผมอีกหลายสิบคดี แต่ถามว่าผมจะเล่นการเมืองไหม ผมมันเข้มข้นมาก เข้มข้นจริงๆ ถ้ามีโอกาสนะครับ ถ้าไม่ต้องติดคุกติดตะรางก่อนหรือตายก่อน ผมก็จะลงสู่ถนนทางการเมือง แต่นี่มันคนละแบบไม่เกี่ยวกัน จะมาเกาะกระแสไม่ต้องเกาะหรอกครับ ผมดังกว่าฟิล์มเยอะ (หัวเราะ)”
       
       ดาราเสื้อแดงได้สาธยายต่อถึงเมื่อครั้งยังคบหากับ “แอนนี่” เมื่อ 10 ปีที่แล้วว่า ถูกอีกฝ่ายปั้นเรื่องโกหกหลอกลวงมาตลอด แต่ตนจับได้
       
       “ผมได้คบหากับผู้หญิงคนนี้เมื่อสักประมาณ 10 ปีที่แล้ว ในขณะนั้นก็เป็นข่าวใหญ่โต เพราะผมกำลังไปส่งน้องเขาอยู่ และรถเกิดอุบัติเหตุที่รัชโยธิน หลังจากนั้นไม่นานก็เลิกกัน น้องเขาก็ออกมาด่าผม หนังสือพิมพ์ลงเกือบทุกฉบับหาว่า ผมเป็นคนแบบนั้นแบบนี้ต่างๆ นานา ซึ่งผมไม่เคยตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะพี่นักข่าวกรุณาเตือนผมว่า เราอย่าไปพูดเลย เราเป็นผู้ชายจะเสียหาย เดี๋ยวจะหาว่าไปรังแกผู้หญิง ผมก็ปิดปากเงียบมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา”
       
       “จนวันนี้มาถึงผมได้เห็นข่าวที่เกิดขึ้นกับน้องฟิล์ม ผมยังนึกดีใจว่าคนนี้เป็นลูกผู้ชายใช้ได้ ถือว่ารับผิดชอบ ถึงแม้ยังไม่รู้ว่าเป็นพ่อหรือเปล่า แต่ก็รับผิดชอบส่วนหนึ่งให้ ผมก็โอเคใช้ได้ แต่ปรากฏไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้ได้มีแผนการโดยการอ้างว่าท้อง ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นกับผมเมื่อตอนคบหากับผู้หญิงคนนี้อยู่ ในช่วง 3 อาทิตย์แรกผู้หญิงคนนี้บอกว่า เขาอยากมีลูกกับผม ผมก็ตกใจ แสดงว่าผมใช้ได้เหมือนกันนะ (หัวเราะ) อยู่ๆ มีคนอยากให้เราเป็นพ่อของลูกเขา พอเข้าเดือนที่ 4 มาบอกผมว่าท้อง ในขณะนั้นผมอายุ 30 แล้วก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่พอสมควร ผมก็ตกใจเล็กน้อย เพราะว่าผมก็ป้องกันเต็มที่ คืออย่างว่าเข้าใจนะ เราก็ป้องกันพอสมควร ผมก็สงสัยว่าเป็นไปได้ยังไง ท้องได้ยังไง เขาก็เงียบๆ เฉยๆ ไม่ตอบอะไร แต่หลังจากนั้นเดือนนึงเราก็มีเหตุให้ต้องเลิกรากัน”
       
       “แต่ในระหว่างที่ผมคบกับผู้หญิงคนนี้ ผมแอบสืบทราบมาว่า เขาได้คบกับผู้ชายอีก 2 คน และผมได้โทรไปหาผู้ชายคนนั้นด้วย ขณะที่น้องคนนี้นั่งอยู่ข้างๆ ผม ผมขับรถและให้น้องเขาต่อสายไปหาผู้ชายคนนี้ ซึ่งเป็นนักแสดงเหมือนกัน และผมก็ได้คุยกับนักแสดงชายคนนี้ เขาก็พูดดีกับผม และเล่าเรื่องให้ผมฟังทั้งหมด และผมก็เล่าเรื่องให้เขาฟังทั้งหมดต่อหน้าน้องผู้หญิงคนนี้ ทุกอย่างกระจ่างหมด โกหกปั้นเรื่องทุกอย่าง หลอกลวงผมทุกอย่าง อาทิเช่นบอกว่าตัวเองอายุ 18 แต่จริงๆ อายุ 22 โกหกว่าเพิ่งจบจากซานฟรานซิสโก มาอยู่เมืองไทยได้ปีกว่าๆ อ่านภาษาไทยไม่ได้ พูดภาษาอังกฤษ แต่เวลาพูดภาษาอังกฤษกับผม ซึ่งผมจบจากเมืองนอก เขาก็พูดภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ ผมก็เริ่มสงสัยผู้หญิงคนนี้มากๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาบอกพูดไทยได้นิดหน่อย แล้วคุณพูดภาษาอะไร”
       
       “แล้วที่บอกว่าจริงๆ ผมเป็นมือที่สาม ระหว่างน้องผู้หญิงคนนี้กับน้องผู้ชายคนที่ผมคุยโทรศัพท์ด้วย เรื่องนี้ผมขอเล่า.....ผู้หญิงคนนี้จำไว้เลยนะ ผมพูดยังไงจำได้ใช่ไหม ผมบอกว่าเออ...เอาอย่างนี้ละกัน พี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ว่าน้องคบกันมาก่อน พี่มาทีหลัง เอาอย่างนี้ละกันพี่ขอถอนตัว น้องคบกันต่อไปไม่เป็นไร น้องเขาก็บอกว่าผมก็ไม่เอา แต่ผมบอกไม่เป็นไร....พี่ขอถอนตัวจริงๆ พี่รู้ว่าน้องรักกันมานานหลายปีแล้ว พี่ขอถอนตัว เขาบอกก็ไม่เอาๆๆ ไม่ไหวเหมือนกัน ยื้อกันอยู่ 3 ครั้ง ผมเลยบอกว่าเอาอย่างนี้ละกัน พี่ขอถอนตัวละ และน้องจะคบต่อหรือจะเลิกกันไปแล้วกลับมาคบกันอีก ก็เป็นการตัดสินใจของน้องไม่เกี่ยวกับผม ผมก็คืนโทรศัพท์ให้น้องผู้หญิงคนนี้ไป”
       
       “จากนั้นผมก็เลยเริ่มสืบแล้วบังเอิญไปเจอแม่ ผมไปรับแม่เขาที่หมอชิต ก็เลยได้คุยกับแม่ ทุกอย่างเลยเฉลยหมดว่า เขาไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย ไม่เคยไปเมืองนอก เกิดเมืองไทยนี่แหละ ตอนนั้นเขาก็โกหกว่าพ่อเขายังอยู่ พ่อเขาขายจิลเวอร์รี่ ร่ำรวย แต่แม่เขาบอกว่าไม่เคยเห็นหน้าพ่อ 3 เดือนอยู่ในท้องพ่อไปแล้ว และที่บอกว่าเรียนจบพยาบาลก็ไม่จริง จบเป็นผู้ช่วยพยาบาล ล่าสุดเพิ่งออกรายการของคุณวิทวิส (สุนทรวิเนตร) ก็บอกว่าจบพยาบาล คุณวิทวัสถามถึง 3 ครั้งว่าจบพยาบาลจริงไหม เขาก็บอกจริงค่ะ พยาบาลจบ 4 ปีครับ แต่นี่จบผู้ช่วยพยาบาลเป็นคอร์สสั้นๆ 6 เดือน ผมเข้าใจว่าสื่อมวลชนทราบหมดแล้วว่า เบื้องลึกเบื้องหลังเป็นยังไง แต่ประชาชนบางส่วนยังไม่ทราบ ยังไม่เห็นถึงความร้ายกาจของผู้หญิงคนนี้ ผมเคยตกเป็นเหยื่อมาแล้ว แต่โอเคผมอาจจะแก่กว่าฟิล์ม มีประสบการณ์มากกว่าเลยรอดตัวไป”
       
       “แต่ดีที่ตอนคบกันไม่มีเรียกรับเงินใดๆ จากผู้หญิงคนนี้ แต่เป็นธรรมดาผู้ชายเราก็ต้องเทคแคร์ผู้หญิงเวลาไปทานข้าว มันก็ตลกนะเวลาคนเสิร์ฟเอาเมนูมาให้ เขาก็ทำหน้าห๊า...อ่านไม่ออก เพื่อนซี้ผมนั่งอยู่ข้างๆ พอเขาอ่านไม่ออกก็อธิบายเป็นภาษาฝรั่ง เขาก็โอเคๆ I take this ผมก็งง และช็อตที่สำคัญผมพูดต่อหน้าน้องคนนี้เลย ผมไปคุยกับแม่เขา ตัวเขานั่งคุกเข่าต่อหน้าผม แม่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ผมไปรับมาจาก บขส. แล้วผมเล่าให้แม่เขาฟังทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกสาวทำอะไรกับผมไว้ แม่ก็บอกว่าอภัยให้เขาเถอะ น้องมันเด็กไม่รู้เรื่องอะไร ไปๆๆ ก็อภัยให้ แต่หลังจากวันนั้นผมก็เลิกกับเขา”
       
       ตั้งปมเหตุ “แอนนี่” ไม่ตรวจดีเอ็นเอ เพราะถ้าพิสูจน์แล้วไม่ใช่ลูก “ฟิล์ม” ชีวิตจะจบลงทันที วอนมูลนิธิเพื่อสตรีอย่าตกเป็นเครื่องมือ และตนอยากให้จบมหากาพย์ “ฟิล์ม-แอนนี่” ได้แล้ว
       
       “วันนี้ที่ผมออกมาเพราะผมเห็นฟิล์มรับผิดชอบมาพอสมควรแล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่หยุด จุดของมันคือการตรวจดีเอ็นเอ ทำไมถึงไม่ตรวจดีเอ็นเอ เอาเส้นผมไปก็ได้ ตรวจน้ำลายกระพุ้งแก้มก็ได้ เอาส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายน้องก็ได้ ไม่ได้เจ็บอะไรหรอก ผมมันร่วงตลอดเวลาอยู่แล้ว ทุกอย่างก็จะกระจ่าง แต่ทำไมไม่ตรวจผมจะโยงให้เห็น คือถ้าตรวจขึ้นมาแล้วปรากฏว่าฟิล์มเป็นพ่อของเด็ก ฟิล์มบอกไว้แล้วว่ารับผิดชอบแน่นอน รับผิดชอบตลอดชีวิตด้วยซ้ำจนกว่าเด็กจะโต บรรลุนิติภาวะอีก 20 ปี ซึ่งผู้หญิงคนนี้จะมีเงินใช้แน่นอนอีก 20 ปี เพื่อที่จะเลี้ยงลูกฟิล์มต่อไปในอนาคต แล้วสังคมจะเห็นใจเขาอย่างมาก เขาก็จะมีงานโฆษณา ถ่ายผ้าอ้อม แป้งเด็ก เดินแบบต่างๆ ที่เขาฝันเอาไว้ แต่ที่เขาไม่ตรวจเพราะอะไร เพราะถ้าไม่ใช่ลูกของฟิล์มเหมือนกรณีของแด็ก บิ๊กแอส ชีวิตเขาจะจบทันที”
       
       “และที่เขาออกมาบอกว่าไม่ต้องการอะไรจากฟิล์มแล้ว เพราะเขายิ่งพูดก็ยิ่งพันตัวเอง พูดไป 2 รายการไม่ตรงกันทั้ง 2 รายการเลย เขาก็เลยอยากเงียบๆ เพื่อหากินต่อไปในอนาคต ทำไมไม่ตรวจล่ะ ถ้าตรวจเขาจะได้เงินอีกเป็นสิบๆ ล้านเลยจะบอกให้ ได้ทั้งฟิล์มช่วยเหลือทุกเดือน นี่ลูกฟิล์ม รัฐภูมินะจ่ายทุกเดือน ตัวเองก็ยังขายได้ เดินแบบยังได้ยังสวยอยู่ ยังสาวอยู่ ขายสินค้าแม่ลูกได้หมด ทำไมไม่ตรวจโกรธอะไรเขานักหนา”
       
       “แล้วสิ่งที่แม่ฟิล์มออกมาบอกว่าจะไม่ช่วยให้เงินผู้หญิงคนนี้แล้ว ดีมากๆ เลยครับ (เน้นเสียง) ก้าวข้ามไปเลย ไม่ต้องสนใจ ไม่มีค่าเลย ตอนนี้ขึ้นอยู่กับศาลประชาชนไปแล้ว ประชาชนได้ตัดสินใจไปแล้ว แน่นอนไม่ใช่ 100 เปอร์เซ็นต์ที่ชอบฟิล์ม แต่อย่าเห็นเลยว่าไปรังแกผู้หญิง เป็นผู้หญิงด้วยกัน เห็นว่าเป็นคนลำปาง อ้าว...แล้วเวลาคนไทยไปขายผงยาเสพติด ไปโดนโทษประหารที่ประเทศจีน แล้วคนไทยไม่ไปช่วยเหลือเขาล่ะครับ วันนี้ฟิล์มออกโรงพยาบาล คุณแม่ออกมาสรุปให้ฟัง ทุกอย่างสรุปจบแล้ว วันนี้ขอให้จบแต่เพียงเท่านี้ แล้วไปตัดสินใจกันเอาเอง”
       
       “ผมอยากวิงวอนพวกมูลนิธิเพื่อสตรี ทนายอะไรต่างๆ ขอร้องเถอะครับ อย่าไปเป็นเครื่องมือเขา คนกำลังส่งเสริมคนแบบนี้ และวันนี้มหากาพย์ของฟิล์มกับผู้หญิงคนนี้ ผมขอร้องให้จบภายในวันนี้ จบแบบไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอก็ได้ เพราะผู้หญิงคนนี้ตั้งธงไว้แล้วว่าไม่ตรวจดีเอ็นเออย่างแน่นอน เพราะถ้าตรวจไปชีวิตเขาจบหมด ตอนนี้เขายังทำมาหากินอยู่ได้ ผมว่าสังคมเอาอย่างนี้ดีกว่าไหม ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอแล้ว ถ้าสังคมเห็นว่าคนนี้เป็นแม่พระดีเลิศ ไม่มีอะไรเสีย เลี้ยงลูกดี ก็สนับสนุนเขาไป ซื้อผ้าอ้อมไป ลงหน้าปกตรงไหนซื้ออุดหนุนเข้าไปจะได้รู้กันไป เจ้าของโฆษณาที่สนับสนุนผู้หญิงคนนี้ก็จะได้รุ่งเรืองต่อไปในอนาคต แต่ถ้าเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ดีก็ไม่ต้องสนับสนุน ไม่ต้องไปส่งเสริมเขา เดี๋ยวธรรมชาติจะลงโทษเขาเอง”
       
       “สำหรับฟิล์มเช่นเดียวกัน ถ้าคนไหนเห็นว่าฟิล์มทำหน้าที่ลูกผู้ชายคนหนึ่ง รับผิดชอบพอสมควรแก่เหตุแล้ว ก็สนับสนุนฟิล์ม ซื้อแผ่นไปให้เขาได้เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ สร้างชื่อเสียงต่อไปในอนาคต เพราะคนที่จะเป็นซูเปอร์สตาร์จริงๆ มันไม่ได้เป็นกันทุกคนนะครับ ถ้าเห็นว่าเขาทำถูกต้องส่งเสริมคนแบบนี้ มันจะได้จบ เพราะตอนนี้ผมถือว่ามันเป็นศาลของประชาชนไปแล้ว ประชาชนทุกคนกำลังจะตัดสินแล้ว และผมอยากให้วันนี้เป็นวันตัดสิน”
       
       เชื่อ “แอนนี่” ต้องฟ้องร้องตน ขู่แจ้งความเท็จติดคุกแน่ เพราะตนมีหลักฐานพยานบุคคลมากมาย และจะฟ้องกลับด้วย
       
       “ส่วนตัวผมเองไม่มีโอกาสกลับมาเป็นดาราเหมือนเดิมอีกแล้ว งานไม่มีแล้ว 11 ปีที่ผ่านมาผมเล่นละคร 64 เรื่อง ไม่มีอีกแล้ว เรื่องเฮียฮ้อ (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) จะมาให้งานหมดสิทธิ์แล้ว และผมก็ไม่ได้มุ่งหวังทางด้านนี้ ก็อาจจะต้องรับกรรมต่อไป อาจมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นแน่นอน ผมเชื่อว่าต้องฟ้อง และผมบอกไปแล้วว่า ผมพูดแต่ความจริงเท่านั้น (เน้นเสียง) ผมไม่ได้รังแกใคร แล้วเลิกซะทีที่บอกว่าผู้หญิงเป็นเพศแม่ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแม่เลยครับ มันเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง วันนี้ได้เปิดเผยข้อเท็จจริง แล้วพวกคุณฉลาด พวกคุณมีสมอง พวกคุณมีวิจารณญาณเป็นของตัวเอง ตัดสินใจอยากจะเชื่อคนไหนก็เชื่อไป”
       
       “ถามว่าถ้าเขาฟ้องผม ผมจะเอาอะไรเป็นหลักฐาน นอกจากคำพูด คือผมส่งสัญญาณไปหาผู้หญิงคนนี้ทันทีเลยนะครับ ผมบอกไว้ว่าผมมีหลักฐานทั้งพยานบุคคล พี่เดชา จำได้ไหม แอน คุณโจ้ เยอะแยะมากมาย ผมมีหลักฐานถ่ายรูปไว้ที่เรามีสัมพันธ์ไปงานต่างๆ กัน ที่เขาบอกว่าคบแต่ไม่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผม ก็ไม่เป็นไรครับ มันอยู่ในตาผมหมดแล้วว่าเป็นยังไง ผมคงไม่เอาเรื่องแบบนี้มาพูด มันไร้สาระมากเรื่องแบบนี้ เรื่องมีเพศสัมพันธ์น้องเขาไม่รับไม่เป็นไร แต่มองตาผมครับ...ผมเป็นคนพูดจริง ถ้าไม่จริงผมไม่พูด และผมเป็นคนเอาจริง”
       
       “ถ้าเขาฟ้องผม ผมจะเอาพวกนี้มาแถลงข่าวอีก แล้วคุณจะได้เห็นชัดๆ แต่เชื่อผมเถอะครับ คำพูดผม 100 เปอร์เซ็นต์จริงหมด เขาไม่กล้าหรอก ผมมั่นใจว่าเขาฟ้อง แต่บอกไว้เลยว่าไปคิดให้ดีๆ คนอย่างผมไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ ผมเอาจริงชัดไหมครับ และมันแน่นอนอยู่แล้วที่เขาจะต้องปฏิเสธในสิ่งที่ผมพูด คุณลองไปถามนักโทษประหารสิ ยาเสพติดแสนเม็ดอยู่กับตัว คุณไปถามวันนี้บางคนยังบอกว่าไม่จริง ก็ปฏิเสธ เขาโกหกหน้าด้านๆ โกหกหน้าตายๆ”
       
       “แต่บอกไว้ก่อนนะครับว่า คุณต้องเตรียมการเพราะผมจะฟ้องกลับคุณเหมือนกัน ผมเตือนไปเลยนะครับ อย่าไปเชื่อทนายอะไรต่างๆ ทนายจะหากินกับคุณ มีค่าทนายเขาก็ต้องไปเรียกร้องกับคุณ ทนายบางคนก็อยากดังเกาะกระแสไป แต่ระวังตัวให้ดีผมบอกไว้เลย ถ้าคุณยื่นหลักฐานเท็จไม่ว่าจะแจ้งความเท็จ ยื่นฟ้องต่อศาลและให้การเท็จ คุณติดคุกนะครับ และคนอย่างผมเอาจริงนะ ไม่เคยกลัวใครหรอกครับ เพราะผ่านมาหมดแล้ว และไม่ใช่ผมคนเดียว ยังมีอีกเป็นแผงที่เตรียมจะฟ้องคุณ”
       
       “ถามว่าถ้าเขาฟ้องผมมั่นใจว่าจะชนะไหม ก็อย่างที่ผมบอกว่าพี่เดชา คุณแอน เพื่อนซี้ผมทั้งนั้น เวลาเจอผู้หญิงคนนี้ก็จะต้องเจอเพื่อนซี้ผมด้วย บางทีผมก็พาเขาไปงานแต่งงานเพื่อนผมตอนช่วง 4-5 ปีที่คบกัน เขารู้กันหมดแหละครับ พูดภาษาอังกฤษก็ต่อหน้า แล้วแอนเพื่อนซี้ผมก็จบออสเตรเลียมาด้วยกัน เขาก็ยังเกาหัวงงๆ ว่ามึงพูดอะไรของมึงเนี่ย พูดไม่รู้เรื่อง ผมก็มีพยานบุคคลนี่แหละที่ชัดมากๆ แต่ผมคงไม่ไปเก็บไอ้นั่นไว้ 10 ปีหรอกนะครับ (หัวเราะ)”
       
       โต้เคยซ้อม “แอนนี่” เมื่อ 2 ปีก่อนตามที่ผู้กำกับชื่อดัง “พจน์ อานนท์” ออกมาแฉ
       
       “เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ผมออกมาวันนี้เลย พี่พจน์ อานนท์เล่าให้ฟังว่า ผู้หญิงคนนี้ไปบอกพี่พจน์เมื่อ 2-3 ปีก่อน ตอนที่เล่นหนังของพี่พจน์ว่า เมธีซ้อมหนูอีกแล้ว มันเตะหนูอีกแล้ว มันทำร้ายหนูอีกแล้ว จริงๆ ผู้หญิงคนนี้ป่วยต้องไปหาหมอ เพราะเมื่อ 10 ปีก่อนผู้หญิงคนนี้เคยออกมาด่าผมทางหน้าหนังสือพิมพ์ มาด่าผมในรายการทีวีต่างๆ นานา ด่าผมสาดเสียเทเสีย ด่าผมเป็นคนเลวระยำอะไรก็แล้วแต่ ผมไม่เคยตอบโต้ ขนาดผมบอกว่าเลิกไม่ได้คบกับเขาแล้ว เขายังด่าไม่มีชิ้นดี แล้วถ้าผมไปตบเขา ผมไปตีเขา เขาไม่ไปฟ้องตำรวจตายเหรอ ไม่ต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาลเหรอ แม่เขาก็มีนะ แม่เขาคงไม่ยอม เพราะลูกเขาทำมาหากินอยู่คนเดียว ลูกเขาเป็นอะไรทำงานไม่ได้ 7 วัน 3 วันเขาไม่เอาผมตายเหรอ”
       
       “หลังจากเลิกกับเขาแล้ว ผมไม่เคยเจออีกเลย จำได้ว่าหลังจากที่เลิกกันไปประมาณปีนึง เคยไปเจอกันในงานแวบหนึ่ง เขาเดินผ่านแล้วยกมือไหว้ผม ก็ในงานนั้นงานเดียวประมาณเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว จากนั้นไม่เจอเลย และผมก็ไม่สนใจผู้หญิงคนนี้แล้ว แต่ตอนดูโทรทัศน์เห็นข่าวฟิล์มแล้วบอกว่าท้อง ก็เฮ้ย...ทำไมเหมือนกับเรา เจาะข่าวดูหน่อยไหม ผมมีเบอร์เลยโทรหาเพื่อนนักข่าว เขาก็เล่าให้ฟังหมดเลยว่าคบใครมา เมื่อ 10 ปีที่แล้วตอนที่คบกับผม เขาคบผู้ชายอีก 2 คนรวมเป็น 3 คน 10 ปีผ่านมาเฮียฮ้อบอกแล้วว่าคบ 4 คน แล้วระหว่างนี้อีกกี่คนล่ะ”
       
       “ยืนยันผมไม่เคยทำร้ายร่างกายเขาจนถูกแจ้งความ และหลังมีข่าวผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรผมมา เพราะผมไม่สามารถรับโทรศัพท์ได้ ผมอยู่ในความคุ้มครองของดีเอสไอ ฉะนั้นที่อยู่ผมจะต้องเปลี่ยนทุก 3 เดือน โทรศัพท์ไม่มีทาง เพราะถูกควบคุมตัว 24 ชั่วโมง วันนี้ก็กรุณาสุดๆ แล้ว ถ้าไม่เห็นใจผมวันนี้ ผมก็กลายเป็นคนตอแหลไปแล้ว ต้องขอขอบคุณทางดีเอสไอด้วย”
       
       “แต่อย่างที่ผมบอกไม่ใช่แจ้งความซี้ซั้วนะครับ แจ้งความเท็จติดคุกทันทีนะ ถ้าผมหาหลักฐานได้นี่คุณติดคุกทันที ผมบอกไว้เลย แล้วที่คุณบอกผมหมิ่นประมาทคุณ คุณยื่นเอกสารเท็จ ให้การเท็จต่อหน้าศาล คุณติดคุกนะครับ ไม่ใช่เรื่องเล่นนะ ผมขึ้นศาลมาแล้วรู้ดี คุณไม่เคยขึ้นไงนึกว่าเป็นเรื่องสนุก ไม่ได้ขู่นะเดี๋ยวเจอแน่ๆ”
       
       “มันเป็นเรื่องโกหก ปั้นเรื่อง ลวงโลก แต่เขาคุ้มใช่ไหม เขาปั้นเรื่องมาอยู่ระหว่างคนสองคน แล้วอาจจะมีคนรอบข้างรู้อยู่ไม่กี่คน แต่เขามาโกหกต่อหน้าคนเป็นล้านๆ มันคุ้มสำหรับเขา เขาตั้งธงไว้แล้วว่ายังไงก็ไม่ตรวจ จะเป็นซิงเกิ้ลมัม จะขายลูกกินต่อไปในอนาคต ก็เป็นโอกาสของเขา แล้วสังคมบางคนที่มือถือสากปากถือศีล อะไรก็เพศแม่ๆ ขอเถอะครับ...ดูให้มันลึกถึงเนื้อแท้จริงๆ อย่าดูผิวเผิน มันตื้นเกินไป มองปั๊บแล้วตัดสินใจเลยไม่ใช่ มองให้ลึกว่านี่มันคือเกมอะไรของเขา แล้วนี่มันกระจ่างแล้วไม่ต้องไปตรวจดีเอ็นเออีกแล้ว ตัวเขาบอกเองว่าดีเอ็นเออยู่บนหน้าลูก มันก็เป็นเรื่องที่ตลก ก็หน้าลูกเขามีไฝตรงกลางแบบนี้ อย่างนั้นก็เป็นลูกเด๋อ (ดอกสะเดา) สิ”
       
       “ผมเชื่อว่าคนที่ฉลาดแล้วในห้องนี้ เชื่อผม ผมเป็นคนเอาจริง และผมพูดจริง เชื่ออย่างนั้น แต่ยอมรับว่ามีคนที่ยังไงก็เกลียดผม ยังไงก็ไม่เชื่อผม ไม่สนใจไม่เคยแคร์อยู่แล้ว ขนาดภาวนาพุทโธ ยันตระ เห็นชัดๆ หลักฐานชัดๆ ขึ้นรถคุกก็ยังมีมนุษย์บางคนไปไหว้ไปกราบเขา พุทโธๆ อยู่นั่น แล้วผมจะทำให้พวกนี้สว่างขึ้นมาได้ยังไง แค่นี้หลักฐานไม่พออีกหรือครับ ชัดมาก ผมสรุปให้ฟังว่าถ้าคุณเห็นผู้หญิงคนนี้ดี เป็นแม่พระ ส่วนที่เฮียฮ้อ พี่สมรักษ์ (ณรงค์วิชัย) พี่พจน์ อานนท์ พูด ตอแหลไม่เป็นความจริง เมธีพูดโกหก สนับสนุนมันไปเลยไอ้ผู้หญิงคนนี้ ซื้อสินค้าไป ถ่ายที่ไหนตามไปสนับสนุน องค์กรสิทธิสตรีเด็กตามไปช่วยเหลือเขา จะได้รู้กันไปว่าคุณเป็นคนแบบไหน ฟิล์มก็สนับสนุนไป ใครไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อเทป ใครชอบซื้อเทปเยอะๆ ตามไปเชียร์เขาดีไหม”
       
       เมื่อสอบถามความคิดเห็นว่า คิดว่าสิ่งที่ “แอนนี่” ทำอยู่ คิดและทำคนเดียว หรือมีคนบงการอยู่เบื้องหลัง “เมธี” ตอบทันที
       
       “มีเบื้องหลัง ทราบดีใช่ไหมครับว่าใครอยู่เบื้องหลังผู้หญิงคนนี้ ก็ทำมาหากินกันไป อยากจะให้มีจริยธรรมกันหน่อย คุณกำลังไปเชิดชูเพื่อที่จะทำให้สินค้าคุณขายได้ และคุณกำลังจะไปฆ่าครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเขาก็แสดงความรับผิดชอบแล้วว่า ถ้าเป็นลูกก็รับ ไม่เป็นลูกก็จะรับเลี้ยงดู แล้วจะเอาอะไรกับเขาอีก มันพอสมควรแก่เหตุแล้วครับ เหมือนกรณีไปขับรถชนตาย ต้องให้ตายตามกันไปเลยใช่ไหมถึงจะสาสม ก็ชดใช้ค่าเสียหายกันไปตามพอสมควร แล้วอย่าไปบอกนะว่าเอาเงินฟาดหัว พูดไปทำไม พูดไปแล้วมันเป็นเหตุผลที่ใช่ที่ไหน เอาสติตรึกตรองดู พวกโง่ๆ ก็เอาหัวแม่...ตรองดู”
       
       “แล้วน้องฟิล์มอ่อนแอมากกว่าที่ผมคิดไว้ ที่จริงอายุ 25 น่าจะแข็งแกร่งกว่านี้ แต่ก็โอเคเขาอาจจะเป็นพระเอกทั้งนอกจอและในใจเขา ไม่เป็นไร อยากให้ก้าวข้ามไปเลย ไม่ต้องสนใจหรอก มันชัดเจนหมดแล้ว สังคมรู้หมดแล้ว คุณอย่าไปใส่ใจพวกปากหอยปากปูเลย พวกนี้มันไม่มีสมอง มันคิดอะไรของมันไปเรื่อยเปื่อย ทำหน้าที่ของคุณต่อไป ตอนนี้คุณได้โดนลงโทษมาพอสมควรแล้ว และผมคิดว่ามันเกินไปแล้วด้วยซ้ำ ให้แข็งแกร่งแล้วเดินหน้าต่อไป”
       
       “ส่วนสังคมถ้าเห็นว่าวันนี้ผมพูดมีน้ำหนักเป็นความจริง สนับสนุนกันไป แต่ถ้าเห็นว่าผมพูดโกหก ไม่จริงไม่เชื่อ ก็สนับสนุนผู้หญิงคนนี้ไป แล้วอยากให้มันจบในวันนี้ เพราะไม่มีทางจบได้ แต่อยากให้จบไปเลย มันจะเป็นกระแสใหม่ แต่อย่างที่บอกคนฉลาดเท่านั้นตัดสินใจเถอะครับ ปล่อยให้คนโง่ๆ อยู่ข้างหลังไป พวกเราเดินหน้าต่อไป”
       
       “ผมขอย้ำอีกทีว่า เหตุผลที่ต้องออกมาพูดวันนี้ อย่างที่บอกผมเกือบเป็นเหยื่อเขาหนึ่งคน นี่คือบทสรุปสั้นๆ เลย ผมได้ออกมาเปิดเผย และนิสัยผมเป็นแบบนี้ เราทนไม่ได้กับพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ เราก็ออกมาพูด ไม่ได้เปิดโปงนะครับ เราเอาความจริงมาแบให้ประชาชนได้เห็น และตัดสินใจเอาเอง ผมไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนนี้เลวหรือไม่เลว พวกคุณมีสมอง พวกคุณฉลาดแล้ว พวกคุณมีวิจารณญาณและประสบการณ์เป็นของตัวเอง ตัดสินใจเอาเอง”
       
       “ถามว่าการแถลงข่าวครั้งนี้ใครจะได้ประโยชน์ ผมว่าประชาชนทั้งประเทศรอฟังอยู่ เพราะเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ผมแถลงข่าวสั้นมาก บางคนบอกเมธีเลว ทำร้ายผู้หญิง เอ๊ะ...มันฟังไม่ได้ศัพท์จับเอามากระเดียด วันนี้ผมถึงขออนุญาตวันหนึ่งพูดทั้งหมด แล้วความจริงล้วนๆ ทางบ้านก็ฟังเอาเอง ผมไม่ได้สนใจหรอก เพราะผมไม่ได้ไปขอข้าวบ้านคุณกิน ถ้าคุณอยากเชื่อก็เชื่อไป ถ้าไม่อยากเชื่อก็เรื่องของคุณ ผมก็ไปหลบอยู่ต่างจังหวัดเหมือนเดิม”
       
       อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว “เมธี” ยังได้เฉลยให้สื่อมวลชนได้รับรู้ ถึง 2 รายชื่อหนุ่มปริศนาที่เหลือ ที่มีเอี่ยวเป็นพ่อของ “น้องทีฆายุ” ตามที่ “เฮียฮ้อ” เคยกล่าวไว้ คนแรกเป็นนักร้องแดนโสมวงบอยแบนด์ชื่อดัง กับผู้ช่วยผู้กำกับละครทางช่อง 3 และช่อง 5 นอกจากนี้ ยังมีอีก 2 รายชื่อเพิ่มขึ้นมาที่เข้าข่ายต้องสงสัยด้วย คือ นักแสดงรุ่นเดียวกันกับตัวเองอักษรย่อ “ต” กับน้องชายนักแสดง “สุรวุฑ ไหมกัน” ที่มีอักษรย่อ “น”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)