วิกฤตเศรษฐกิจซัดกลุ่มไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ลดลงทุนสูงถึง 94% เทียบจากปีก่อน
นายจารึก เฮงรัศมี ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นับเป็นกลุ่มที่ ขยายการลงทุนในประเทศไทยน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทแม่ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ จีน สหรัฐ และกลุ่มยุโรป ชะลอแผนการลงทุนทั่วโลก
ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.พ. 2552 พบว่าผู้ประกอบการกลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 94%
ดังนั้น รัฐบาลควรให้ความสำคัญในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านภาษี เพื่อจูงใจไม่ให้นักลงทุนย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน แทนที่จะมุ่งโรดโชว์ดึงนักลงทุนรายใหม่
สำหรับปี 2552 คาดการณ์ว่าไทยจะส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้ประมาณ 1.3-1.4 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2-3 แสนล้านบาท โดยใน 6 เดือนแรกของปี 2552 ประเมินว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะขยายตัวติดลบ 28.59% แบ่งเป็น เครื่องปรับอากาศลดลง 45.65% เครื่องรับโทรทัศน์ลดลง 38.25% ตู้เย็นติดลบ 19.56% คอมเพรสเซอร์ลด 26.25% และอิเล็กทรอนิกส์ลดลง 24%
“2 เดือนแรกของปีก่อนมีการลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาท แต่ปีนี้มีเพียง 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการขยายลงทุนหลัก 100 ล้านบาทเท่านั้น” นายจารึก กล่าว
ปัจจุบันสถาบันฯ อยู่ระหว่างการประเมินเป้าการจำหน่ายสินค้าสำหรับตลาดในประเทศใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับความจริง จากเดิมที่คาดว่าในปีนี้จะมียอดขายเครื่องปรับอากาศรวม 8.5 แสนเครื่อง โดยมียี่ห้อจากญี่ปุ่นมากสุดที่ 55% ส่วนตู้เย็นยอดรวม 1.3 ล้านเครื่อง เครื่องซักผ้า 1.2 ล้านเครื่อง เตาอบไมโครเวฟ 3.4 แสนเครื่อง และ แอลซีดี ทีวี 5.5 แสนเครื่อง
นอกจากนี้ สมาชิกยังได้หารือเกี่ยวกับภาวะอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พบว่าบริษัทส่วนใหญ่ประคองธุรกิจโดยการลดเงินเดือนผู้บริหารก่อน จากนั้นจึงลดเงินเดือนพนักงานระดับล่าง และปลดคนงาน ซึ่งนับจากต้นปีถึงปัจจุบันได้เลิกจ้างแล้ว 2-3 หมื่นคน
ขณะเดียวกัน ได้เสนอให้รัฐบาลหามาตรการเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค การป้องกันนำเข้าสินค้าต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรฐานผลิตภัณฑ์กับสินค้านำเข้า เพื่อป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพมาตีตลาด รวมทั้งเสนอให้พิจารณามาตรการภาษีช่วยผู้ผลิต เช่น ลดหย่อนภาษีที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิต 2 ปี เป็นต้น
ที่มา: posttoday.com