Author Topic: “จิ๊ก” สงสาร “ฟิล์ม” ทำอะไรก็ผิดแล้วจะยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไร วอนทุกอย่างจบ  (Read 1077 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai


       “จิ๊ก เนาวรัตน์” เผยเป็นคนให้ยาคลายเครียด “ฟิล์ม” ไปทาน เชื่อ ฟิล์มกินยาเกินขนาด เพราะอยากหลับลึกไม่ใช่ฆ่าตัวตาย โอดสงสารฟิล์มรับก็ผิด ร้องไห้ก็ผิด ให้เงินก็ผิด ทำอะไรก็ผิดแล้วจะอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้ยังไง วอนทุกอย่างจบให้เป็นเรื่องของคนสองคน องค์กรต่างๆ ควรกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองไม่ต้องมีการฟ้องร้องอะไรกันเลยจะดีที่สุด
       

       
       “จิ๊ก เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์” ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการ “เช้าดูวู๊ดดี้” สารภาพว่าให้ยาคลายเครียดกับ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” ไปทานจนต้องเข้าโรงพยาบาลBNH พร้อมกับออกอาการเห็นใจฟิล์มที่เป็นเหมือนคนไม่มีอากาศหายใจเพราะทำอะไรก็ผิด พูดอะไรไปสังคมก็ว่า และกล่าวว่า ถ้าตนเป็นแม่ของฝ่ายชายก็คงจะสู้เรื่องนี้หัวชนฝาเหมือนกัน ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เดินทางมาเยี่ยมฟิล์มที่โรงพยาบาล ก็ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่าที่ผ่านมาให้กำลังใจฟิล์มมาตลอด ไม่คิดว่าจะแก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย เชื่อว่าฟิล์มน่าจะอยากหลับลึกจึงใช้ยาในปริมาณที่มากกว่าปกติ โอดที่ผ่านมาฟิล์มทำอะไรก็ผิดแล้วจะให้เขายืนอยู่บนโลกใบนี้แบบไหน
       
       “คือ เมื่อคืนนี้คุณแม่กับน้องฟิล์มมาหาที่บ้าน พอดีน้องฟิล์มมาเอายาที่บ้าน ยาที่จิ๊กให้น้องฟิล์มทานมันเป็นยาคลายเครียดซึ่งมันไม่ได้แรง ที่ให้เพราะน้องฟิล์มบอกมาคำหนึ่งว่า เขาทานยานอนหลับ เราก็บอกว่าอย่าทานนะยานอนหลับมันอันตรายมาก ต่อไปมันจะทำให้ประสาทเบลอ เรามียาแก้เครียดให้เขามาเอาที่บ้าน เขากับแม่ก็แวะมาเอายาไป และก็มารู้ข่าวของเขาตอนเช้า”
       
       “เมื่อเช้ามีคนมาปลุกคุณจิ๊กตื่นๆ ฟิล์มเข้าโรงพยาบาล ยาที่คุณจิ๊กให้ไปทำให้ฟิล์มเข้าโรงพยาบาลเราก็รีบอาบน้ำแต่งตัวออกมาโรงพยาบาล มันตกใจทำอะไรไม่ถูกเลย ไปเอาโฟมล้างหน้ามาแปลงฟัน ตกใจมากฟิล์มจะตายไหมเนี่ย เรากลัวว่าฟิล์มจะตายหรือเปล่า”
       
       “คือ ยาตัวนี้มันไม่ได้แรงมันเป็นยาที่แบบสมมติเราขึ้นเครื่องบินแล้วอยากหลับก็กินไปมันจะแบบสบายๆ หลับเบาๆ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มของยานอนหลับเลย ฟิล์มเขาจะคิดหรือเปล่าว่ามันหลับเบาก็เลยอยากหลับหนักๆ ก็เลยทานทั้งแผงไปเลยหรือเปล่า ปกติเวลาเราทานก็จะทานครึ่งเม็ด 1 เม็ดหรือ 2 เม็ดก็ยังได้อยู่ ตอนให้ก็ได้บอกเขาไปแล้ว ให้เขาไปสองแผงไม่รู้ว่าน้องเข้าใจว่ากินคืนเดียวหรือเปล่า ถึงได้กินไปสองแผงเลย แต่คิดว่าน้องเขาคงไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายหรอก เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะแก้ปัญหาด้วยทางนี้แน่นอน”
       
       “ความรู้สึกของเราตอนนี้คือแบบ เราก็เป็นแม่และก็มีลูกชาย ด้วยความเป็นแม่มันก็ต้องทุกข์มากไม่อยากเห็นน้ำตาลูก คือเราอยากจะรู้ว่า ทำไมฟิล์มร้องไห้ก็ผิด ฟิล์มรับเป็นพ่อก็ผิด ฟิล์มสารภาพก็ผิด ทำอะไรก็ผิดหมดเลย ในเมื่อทำอะไรก็ผิดหมดเลยแล้วฟิล์มจะอยู่บนโลกใบนี้แบบไหนล่ะ ทำไมไม่คิดถึงความดีที่ฟิล์มเคยทำไว้บ้าง เรื่องนี้มันไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารเลยอีกไม่กี่ปีข้างหน้าน้ำจะท่วมนะ ไปทำข่าวอย่างอื่นดีกว่า”
       
       “คือ เรื่องฟิล์มมันเป็นเรื่องย่อยๆ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าพูดภาษาชาวบ้านเดี๋ยวก็จะหาว่าพูดคำหยาบอีก เอาเป็นว่าสามีภรรยาทะเลาะกันคนอื่นอย่าเกี่ยวพูดอย่างนี้จะดีกว่าไหม อย่าไปเกี่ยวข้องกับเขาเลย ตอนนี้ที่เราจะเกี่ยวก็คือ ช่วยให้ฟิล์มมีงานทำเยอะๆ แอนนี่มีแฟนทำเยอะๆ ทุกคนจะได้มีเงินช่วยกันเลี้ยงน้องดีกว่า”
       
       เผยสิ่งที่ได้พูดกับ “ฟิล์ม” ก่อนที่เจ้าตัวจะกินยาเกินขนาดจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
       “เมื่อคืนที่คุยกันฟิล์มเขาบอกว่า ฟิล์มอยากจะบวชแต่ถ้าฟิล์มบวชคนก็จะว่าอีก อย่างที่บอกแหละว่า ฟิล์มรับก็ผิด ฟิล์มร้องไห้ก็ผิด ฟิล์มให้เงินก็ผิด ฟิล์มรับเป็นพ่อก็ผิด แล้วฟิล์มจะยืนอยู่ในโลกใบนี้แบบไหน เราก็บอกเขาว่า ฟิล์มมันเป็นแค่วิบากกรรมช่วงระยะหนึ่งเองนะ ฟิล์มต้องสู้ ทุกอย่างต้องสู้ คือเราจะให้กำลังใจฟิล์มทุกคืน จะพูดกับฟิล์มทุกคืน อย่างน้อยคือเรารู้จักกับทั้งฟิล์มและแอนนี่ดีทั้งคู่”
       
       “คือ ตอนนี้อยากจะให้ทุกคนไม่มีการฟ้องร้องเลย อยากให้มันจบเลย ทุกองค์กรงานใครงานมันกลับไปทำเหอะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่นิดเดียวไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย อยากให้มันจบไปเลย สงสารเด็กคนหนึ่งที่อ้าปากไม่ได้ ยิ้มก็หาว่ายิ้มเหลือเกิน ยอมรับก็ว่า พอพูดก็หาว่าแก้ตัวแล้วเขาจะทำยังไง คือสงสารเขา เราก็มีลูกเป็นผู้ชายนะ ถ้าลูกเราทำแบบนี้จุดแรกเลยนะก็คงจะให้เขาใจเย็นๆ ก่อนเพราะเรากลัวลูกเราไปทำอะไรที่มันไปเลย ช่วงนี้มันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะยืนต่อไปได้หรือจะเป็นอะไร”
       
       “คือ จริงๆ แล้วเนี่ยเรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่ไม่เคยเกิดในวงการนี้ เพียงแต่ว่าน้องสองคนเป็นคนที่มีชื่อเสียง ถ้าเราจะทำอะไรก็คงทำให้น้องทีฆายุเนี่ยเจริญเติบโตไปในภายภาคหน้าเป็นคนดีของสังคม ทุกอย่างมันก็คงจะจบด้วยดี ในยุคของเราเองสมัยก่อนถ้าจะรักกับดารารักกับพระเอกหรือรักกับนางเอกต้องอดทน ฉะนั้นก็อยากจะให้สังคมใบนี้ยุคนี้ให้อภัยคนสองคน การที่จะฟ้องอะไรสงสารคนที่กำลังจะก้าวต่อไปด้วยเถอะ”
       
       “ก็อยากจะเห็นแอนนี่กับฟิล์มอยู่บนเส้นทางบันเทิงเดียวกัน ถ้าเขาจะไม่ดีกันก็ไม่เป็นไรหรอก สามารถทำงานด้วยกันทักทายกันได้ เป็นไงแอนนี่ เป็นไงฟิล์ม ตัวเองมีแฟนแล้วเหรอ ส่วนดีเอ็นเออย่าถามเลยดีกว่า ถ้าเจ้าของเขาไม่ตรวจก็ไม่อยากจะตอบเรื่องนี้ดีกว่า”
       
       “ถ้าถามว่าตอนนี้อยากจะแนะนำอะไรก็อยากจะบอกว่า คนสองคนผิดทั้งคู่ เพราะคนสองคนตอนที่ไปแอบรักกันก็ไม่เห็นจะบอกเราเลย แต่เวลาเกิดอะไรขึ้นแบบนี้ทำไมพวกเราต้องมาเดือดร้อนเปลืองหน้าหนังสือพิมพ์มากเลยไม่รู้กี่วันๆ มันควรจะจบแล้ว”
       
       “เห็นหน้าฟิล์มเมื่อคืนแล้วแบบเหมือนหลินปิงเลย คือแบบหน้ามีความทุกข์ตาเป็นเบ้าๆ หน้าแบบมีปัญหาจะผ่านไปได้ยังไง กับคุณแม่ของฟิล์มเองเมื่อคืนนี้เขารู้สึกเหมือนโล่งใจไปบ้างที่ได้ระบาย เพราะครอบครัวเขามันทุกข์ไปหมดเลย เขาไปไหนบางคนก็รักฟิล์มบางคนก็ไม่รัก บางคนก็บอกไม่เป็นสุภาพบุรุษ ฟิล์มเขารับทุกอย่างเลยนะ ไม่เคยเห็นเขาไม่รับอะไรซักอย่าง”


ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)