Author Topic: “จุ๊น” หักช่อง 3 ควงทนายแถลงขู่ฟ้อง โดยมีพี่ชายคอยกำกับ เจอนักข่าวซักเละ  (Read 1114 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Nick

  • Administrator
  • Platinum Member
  • *
  • Posts: 46028
  • Karma: +1000/-0
  • Gender: Male
  • NickCS
    • http://www.facebook.com/nickcomputerservices
    • http://www.twitter.com/nickcomputer
    • Computer Chiangmai




       “จุ๊น” ควงทนายแถลงขอลาออกช่อง 3 เหตุไม่อยากตกเป็นเครื่องมือ ย้ำชัดไม่มีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับ “แอนนี่” ยินดีให้ตรวจดีเอ็นเอ อึกอักโอนเงิน 2 แสนให้ฝ่ายหญิง รับได้ปรึกษา "สมรักษ์" จริง แต่ไม่บอกว่าเรื่องอะไร อ้างจะพูดในชั้นศาล ขู่ถ้าใครพูดพาดพิงอีกอาจมีฟ้อง
       
       เป็นเรื่องบานปลายที่มีตัวละครเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ สำหรับกรณีของ “ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” กับ “แอนนี่ รุ่งนภา บรู๊ค” ที่ล่าสุด ดาราหนุ่มจากวิก 3 “จุ๊น กิตติคุณ” ถูกผู้ใหญ่จากฝั่งอาร์เอส อย่าง “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” คอนเฟิร์มมาว่า มีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับ “แอนนี่” และถูกต้องสงสัยเป็นพ่อของ “น้องทีฆายุ” อีกราย โดยบอกตัวดาราหนุ่มเป็นคนโทร.มาเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่ช่อง 3 ฟังเอง
       
       ซึ่งเรื่องนี้ “จุ๊น” ได้ออกปากปฏิเสธไปแล้ว แต่พอฟังคำพูดของ “นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย” ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการไทยทีวีสีช่อง 3 ที่เพิ่งแถลงข่าวกับสื่อมวลชนไปเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา (29 ก.ย.) ว่า เรื่องที่ “เฮียฮ้อ” พูดเป็นเรื่องจริง เชื่อ เหตุที่ดาราหนุ่มโกหก เพราะมีกุนซืออยู่เบื้องหลังคอยแนะนำเช่นนั้น ทำให้ “จุ๊น” ถึงกับอดรนทนไม่ไหว รีบจัดแถลงข่าวด่วนสวนกลับทันที
       
       โดยเมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. “จุ๊น” ได้เดินทางมายังร้านคอฟฟี่แกลอรี่ ที่คริสตัล ดีไซน์ ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งเป็นสถานที่แถลงข่าวพร้อมกับทนายความส่วนตัวและพี่ชาย จากนั้นได้ป่าวประกาศว่า ตนจะขอลาออกจากช่อง 3 เพราะไม่อยากตกเป็นเครื่องมือ และเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบกับครอบครัวตัวเองมาก
       
       ตลอดระยะเวลาการแถลงข่าวในครั้งนี้ของจุ๊นนั้นจะมีพี่ชายคอยกำกับอยู่ตลอด เวลาที่จุ๊นตอบคำถามไม่ได้หรืออึกอักที่จะพูดก็จะมองหน้าพี่ชายเหมือนเป็นการส่งสัญญาณ จากนั้นพี่ชายก็จะชี้ไปที่ทนายเพื่อให้ทนายตอบคำถามแทน หรือไม่ก็ให้รีบพูดตัดบทเพื่อจบการแถลงข่าว เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ส่งผลให้ผู้สื่อข่าวไม่พอใจได้ขอให้ทนายหยุดพูด เพื่อที่จะฟังคำตอบจากปากของจุ๊นเพียงคนเดียว
       
       “ปัญหาจริงๆ เป็นเรื่องของคนสองคน แล้วตอนนี้ก็มีบุคคลที่ 3 เข้ามาก็คือจุ๊น เหมือนตัวละครตัวหนึ่ง แต่ใจจริงของจุ๊นไม่อยากรับรู้เรื่องราวอะไรของใครทุกคน ผมอยากอยู่นิ่งๆ”
       
       “แต่วันนี้ผมอยากบอกว่า ที่ผมจะขอลาออกช่อง 3 เป็นความจริง ตอนแรกผมคิดว่าข่าวจะไม่แรงขนาดนี้ แต่นับวันมันยิ่งแรงๆ และมันมีผลกระทบต่อครอบครัวผมด้วย ที่สำคัญผมต้องขอขอบคุณนายประวิทย์ (มาลีนนท์) และพวกพี่ๆ ในช่อง 3 ที่ให้การดูแลจุ๊นอย่างดีมาก และจุ๊นก็ยังรักช่อง 3 เหมือนเดิม แต่อยากจะบอกว่าจุ๊นไม่อยากเป็นเครื่องมือของใคร”
       
       “ตอนนี้ข่าวมันแรงมาก คนที่น่าเห็นใจที่สุด เราต้องเห็นใจผู้หญิงกับลูก แล้วส่วนตัวผมเป็นผู้ชายไม่มีทางเสียอะไรอยู่แล้ว แล้วจุ๊นก็อยากให้เรื่องนี้จบด้วยดี อยากจะให้ข่าวมันเงียบๆ ไป และให้ทั้งสองฝ่ายจบกันด้วยดี วันนี้จะเป็นการแถลงข่าวครั้งสุดท้ายของจุ๊น ก็อยากบอกพวกพี่ว่าขอให้ข่าวนี้จบลงไปเถอะครับ ผมไม่อยากเป็นเครื่องมือของใครจริงๆ”
       
       ยังยันไม่มีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับ “แอนนี่” ยินดีตรวจดีเอ็นเอ ปัดรับเงิน 10 ล้านเป็นแพะแทน “ฟิล์ม”
       
       “เรื่องพี่แอนนี่ผมยืนยันคำเดิม แล้วเรื่องตรวจดีเอ็นเอถ้าจะให้จุ๊นตรวจก็ตรวจได้ จุ๊นยินดี แต่ที่บอกไปแล้วว่าในเมื่อผมไม่มีความสัมพันธ์กับพี่แอนนี่ ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องตรวจ ถามว่าผมได้คุยกับพี่แอนนี่บ้างไหม ก็อย่างที่บอกไปเมื่อวานตอนเช้าได้คุย แต่ผมไม่ได้มีเบอร์พี่แอนนี่ แต่ผมคุยกับพี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) อยู่ แล้วพี่เฮเลน (กะเทยจอมแฉดารา)โทรหาพี่เอ แล้วพี่แอนนี่โทรมาหาพี่เฮเลนพอดี ทีนี้ก็เลยพ่วงเลย เพราะไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังกันอยู่แล้ว”
       
       “สำหรับเรื่องเงิน 10 ล้านที่บอกว่าให้ผมเพื่อเป็นแพะ ผมจะบอกว่าไม่มีการยื่นเงิน และผมไม่ได้รับโทรศัพท์อะไรทั้งสิ้น แต่ผมได้ยินจากข่าวลือมา ผมอยากจะบอกนะครับว่า เรื่องเงินครอบครัวผมไม่จำเป็นเลยต้องไปเอาเงินใคร พ่อแม่ผมเลี้ยงดูผมและพี่น้องผมมา ก็ด้วยเงินของท่าน ฉะนั้นเงินซื้อครอบครัวผมไม่ได้ แล้วก็ไม่มีทางซื้อคนอย่างผมได้ ดังนั้นถ้าใครจะมองว่าผมเป็นแพะในเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร ผมไม่สามารถห้ามความคิดของทุกคนได้ แล้วแต่คนมอง”
       
       คำถามอื่นตอบลื่นไหล แต่พอถึงคำถามเรื่องโอนเงินให้ “แอนนี่” ทีละ 2-3 หมื่นจนครบ 2 แสน ตามที่ผู้บริหารช่อง 3 ให้สัมภาษณ์ เจ้าตัวตอบด้วยน้ำเสียงอึกอัก จนทนายความส่วนตัวต้องรีบพูดแทรกช่วยแก้สถานการณ์
       
       “คงไม่ใช่ครับ ผมได้บอกไปแล้ว (น้ำเสียงอึกอัก จนทนายความรีบพูดแทรก) ประเด็นนั้นเราพูดถึงไม่ได้ เราไม่มีการโอนในส่วนนี้นะครับ (แต่ผู้ใหญ่บอกมีหลักฐาน? พอตั้งหลักได้จุ๊นก็รีบตอบ) อันนี้แล้วแต่ผู้ใหญ่ครับ ผมเป็นเด็กไม่พูดอะไรดีกว่า ส่วนที่บอกว่าผู้ใหญ่บอกให้ผมยอมรับ เพื่อจะได้ป้อนงานละครให้ อันนี้ก็คงไม่ใช่มั้งครับ”
       
       คำพูดสวนทางกับผู้ใหญ่สิ้นเชิง คิดจะแตกหักกับช่อง3?
       
       “ผมไม่คิดจะแตกหักกับช่อง 3 นะครับ ผมก็ได้ขอบคุณนายประวิทย์ ขอบคุณพวกพี่ๆ และผู้ใหญ่ในช่อง 3 ทุกคน เพราะเขาให้การดูแลและเลี้ยงดูผมอย่างดี แต่ที่ผมออกมาผมตัดสินใจแล้วว่า มันมีผลกระทบต่อครอบครัวผมจริงๆ และผมไม่ขออ้างอิงเรื่องผู้ใหญ่โกหกหรืออะไรยังไง ตรงนี้เราขอเก็บไว้ใช้ในการดำเนินการ”
       
       เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามซักถึงการพูดคุยทางโทรศัพท์ ที่ผู้บริหารช่อง 3 อ้างว่า เขาได้โทรมาเล่าเรื่องราวของ “แอนนี่” ให้ฟัง แต่ยังไม่ทันที่ดาราหนุ่มจะตอบคำถาม ก็ถูกทนายพูดแทรกขึ้นมาทันที
       
       “ตรงนั้นผมต้องขอโทษด้วย เราขอเก็บไว้เป็นข้อมูลที่อาจต้องมีการดำเนินการ เราไม่ได้กล่าวอ้างในการฟ้องอะไร” จากนั้น “จุ๊น”ได้กล่าวเสริมว่า
       
       “อย่างที่ผมบอกว่า อยากให้ข่าวอยู่เงียบๆ มากที่สุด ผมอยากอยู่เงียบๆ มากที่สุด ผมเป็นเด็ก มารยาทของคนไทยยังไงเราก็ต้องเคารพผู้ใหญ่ ผมไม่เคยโกรธ และที่ผมพูดที่พารากอนเมื่อวาน ก็ไม่ได้พูดพาดพิงถึงใครเลย ผมบอกพวกพี่ๆ ว่า ที่ผมมาพูด ผมพูดระหว่างผมกับพี่แอนนี่ ฉะนั้นผมถึงไม่อยากพาดพิงถึงใคร แต่ถ้าผู้ใหญ่จะพูดพาดพิงถึงเราก็ไม่เป็นไรครับ ผมเป็นเด็ก”
       
       ทนายรีบพูดแทรกอีก “ตรงส่วนนี้เราขอกล่าวอ้างไปเลยว่า จริงๆ คือคำตอบไม่เหมือนกัน แต่เราจะไม่กล่าวอ้างว่าใครเป็นคนโกหก หรือไม่โกหกทั้งสิ้น”
       
       ผู้สื่อข่าวยังไม่ละความพยายามถามต่อว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารช่อง 3 จริงหรือไม่ ดาราหนุ่มทำสีหน้าเจื่อนๆ ก่อนตอบว่า
       
       “ผมมีการคุยแต่ก็แค่ปรึกษา (เน้นเสียง) (ปรึกษาเรื่องนี้?) อันนี้ผมไม่พูด (ทนายแทรก....เป็นการปรึกษาเรื่องทั่วไป) (คนมองว่าจุ๊นโกหก?) ไม่เป็นไร เพราะในเมื่อผมได้บอกความจริงไปหมดแล้ว อีกอย่างผมเป็นเด็ก ผมพูดจริงๆ ถ้าสังคมจะมองว่าผมเป็นคนโกหก ผมก็แคร์นะ แต่ผมอยากบอกว่าผมเป็นผู้ชาย ยังไงผมก็ไม่เสียหายเท่าไหร่ เราต้องคำนึงถึงผู้หญิง ผู้หญิงเป็นเพศแม่ของเรา คนเราถ้าอยากมีครอบครัว เขาก็คงอยากมีครอบครัวที่ดี อยากให้เป็นพ่อแม่ลูก มีครบทั้ง 3 คน คงไม่มีใครอยากเป็นอย่างนี้”
       
       “แล้วส่วนตัวก็บอกแล้วว่าผมไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับพี่แอนนี่ เมื่อวานผมได้ดูตีสิบเขาก็ได้บอกแล้ว และผมก็ไม่ได้มีการเตี๊ยมอะไรกับพี่แอนนี่เลย (ผู้บริหารช่อง 3บอกติดต่อจุ๊นไม่ได้?) อันนี้ผมไม่ขอพูดดีกว่า เพราะผมเป็นเด็ก ผมไม่อยากพูดอะไร แต่ถามว่าเขาติดต่อมาไหม มีติดต่อ แต่ผมไม่ขอพูดถึงรายละเอียด”
       
       ทนายความกล่าวเสริม “คือตามหลักคุณจุ๊นต้องการมาแถลงเพื่อขอบคุณทางช่อง 3 และมาแจ้งว่าจะออกจากวงการแค่นั้น ในส่วนอื่นเราไม่ประสงค์ที่จะตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้นเพิ่มเติม เพราะมีผลกระทบ”
       
       เมื่อสอบถามดาราหนุ่มต่อว่า การลาออกจากช่อง 3 ครั้งนี้ ได้เข้าไปบอกกล่าวผู้ใหญ่ให้รับทราบหรือยัง? “จุ๊น” ตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลง
       
       “เป็นบางคน คือผมรู้ว่าพวกพี่สนใจเรื่องข่าว พวกพี่ก็หวังดีอยากให้ทุกฝ่ายจบลงด้วยดี ผมเข้าใจ ผมก็ขอบคุณพี่ๆ มากที่ให้การสนใจเป็นอย่างดี แต่ที่จุ๊นมาวันนี้ไม่ต้องการพูดอะไรทั้งสิ้น เพราะคำพูดของจุ๊นได้พูดไปหมดแล้วเมื่อวาน ฉะนั้นถ้าพวกพี่ถาม ผมก็ตอบคำถามเดิมๆ แต่ว่าวันนี้ที่จุ๊นจะมาพูด คือจุ๊นจะมาพูดว่า เราเป็นผู้ชาย ฉะนั้นผมต้องให้เกียรติผู้หญิง ตอนนี้เราต้องให้กำลังใจเขา และผมก็บอกพวกพี่ว่าวันนี้ที่มาบอกขอลาออกช่อง 3 ก็เพราะว่ามันกระทบต่อครอบครัวผมจริงๆ แต่ผมก็ต้องขอขอบคุณช่อง 3 นายประวิทย์ และทุกคน”
       
       “การลาออกของผมยังไม่มีลายลักษณ์อักษร แต่เดี๋ยวจะมีการคุย ผมขอไปเช็คก่อนว่าสัญญาที่มีอยู่จะหมดเมื่อไหร่ ยังไม่ทราบรายละเอียด คือผมมาบอกพวกพี่ๆ ก่อนว่าเหตุผลเพราะอะไร โดยส่วนตัวผมไม่อยากให้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ผมอยากจะอยู่เงียบๆ ของผมคนเดียว ส่วนจะลาออกจากช่อง 3 อย่างเดียว หรือลาออกจากวงการไปเลย อันนี้เราเอาไว้ค่อยคุยกันดีกว่า (คิดว่าอนาคตในวงการจะเป็นยังไง?) (ทนายคนเดิมตอบแทน) ก็เป็นเรื่องของอนาคต ณ ตอนนี้เรายังให้คำตอบอะไรไม่ได้”
       
       ต่อข้อซักถามที่ว่าการทำเช่นนี้ กลัวคนมองว่าเป็นการหนีปัญหาหรือไม่ ดาราหนุ่มเผยว่า
       
       “ผมไม่กลัว ผมไม่จำเป็นต้องหนี แล้วที่บอกว่าก่อนหน้านี้ผมหนีไปอเมริกา ถ้าหนีไปผมรอให้เด็กคลอดออกมาแล้วอยู่ 4-5 ปีไม่ดีกว่าเหรอ ผมจะกลับมาทำไม ผมจะกลับมาทันวันที่เด็กคลอดทำไม ผมกลับมาเมืองไทยได้ 1-2 เดือนแล้ว เพราะฉะนั้นมันไม่มีสาเหตุที่ผมต้องหนี ผมอยากให้พวกพี่มองว่าถ้าคนเราทำผิดจริง ผมคงไม่กล้ามาพูดกับพวกพี่ๆ หรอก และผมก็คงจะอยู่อเมริกา”
       
       ทนายความรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “พอแค่นี้ๆๆๆ” แต่ดาราหนุ่มยังคงพูดต่อ
       
       “ผมขอเถอะนะครับ ข่าวผมอยากให้ขอจบลงด้วยดี และขอให้ทุกฝ่ายค่อยๆ คุยกัน ส่วนตัวผู้หญิงเราก็ให้กำลังใจเขาเถอะ”
       
       ผู้สื่อข่าวยิงคำถามตรงใส่ว่า ถ้าทางช่อง 3 หรือ “เฮียฮ้อ” ออกมาพูดพาดพิงอีก จะมีการฟ้องร้องหรือไม่?
       
       “ไม่เป็นไร อันนี้เป็นเรื่องของทางผู้ใหญ่ ผมไม่....(ทนายพูดแทรก) อันนี้ผมต้องขอโทษด้วย ในส่วนตอนแรกที่มีการกล่าวอ้างไปแล้ว หากมีการกล่าวอ้างใดๆ ที่มีกระทบถึงคุณกิตติคุณอีก ทางเราก็ขอดำเนินการตามสิทธิ์ของคุณกิตติคุณเท่าที่เป็นไปได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะฟ้องครับ (พูดเสียงดัง) แต่หมายความว่าเราต้องดูการกล่าวอ้างของผู้ใหญ่ในอนาคต และในส่วนของสิ่งที่ผ่านมาแล้วก็อย่างที่คุณจุ๊นพูด คือต้องการให้มันผ่านไป เราไม่ได้ดำเนินการอะไร ผมไม่ได้บอกว่าจะฟ้องนะครับ หากมีการดำเนินการใดๆ ในอนาคต เราต้องดูว่ากระทบสิทธิ์ของคุณจุ๊นแค่ไหน”
       
       จากนั้นนักข่าวกับทนายได้พูดตะโกนแทรกใส่กันยกใหญ่ จนจุ๊นต้องรีบพูดสรุปเพื่อเป็นการสงบศึก “เอาเป็นว่าอันนี้ผมขอไปพูดกับครอบครัวผมดีกว่า ผมต้องปรึกษาครอบครัวผม แล้วหลังจากนี้ผมจะไปเมืองนอก เพราะตอนที่ไปอเมริกาผมไปดูที่เรียนด้วย โอเคนะครับ” พูดจบ “จุ๊น” ก็ถูกพี่ชายดึงตัวออกไปทันที
       
       อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวจับสังเกตได้ว่า การตอบคำถามครั้งนี้ของ “จุ๊น” เป็นการตอบคำถามแบบไม่เคลียร์ในหลายๆ ประเด็น และอึกอักที่จะพูด เจ้าตัวเลยโดนสื่อซักเละรัวคำถามไม่หยุด พอเริ่มจนมุมพี่ชายซึ่งยืนรวมอยู่ในกลุ่มนักข่าว จะเป็นคนบงการคอยส่งสัญญาณให้ทนายความตอบคำถามแทน หรือไม่ก็ให้รีบพูดตัดบทเพื่อจบการแถลงข่าว เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง จนสื่อเริ่มหงุดหงิดขอให้ทนายหยุดพูด เพื่อจะฟังคำตอบจากปากของ “จุ๊น” เพียงคนเดียว

ที่มา: manager.co.th


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)