นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์.อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน “คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2009” ที่จัดระว่างวันที่ 19-22 มี.ค.2552 ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ สร้างเม็ดเงินสะพัดตลอดงานทั้ง 4 วันประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ส่วนยอดผู้เข้าชมงานมีเกิน 1 ล้านราย เนื่องจากพันธมิตรผู้ค้าไอทีแบรนด์ต่างๆ ใช้กลยุทธ์จัดโปรโมชั่นสินค้าราคาน่าสนใจ และถูกเป็นประวัติการณ์ โดยภาพรวมงาน คอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2009 ต้นปีนี้ ชี้ให้เห็นถึงความต้องการใช้งานไอทีในตลาดที่ยังมีอยู่มาก และคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 8%เนื่องจากไอทีมีความจำเป็นต่อภาพรวมของธุรกิจ ทั้งในการใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดต้นทุน
ผจก.ทั่วไป บ.เอ.อาร์ฯ กล่าวต่อว่า แม้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ไอทียังเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการดำเนินธุรกิจที่ปฏิเสธไม่ได้ และผู้ใช้ทั่วไปจำเป็นต้องใช้ไอทีในการเพิ่มความสะดวกสบาย และตอบสนองไลฟ์สไตล์ อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง และใช้งานส่วนบุคคล เป็นต้น จุดที่น่าสนใจในงานครั้งนี้ คือ โน้ตบุ๊คที่ราคาเริ่มต้นเพียง 14,900 บาท ส่งผลให้เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าของราคากับการใช้งานแล้ว ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้ยอดขายโน้ตบุ๊ครวมทั้งงานอยู่ที่ประมาณ 72,500 เครื่อง หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 2,030 ล้านบาท เทียบกับงานคอมมาร์ต ไทยแลนด์ 2008 ครั้งที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 67,900 เครื่อง ส่วนเน็ตบุ๊คไม่ได้หวือหวาเหมือนปีที่ผ่านมา เพราะราคาโน้ตบุ๊คขยับลงมาใกล้เคียงกัน
นายปฐม กล่าวอีกว่า นอกจากโน้ตบุ๊คขายดีแล้ว จอแอลซีดีมอนิเตอร์ก็ขายดีเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 48,000 เครื่อง คิดเป็นมูลค่า 192 ล้านบาท แต่มูลค่าลดลง เมื่อเทียบกับงานคอมมาร์ตฯ เมื่อปี 2551 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท ขณะที่อันดับ 3 คือ แอลซีดีทีวี ที่กระโดดขึ้นมาจากอันดับ 9 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยยอดขายรวมครั้งนี้ 6,000 เครื่องคิดเป็นมูลค่า 180 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีมูลค่าการขายในงาน 119 ล้านบาท อันดับที่ 4 คือ กล้องดิจิตอล ที่ทำยอดขายถึง 12,000 ตัว คิดเป็นมูลค่ากว่า 144 ล้านบาทรับกับกระแสการท่องเที่ยวที่หลายฝ่ายพยายามผลักดัน และราคากล้องดิจิตอลที่ลดลงมาต่อเนื่อง เทียบกับเมื่องานปีที่ผ่านมามียอดขายเพียง 5,400 ตัว แต่มีมูลค่าถึง 282 ล้านบาท
ผจก.ทั่วไป บ.เอ.อาร์ฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับอันดับแบรนด์โน้ตบุ๊คที่ขายดีในงานคอมมาร์ตฯ ครั้งนี้ เมื่อเรียงอันดับตั้งแต่ 1 ถึง 5 ได้แก่ เอเซอร์ เอชพี โตชิบา อัสซุส และเลอโนโว ตามลำดับ แต่ที่น่าสนใจ คือ การเข้ามาทำตลาดคอนซูเมอร์แบบเต็มตัวของเดลล์ ที่ได้ยอดขายจากงานนี้ไปมากเช่นกัน โดยปัจจัยที่ทำให้ยอดขายรวมในงานยังคงเท่ากับคอมมาร์ตฯ ครั้งที่ผ่านมา คือ การที่ผู้ผลิตทุกค่ายพร้อมใจกันทำโปรโมชัน ช่วยดึงคน เนื่องจากตลาดไอทีส่วนที่เป็นคอนซูมเมอร์ ยังมีความสำคัญ ส่วนภาครัฐจะเห็นผลในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้น ช่วงเวลาครึ่งปีแรกทุกค่ายต้องขายให้ได้มากที่สุด และเพื่อเป็นการรักษากระแสของงานคอมมาร์ต ที่เตรียมงานกับค่ายไอทีพันธมิตรเพื่อจัดโปรโมชันราคาคอมมาร์ตในช่องทางปกติ หลังจากจัดงานครั้งนี้ด้วย
ที่มา: thairath.co.th