“ไข่มุก” ท้อหนักทำดีไม่ได้ดี หลังคนติดภาพเป็นสาวแรง เผยคิดหนักเวลาตอบคำถามสื่อ หวั่นเกิดการเข้าใจผิดทำฉาวอีก รับจิตใจบอบช้ำ และไม่เข้มแข็งมากพอที่จะอยู่ในวงการบันเทิง พ้อไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน
เรียกว่าเป็นอดีตนางงามที่โดนข่าวด้านลบกระหน่ำมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับสาว “ไข่มุก ชุติมา ดุรงค์เดช” มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี 2009 ซึ่งตั้งแต่เจ้าตัวกลับมาจากไปประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ประเทศบาฮามาส ก็ได้มีการพูดเชิงวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการอย่างรุนแรง ทำให้ตั้งแต่นั้นมาสาว “ไข่มุก” ก็โดนจัดให้เป็นหนึ่งสาวแรงของวงการอีกคน
ล่าสุดเธอเพิ่งมีกรณีไปแย่งซีนนางงามรุ่นน้องอย่าง “ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล” ร้องห่มร้องไห้วันที่ไปต้อนรับกลับประเทศไทยที่สนามบิน และยังมาน้ำตาไหลพรากต่อหน้าสื่ออีก หลังเจอข้อหาดังกล่าว จากนั้นมีการเมาท์ลับหลังการร้องไห้ครั้งนั้นเป็นแค่การสร้างภาพเท่านั้น เมื่อเจอแต่ข่าวแรงๆ อย่างนี้ภาพลักษณ์นางงามของสาว “ไข่มุก” เลยดูดร็อปลงไปทันที ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่ารู้สึกท้อกับข่าวต่างๆ ที่ออกมา แอบน้อยใจที่ทำดีแล้วไม่ได้ดี
“ถามว่าท้อไหม พยายามจะไม่ท้อนะ แต่เคยมีคิดแวบนึงว่ามันคุ้มไหมกับที่เรามาอยู่ตรงนี้ เพราะเท่าที่มุกสังเกตทุกคนที่อยู่ตรงนี้ มันจะมีป้ายติดกับตัวเลยว่า มุกเป็นคนแบบนี้ๆ นะ พี่ชมพู่ (อารยา เอฮาร์เก็ต) เป็นคนแบบนี้นะ พี่อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) เป็นคนแบบนี้นะ ทุกคนมีแบรนด์ติดตัวหมดเลย แม้ว่ามันจะดีหรือไม่ดีก็ตาม คือมุกออกมาทำงานอย่างนี้ก็มีความสุขนะ ได้เจอพี่ๆ นักข่าว ได้เป็นพิธีกร ได้เป็นรุ่นพี่มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ก็ภูมิใจในตัวน้อง แต่ว่ามันคุ้มไหมกับการที่เราโดนข่าวแรงๆ ตลอดเลย”
“วันที่ร้องไห้ก็คือเสียใจที่ทำไมคนต้องมองเราแบบนี้ ก็อยากจะถามผ่านทุกๆ คนว่า เคยไหมที่เราทำอะไรด้วยความหวังดีด้วยเบื้องลึกที่ดีๆ แล้วคนเข้าใจเราผิด นั่นคือความรู้สึกของมุกตรงนั้น ที่คนบางคนอ่านแค่บางส่วนไม่ได้อ่านเนื้อข่าวทั้งหมด หรือว่าเปิดข่าวขึ้นมาแค่บางส่วนแล้วเอาข้อมูลไปผิดๆ แล้วมาตัดสินความเป็นตัวตนของมุก มันเป็นอะไรที่ไม่ชิน พี่ๆ นักแสดงทุกคนอาจจะชินแล้วที่มีข่าว แต่มุกเพิ่งเกิดมาในวงการแค่ 2 ปีมันก็ยังไม่ชิน ก็ท้อในระดับนึง แต่ว่าก็พยายามจะคิดในแง่ที่ดี”
“แต่เวลาเจอพี่ๆ นักข่าวมุกก็ขอคำปรึกษานะ พี่บางคนก็ให้กำลังใจดี ใครที่รู้จักมุกก็จะรู้ว่ามุกเป็นคนยังไง ก็ยังดีที่คนรอบข้างเข้าใจ แม้ส่วนรวมบางคนอาจจะมองในแง่ลบก็ไม่เป็นไร ปล่อยเขาไป คือมุกเป็นคนที่เช็คฟีดแบคของตัวเองตลอด ข่าวทุกฉบับอ่านหมด ใครเขียนอะไรมาบ้างมุกอ่านนะ ยิ่งตอนที่ไข่มุกกลับมาจากบาฮามาสนี่ขึ้นพาดพัวเลยไข่มุกแรง เราก็โอ้โห(หัวเราะ) จะเป็นลม ก็ปรับปรุงตัวด่วนจี๋”
“มุกเช็คทุกข่าวที่เกี่ยวกับตัวเอง มุกเป็นคนที่แคร์คนรอบข้าง แคร์ว่าเขาคิดยังไงกับเรา ซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่ดี เพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้ชีวิตเราดีขึ้น หมายถึงคนที่เจอกันในสังคมค่ะ มุกรู้สึกว่าบางคนกำลังเข้าใจผิดนะ แต่บางคนก็ติดตามอ่านข่าวมุกตลอดนะ เขารักมุกและให้กำลังใจมุกดี มุกก็พยายามมองในส่วนตรงนั้นมากกว่า แต่ว่ามันก็เป็นธรรมดาของคนที่จะคิดบวกบ้าง คิดลบบ้าง คิดน้อยใจบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็พยายามจะคิดให้ตัวเองแฮปปี้(ยิ้ม)”
พ้อเพราะมีภาพแรงตั้งแต่ต้น เลยทำให้คนเข้าใจผิดตนมาตลอด รับเวลาตอบคำถามสื่อคิดหนักหลายตลบ หวั่นตีความหมายกันผิด
“อาจจะเพราะภาพมุกแรงมาตั้งแต่ต้นมั้ง ก็ไม่รู้จะทำยังไง คงต้องมาเจอมุกเขาถึงจะเข้าใจ แต่ตอนนี้เวลาตอบอะไรผ่านพี่ๆ ก็คิดหนักนะ พอตอบไปแล้วกลับมาที่บ้านก็มาคิดอีกทีว่า เราพูดอะไรสื่อความหมายผิดหรือเปล่านะ(หัวเราะ) คือเวลาทำงานก็จะมั่นใจทุกอย่าง อ่านข่าวได้ปกติ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับตัวเราไง แต่อะไรที่เกี่ยวกับตัวเองคิดหนักเลย จะพูดอันนี้อันนั้นได้ไหม พูดไปแล้วใครจะเสียใจกับคำพูดของเราหรือเปล่า ก็ได้พี่ๆ นักข่าวนี่แหละสอนมุกเองว่าควรจะตอบแบบไหน เวลาเจอคำถามแบบนี้ควรตอบแบบนี้ แต่หลายๆ คนก็ชอบที่มุกเป็นตัวมุกนะ พี่ๆ นักข่าวจะชอบบอกว่าเธอตอบไม่เหมือนชาวบ้านเขา(หัวเราะ) แต่ว่าเธอจะต้องใช้คำพูดที่ดูไม่รุนแรง ไม่ตรงไป เพราะเขาบอกมุกตรงเกินไป”
“กดดันตัวเองไหม ไม่หรอก เพราะทุกอย่างคือการเรียนรู้ ก็ถ้าใครที่คิดจะอยู่ตรงนี้ ต้องเรียนรู้ใช้ชีวิตในวงการบันเทิงให้ได้ ถามว่าเครียดไหมก็เครียดนะ ทุกคนต้องมีความเครียดในหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องมาชั่งน้ำหนักดูว่า เราอยากจะใช้ชีวิตแบบไหน อยากจะใช้ชีวิตเราทำงานออฟฟิศที่บ้านขายเครื่องกรองน้ำ หรือว่าจะมาอย่างนี้ คือทุกคนที่ทำงานกับเราน่ารัก แต่แค่ต้องปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนที่ไม่ถูกเข้าใจผิด”
ไม่หวั่นยังไม่มีงานละครเหมือนนางงามรุ่นน้อง บอกไม่อยากมีข่าวมากแล้ว เพราะรู้สึกบอบช้ำ และไม่เข้มแข็งมากพอที่จะอยู่ในวงการบันเทิง
“เรื่องงานมุกชิลล์ๆ นะ ไม่ค่อยอะไรเท่าไหร่ รอมากกว่าค่ะ งานส่วนใหญ่ที่มีเข้ามาก็จะเป็นงานการกุศล งานอีเว้นท์ เข้ามาเองหมดเลย ไม่เคยต้องดิ้นรนไปหา ก็โชคดีตรงนี้แหละ ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะข่าวด้วยนะ(หัวเราะ) ก็ต้องขอบคุณพี่นักข่าวและคนที่มองมุกในแง่ลบ เพราะว่ากระแสตั้งแต่ลงจากบาฮามาสจนถึงตอนนี้ ก็ยังมาเรื่อยๆ ทั้งดีและไม่ดี ตอนที่ไปสอนน้องทุกคนก็ชื่นชม พอน้องกลับมาซึ้งทีนึงก็กลายเป็นอีกแบบนึงเลย ไม่รู้สิดวงมันพาไปให้เป็นแบบนี้ ก็จะพยายามให้คนเข้าใจมุกให้มากที่สุด”
“แต่ตอนนี้ชิลล์งานอะไรจะเข้ามาก็เข้ามา ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ก็ต้องรอดู มุกไม่ค่อยอยากเป็นข่าวอะไรมากแล้ว เพราะมุกรู้สึกบอบช้ำนะ นี่ขนาดไม่ค่อยเยอะนะ แต่พูดตรงๆ ว่าคนที่ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงต้องเข้มแข็งจริงๆ นะ แต่มุกไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น ตอนที่ประกวดมิสยูนิเวิร์สนี่สู้ตายนะ แต่อะไรแบบนี้มันไม่ชิน แล้วเราเป็นคนแคร์คนรอบข้างด้วยไง ไม่อยากให้ใครเข้าใจเราผิด มุกเป็นคนคิดมากไง”
“แต่ก็ต้องขอบคุณพี่ๆ ในวงการทุกคนที่ยังรัก และเมตตาให้งานเรื่อยๆ ขนาดผ่าเข่ามาอย่างนี้ก็ยังออกงานเกือบทุกวัน แต่ก็ต้องรอดูกันว่ามุกจะยังอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกไหม จริงๆ ก็ไม่ได้คิดอยากจะออกจากวงการนะ แต่อย่างที่บอกคนที่เขาอ่านแล้วเอามุกไปพูดต่อ แล้วเข้าใจมุกผิดเหมือนตามกระแส มุกเข้าใจนะว่าทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง มุกเป็นดารานักแสดง พี่ๆ ก็เป็นนักข่าวแล้วก็ต้องเช็คข่าวจากกระแสแล้วก็เอามาถาม อันนี้คือหน้าที่”
“แล้วมุกก็ดีใจที่ทุกคนเมตตาให้คำปรึกษาโดยตรง ยังสอนเลยว่าต้องตอบแบบไหน มีที่ไหนล่ะมีแต่นักข่าวไทยเท่านั้นแหละ แต่เวลาที่ข้อความแรงๆ มันตีบนหน้าหนังสือพิมพ์ไปแล้ว มันก็ไม่สามารถลบออกได้แล้ว มันก็คือวงจรที่มันกระทบความรู้สึกมุก แล้วมุกก็ไม่ใช่คนเข้มแข็งขนาดนั้น ก็ถือว่าแรงในระดับนึงนะ ไอ้แรงที่สุดก็คือตอนที่กลับมาจากบาฮามาส ซึ่งมันเป็นคำพูดที่มุกใช้ไม่เหมาะสมด้วยแหละ แต่ว่าตอนนี้เรื่องกับน้อง (ปุ๊กลุก ฝนทิพย์) มันท้อนะที่ทำไมทำดีแต่ไม่ได้ดี หวังดีแต่คนมองเป็นอย่างอื่น”
“ผู้ใหญ่ไม่มีเรียกคุยเลยค่ะ ทุกคนที่ช่องรู้ว่ามุกเป็นคนยังไง ก็ไม่ซีเรียส โชคดีที่อยู่ช่อง 7 ทุกคนน่ารัก ทุกคนเข้าใจ ที่นี่ไม่ใช่สถานีแต่คือบ้าน 2 ปีที่ผ่านมารู้สึกดีนะที่ได้เข้ามา ดีใจที่ได้มาอยู่ช่องนี้ มันอบอุ่น และมีคนให้กำลังใจ เวลาเราเจออะไรเครียดๆ เราจะรู้เลยว่าใครมีตัวตนยังไง เพราะคนที่ห่วงเราคือคนที่รักเราจริงๆ”
เผยไร้แววหนุ่มๆ มาจีบ ขนาดจะเป็นกิ๊กก็ยังไม่มี เชื่อเพราะตนสูงเกินไป บอกอยากแต่งงานตอนอายุ 40 และไม่อยากมีลูก หวั่นเลี้ยงได้ไม่ดี
“หนุ่มๆ ไม่มีเลย มันยังไม่ถึงช่วงเวลาที่จะมีใครด้วยมั้ง หนุ่มๆ ในช่องก็ไม่มีมาจีบเลย คงสูงด้วยมั้ง หนุ่มๆ ในช่องมีสูงๆ กี่คนนับได้เลย แล้วเขาก็มีคู่กันหมดแล้ว อย่าเลย(หัวเราะ) ไม่มีใครมาจีบหรอก แต่ตอนเรียนก็ยังมีนะ ตอนนั้นเรียนต่างประเทศ ส่วนใหญ่ที่เข้ามาจีบเขาก็สูงกว่า แต่พอมาที่นี่ก็ต้องผู้ชายที่สูงกว่า 177 ล่ะ แล้วประชากรเมืองไทยสูงเท่านี้จะมีกี่คน ในช่องเองยังลิมิเต็ดเลย(หัวเราะ) ก็ไม่เป็นไร ชิลล์ๆ ไม่คิดมาก”
“เคยคิดว่าอยากแต่งงานเมื่อไหร่ ก็คงแก่ๆ 40 เลย เอาแบบเหี่ยวๆ แล้วก็แต่งเลย แต่ไม่อยากมีลูกค่ะ เพราะเห็นวิธีที่แม่เลี้ยงมุกแล้วเหนื่อย คือถ้าเราเลี้ยงแล้วไม่ได้ดีเท่าแม่เลี้ยงมุก เราก็ไม่อยากมี ถ้าเราเลี้ยงเราต้องเลี้ยงให้ได้ดีเลย เลี้ยงให้ได้เป็นมิสยูนิเวิร์ส แต่ถ้าออกมาเป็นผู้ชายก็ไม่รู้สิ ไม่เคยคิด แต่ถ้ามีก็คงอยากมีลูกสาว แต่คงไม่มีหรอก เพราะเห็นสังคมเดี๋ยวนี้แล้วน่ากลัว แล้วถ้าเราเลี้ยงได้ไม่ดีเท่าแม่ก็คงละอายใจตัวเองนะ ไม่มีดีกว่า”
“ถ้ามีแฟนแล้วจะบอกดีกว่า เพราะตอนนี้เงียบมาก(หัวเราะ) เพื่อนๆ มุกก็มีแฟน มีกิ๊กกันหมดแล้วล่ะ แต่มุกนี่กิ๊กก็ไม่มี ประกาศเลย(หัวเราะ) แต่ถ้าจะมีเข้ามาจริงๆ มุกชอบผู้ชายที่เหมือนพ่อ คือสูง รักครอบครัว เป็นคนที่จิตใจดีมีแต่ให้ แล้วก็หล่อ เพราะพ่อมุกหล่อนะ หนุ่มๆ นี่หล่อมากเลยนะ แต่ไม่ได้เป็นพระเอกไม่รู้ทำไม(หัวเราะ) คือหล่อมันก็เป็นของแถม แต่ข้อแรกก็คือรักครอบครัว คือคงหายากเพราะมุกสูงด้วย ถ้ามีใครเข้ามาเขาต้องมีพื้นฐานคล้ายๆ กับเรา ต้องมีครอบครัวใหญ่ ต้องเข้าใจว่าเราเป็นยังไง ต้องเข้าใจหน้าที่ว่าเราเป็นดารา เราอาจจะไม่ค่อยมีเวลาให้เขา”
“นิสัยก็ต้องคล้ายๆ กันด้วย ไม่รู้สิ คือมีคนมาจีบนะ แต่มุกไม่เคยมีแฟนจริงจัง ไม่รู้ทำไม คงยังไม่เจอ หนุ่มอังกฤษที่เคยคบก็เลิกกันไปแล้ว เพราะเรามาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ได้เรียกว่าแฟนหรอก ก็เลยไม่ได้คบ เพราะเรากลับมาประกวดชีวิตเราอยู่ที่นี่ เขาก็ใช้ชีวิตที่โน่น แต่ก็เป็นเพื่อนกัน แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยกันแล้ว ต่างคนก็ต่างมีชีวิตของแต่ละคน ตอนนี้ก็ให้เวลากับครอบครัวเต็มที่ บางคนเขาไปดูหนังกับแฟน แต่เราไปดูหนังกับพี่ชาย พี่สาว นั่งกันเป็นตับเลย ถ้าหนังเรื่องไหนเอาอาม่าไปด้วยได้ก็เอาไปด้วย ก็เป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ ไปไหนก็ไปด้วยกันหมดหอบกันไปครอบครัวคนจีน ก็มีความสุขดีค่ะ”
ที่มา: manager.co.th