ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายนาโอยูกิ ซาเอกิ (ขวา) ประธานบริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด มอบฆ้องเป็นของขวัญเพื่อต้อนรับและอวยพรนายเออิจิ คาโตะ (ซ้าย) ในฐานะผู้บริหารสูงสุดท่านใหม่ ในงานเลี้ยงอำลา “Bye & Hi” ณ ร้านทูซิท หลังสวน โดยนายเออิจิ คาโตะ จะเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้จัดการระดับประเทศ ประจำประเทศไทย อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เม.ย.2552 นี้
นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปี 2552 นี้ บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดภาครัฐบาล เนื่องจากลุ่มดังกล่าวยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นตัวกระตุ้นให้เศรษฐกิจดีขึ้น และมีโอกาสทางการตลาดมากกว่าภาคเอกชน ที่ช่วงเวลานี้มีการลงทุนด้านไอทีน้อยลง พร้อมกันนี้หันไปให้ความสำคัญกับกลุ่มธนาคารที่เป็นลูกค้าหลักของบริษัท โดยจำนำสินค้า อาทิ เครื่องสแกนเนอร์ความเร็วสูงและ เครื่องพิมพ์สมุดธนาคาร นำแสนอต่อไป
ผอ.บริหาร บ.เอปสันฯ กล่าวต่อว่า สำหรับในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2551 ที่ผ่านมา ตลาดคอนซูมเมอร์ หรือผู้บริโภคตามบ้านทั่วไป มียอดขายหดตัวลงประมาณ 20-30% เพราะสถานการณ์ทางการเมือง และสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทำให้ผู้บริโภคไม่มีการใช้จ่าย อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 นี้ ตลาดคอนซูมเมอร์เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น ผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้จ่ายมากประกอบกับสถานการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้นด้วย ขณะที่เอปสันถือได้ว่ามีการเติบโตสูงกว่าตลาด โดยมีการเติบโตเฉลี่ย 20% ปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีการเติบโตที่ดีขึ้น ได้แก่การลงทุนด้านบุคลากร วางโครงสร้างพนักงานขายให้สามารถทำงานร่วมกับผู้ค้าได้อย่างทั่วถึง และการมีศูนย์บริการที่มากกว่า 60 แห่งทั่วประเทศ ทั้งเตรียมที่เปิดเพิ่มอีก 30 แห่ง
นายยรรยง กล่าวด้วยว่า ส่วนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปีนี้ เอปสันพยายามเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น ขยายตลาดใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะตลาดโมดิร์นเทรด ในการวางสินค้าให้มากขึ้น รวมทั้งการลงทุนของบริษัทต้องใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะนี้ สินค้าของบริษัทที่ถือว่าได้รับความนิยม ได้แก่เครื่องโปรเจคเตอร์ มีการเติบโต 60%เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น และเครื่องพิมพ์ด็อท แมทริกซ์ ที่เอปสันมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% และเอปสันถือเป็นรายใหญ่ที่ทำตลาดนี้อยู่ ทั้งนี้มองว่าภาพรวมสินค้าไอทีในปีนี้ จะมีการเติบโตที่ไม่หวือหวามากนัก และอาจจะโตต่ำกว่า 5% ขณะเดียวกันจะมีการแข่งขัน ทั้งเรื่องของราคา และตัวสินค้าที่มากขึ้น ทำให้ปีนี้ผู้ค้าในตลาดต้องทำงานหนักขึ้น
ที่มา: thairath.co.th