ปฏิบัติการล่าความจริงเบื้องหลังอดีตตลกอาภัพ “จอห์น มกจ๊ก” กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ เหตุเพราะผีพนันเข้าสิง จนต้องขายบ้าน ขายรถ ที่ได้มาจากเงินบริจาคใช้หนี้ แปรสภาพจากคนเคยสบาย กลายเป็นคนหมดตัว จนต้องกัดฟันสู้มาขายน้ำพริกดังที่สะพานลอย
หลังจากที่ “เหลือเฟือ มกจ๊ก” เจมศักดิ์ แจ้งทิพย์นาง หัวหน้าคณะตลกออกมาเปิดเผยถึง “จอห์น ม๊กจ๊ก” ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก ภรรยา “โจ้ สมชาย จันทรเจือ” ตลกแคระที่ถูกปาก้อนหินตายเมื่อ 5 ปีก่อน และต่อมายังต้องพบกับความสูญเสียลูกรักจากอุบัติเหตุรถทับไปนั้น โดย เหลือเฟือ ยืนยันว่า จอห์น มีทุกอย่างครบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้าน และรถ และตนได้จัดการเรื่องบ้านไว้ให้เรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้พี่ชายของจอห์นเป็นคนอยู่บ้านหลังดังกล่าว
ข้อมูลจากปากของเหลือเฟือนั้น แตกต่างไปจากที่จอห์นอ้างต่อนักข่าว เพราะฝ่ายตลกแคระบอกว่า ปัจจุบันไม่มีเงินชีวิตลำบาก ต้องมาเช่าบ้านอยู่เดือนละ 1,200 บาท แถมยังบ่นน้อยใจสมาคมตลกที่ไม่เคยให้ความช่วยเหลือ แม้กระทั่ง “เหลือเฟือ มกจ๊ก” ที่เคยรับปาก ว่า จะช่วยเหลือก็ไม่เคยติดต่อมา ข่าวดังกล่าวได้รับความสนใจไปทั่วประเทศ รายการโทรทัศน์ต่างติดต่อให้จอห์นไปออกอากาศ
เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไรกันแน่ ?
ตกลงแล้วจอห์นมีบ้านอยู่หรือไม่ ?
และถ้ามี....ทำไมต้องเช่าบ้านอยู่ ?
สุดท้ายคือ...เงินบริจาคที่ประชาชนช่วยกันให้มาด้วยความสงสาร และเวทนาในชะตากรรมนั้นบัดนี้มันไปอยู่ที่ไหนแล้ว
ล่าสุด ทีมข่าวบันเทิง ASTVผู้จัดการออนไลน์ ได้ไปตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว พบว่า ข้อมูลที่ จอห์น อ้างนั้น มีความคลาดเคลื่อนไปมาก และกลายเป็นเรื่องสะท้อนสังคมในยุคนี้ถึงความร้ายกาจของการพนัน จากการสอบถามอดีตเพื่อนบ้านของ “จอห์น มกจ๊ก” ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ที่ผ่านมา จอห์น เคยมีชีวิตสุขสบาย มีบ้านอยู่มีรถขับ แต่เจ้าตัวกลับติดการพนันงอมแงม จนต้องขายบ้านขายรถที่ได้จากเงินบริจาค กลายเป็นคนหมดตัวต้องไปเช่าบ้านอยู่ แฉซ้ำหลังตกเป็นข่าวตกอับ ตลกแคระคุยฟุ้งว่าจะได้แจ้งเกิดอีกแล้ว
ทีมข่าวบันเทิง ASTVผู้จัดการออนไลน์ ก็ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยเริ่มต้นเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 28/158 “หมู่บ้านสิวารัตน์” อ.สามพราน จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านหลังที่ถูกระบุในข่าวเมื่อ 2 ปีก่อน ว่า “น้องเจนนี่” ลูกสาวของจอห์นได้ประสบอุบัติเหตุโดนรถเพื่อนบ้านเหยียบเสียชีวิตที่หมู่บ้านแห่งนี้
โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นทาวน์เฮาส์ กว้าง 27 ตารางวา แต่หลังจากที่เข้าไปสอบถามบุคคลในบ้านกลับไม่มีพี่ชาย หรือญาติของจอห์นพักอาศัยอยู่ตามที่เหลือเฟือให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยบุคคลที่อยู่ในบ้าน ได้กล่าวว่า จอห์น จกม๊ก ได้ขายบ้านหลังนี้ให้ตนในราคา 750,000 บาท เมื่อปลายปีที่แล้ว
สอบถามไปยังเพื่อนบ้านซึ่งหลายคนก็ยืนยันว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของจอห์นจริง แต่ได้ขายและย้ายออกไปเมื่อช่วงปลายปี โดยมีเพื่อนบ้านหลายคนได้ยอมเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกถึงที่มาที่ไปของการขายบ้านหลังนี้เพราะอยากให้หลายๆ คนฟังไว้เป็นอุทาหรณ์
“จริงๆ แล้วไม่อยากพูด พูดไปก็ไม่ดี เดี๋ยวเขาจะมาด่า แต่คิดว่าเรื่องหนี้สินคนเขารู้กันทั้งหมู่บ้านแหละว่า เป็นเพราะอะไรจอห์นถึงได้เป็นหนี้ แต่ไม่มีใครอยากพูด ก่อนที่เขาจะไปขายน้ำพริกก็เห็นเขาทำมาหากินหลายอย่าง ตอนนี้พอเป็นข่าวก็เห็นว่าเขาขายน้ำพริกดีมาก” เพื่อนบ้านคนหนึ่งกล่าว
“จอห์นเขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ประมาณเดือนกรกฎาคม ประมาณปี 2548 ตอนที่ย้ายมาอยู่แรกๆ จอห์นมาอยู่กับลูกสาวและก็พี่ชายอยู่กันสามคน พอเขาย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้เล่นตลกหันมาขายหมูแดดเดียว, ขายผลไม้ แล้วก็ไปขายกวยจั๊บเวียดนาม จากนั้นค่อยมาขายอาหารตามสั่งที่หน้าบ้านเขาเอง จอห์นขายของหลายอย่างมาก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนทำหลายอย่าง แต่จริงๆ เขาเป็นคนขยันนะสู้ชีวิตตื่นตั้งแต่ตี 4 ตี 5 ทำมาหากินหลายอย่าง”
“ที่จอห์นจะต้องย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ เพราะประมาณเดือนพฤศจิกายนบ้านจะหลุด แต่บ้านหลุดเพราะอะไรเอาละเอียดขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าลึกลงไปขนาดนั้นเดี๋ยวมันจะต้องสาวไปยาวเลยนะ และมันจะมีปัญหา (หัวเราะ) คือ บ้านเขาเป็นหนี้...หนี้แบบว่า มากันทุกสัปดาห์เลย เขาก็มาขอความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เราก็เลยรู้ว่า เพราะหนี้ดังกล่าว จอห์นก็เลยเอาไปจำนองไว้ 500,000 บาท บวกกับดอกเบี้ยเข้าไปอีก 150,000 รวมเป็นเงินทั้งหมด 650,000”
“พอเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วมันจะครบปี ถ้าไม่มีเงินส่งเขาทั้งหมดจะถูกยึดบ้าน จอห์นเลยต้องขายบ้านเพื่อเอาเงินมาคืน ซึ่งขายบ้านไปได้ในราคา 750,000 แล้วเอาเงินไปคืน 650,000 พร้อมทั้งจ่ายค่าอย่างอื่นไปด้วย เห็นบอกว่าเหลือเงินประมาณ 90,000 บาท พอขายบ้านได้จอห์นก็ย้ายออกไปประมาณกันยายน ส่วนพี่ชายเขาก็แยกย้ายกลับไปหนองคายบ้านเกิดเขาหมดแล้ว”
ขณะที่เพื่อนบ้านอีกรายที่ไม่ขอเปิดเผยรายชื่อให้ข้อมูลในเชิงลึกกว่านั้นว่า
“ เดิมทีบ้านหลังนี้ราคา 8 แสนกว่า แต่ตอนที่จอห์นซื้อเจ้าของโครงการเขาลดราคาให้อีก เพราะจอห์นเขาซื้อบ้านด้วยเงินสด เป็นเงินที่ได้รับบริจาคมาจากที่สามีเขาตายแล้วเงินก็เหลือ จากนั้นจอห์นเขาก็ซื้อรถปิกอัพหนึ่งคัน แต่ก่อนหน้านี้ เขาก็มีรถเก๋งอีกคันหนึ่ง เป็นรถที่ซื้อตอนที่โจ้สามีเขายังอยู่ หลังจากนั้น เขาก็เอารถกะบะไปขายดาวน์ให้ญาติเขาผ่อนต่อได้เงินมาแสนกว่าบาท”
“ที่ผ่านมา ถือว่าเขาค่อนข้างมีสตางค์แต่ว่าเขาเอาตังค์ไปทำอะไรหมดนั้น ตรงนี้คนแถวนี้ก็รู้กันอยู่ เพราะมันเป็นชีวิตเป็นเรื่องส่วนตัวเขา แต่ก่อนที่บ้านจะหลุดก็จอห์นเขาก็แย่แล้ว เพราะมาขอให้เพื่อนบ้านช่วย ก็มีการช่วยไปนิดๆหน่อยๆ”
“ไอ้เรื่องไพ่เนี่ย เขาเล่นแน่ๆ แต่พูดมากไปมันก็ไม่ดี เพราะยังมีอีกหลายคนที่สงสารเห็นใจเขาอยู่ ถ้าเราพูดออกไปหมด คนอีกเป็นล้านๆ ที่ไม่รู้อะไรจะคิดว่าเราไปอิจฉา ทำให้เขาหมดที่พึ่งไปโดยปริยาย ส่วนตอนนี้เขาเลิกเล่นหรือยังตรงนี้ไม่รู้ จอห์นเป็นคนตัวเล็ก แต่ใจใหญ่เท่าภูเขา ที่ผ่านมามีคนมาหาตลอด ก็เสียงลั่นกันตลอดแหล่ะ เราก็เห็นว่าเป็นขาประจำ บางทีมาเป็นทีมเลยนะ เราก็ได้แต่มองไปมองมา”
“ตอนที่สามีเขาตาย เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ เราก็รู้นะว่าเขามีเงิน แต่ไม่รู้ละเอียดว่าจำนวนเท่าไหร่ แต่ถ้าเราเป็นเขาอยู่สบายแล้ว บ้านก็ซื้อเงินสด ไม่ได้ผ่อนเดือนหนึ่งมีรายได้เข้ามาสองสามพันก็อยู่ได้แล้ว เรามองว่า เขาสบายมากกว่าตลกคนอื่นอีก อย่างตลกบางคนยังต้องเช่าบ้านส่งรถกันอยู่เลย แต่จอห์นซื้อเงินสดทั้งหมด จะไปไหนก็มีรถมีคนขับให้เราเองยังแอบอิจฉาเขาเลย (หัวเราะ) แล้วอยู่ดีๆ มันหายวูบไปกับตาไม่รู้ เรื่องมันลึกๆ มันมี”
“มีอยู่ครั้งหนึ่งที่จอห์นไปบวชชี แม่ชีก็ช่วยเตือนจอห์นว่าได้เงินมาแบบน้ำไหล แต่มันจะไปแบบน้ำไหล ตั้งแต่ที่แม่ชีพูด เราพยายามคิดว่าแม่ชีหมายถึงอะไร จนมากระทั่งเขาหมดตัวถึงได้คิดออกว่า เงินมาแบบน้ำไหล ก็คือ เงินที่เขาบริจาคมาให้ แล้วมันก็ออกไปแบบน้ำไหลจนหมดตัว”
“จริงๆ เงิน 90,000 บาท ที่เหลือจากการขายบ้าน ถ้าเก็บให้ดีมันก็อยู่ได้นาน ถ้าเราเก็บไม่ดีมันหายแว้บไป ส่วนเขาจะเอาเงินไปทำอะไรหมดก็รู้อยู่แล้วไม่ต้องถาม น่าเสียดายถ้าไม่มีจุดนี้ซะอย่างชีวิตเขาก็สบายแล้ว เพราะจริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่ขยันทำมาหากินมากๆ”
“ส่วนเรื่องที่บอกว่า เหลือเฟือ ไม่ค่อยได้มาดูนั้น จริงๆ แล้วเหลือเฟือก็มาดูตลอด ถ้าเขาไม่มาเองจะมีคนหนึ่งมาดูแลแทน หรือไม่จะโทรศัพท์มา แต่จอห์นจะไม่ค่อยยอมรับโทรศัพท์ พอเหลือเฟือโทร.มาเขาจะกลัวสั่นๆ ก็ไม่รู้ว่าเขากลัวอะไร แต่ทุกครั้งที่เหลือเฟือโทร.มา เขามักจะเตือนจอห์นเรื่องเวลาคบเพื่อนให้ดูหน่อยนะ เขาอาจจะมาหลอกเอาก็ได้ เพราะช่วงนี้จอห์นมีเงินซึ่งมันก็จริง”
“ในความรู้สึกเราคิดว่า มันเหมือนเขาทำอะไรผิดพลาดเอาไว้ก็เลยกลัวความผิดไม่กล้าคุยไม่กล้าเจอเหลือเฟือ เพราะกลัวจะมารู้ว่าชีวิตตอนนี้เขาเป็นยังไง ที่ผ่านมา เหลือเฟือยังไม่รู้ว่าจอห์นขายบ้านไปแล้ว แต่ปกติจอห์นเขาก็มีนิสัยแว้บไปแว้บมาอยู่แล้ว ช่วงที่เป็นข่าวใหม่ๆ ก็เห็นเขาพูดว่า เขาจะเกิดใหม่แล้วนะ ก็ถ้าเขาจะเกิดใหม่จริงๆ ก็ขอให้โชคดีก็แล้วกัน