Computer & Services > Knowledge

การใช้ voice และ data พร้อมกันในเครือข่าย GSM

(1/1)

Nick:
โดยปกติแล้วโทรศัพท์มือถือระบบ GSM ไม่สามารถใช้ voice และ data พร้อมกันเนื่องจากมือถือส่วนใหญ่เป็น GPRS Class B

มาตรฐาน GSM แบ่งมือถือที่ใช้ data ไ้ด้ออกเป็น 3 คลาสคือ

Class A  สามารถใช้ voice และ data ได้พร้อมกัน
Class B  สามารถใช้ voice หรือ data อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยสามารถเปลี่ยนโหมดได้อัตโนมัติ
Class C  สามารถใช้ voice หรือ data อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยผู้ใช้ต้องเปลี่ยนโหมดเอง

มือถือส่วนใหญ่เป็น Class B การที่ใช้ voice กับ data พร้อมกันไม่ได้ทำให้เกิดข้อจำกัด 3 อย่างคือ

   1. ในขณะที่ใช้ data อยู่จะไม่สามารถรับสายได้ คนที่โทรเข้ามาจะได้ยินเสียงตอบรับว่า "ไม่มีสัญญาณตอบรับ..." ส่วนผู้รับปลายทางก็ไม่รู้ว่ามีคนโทรเข้าหา จนกระทั่งได้รับ SMS บอกว่ามี missed call
   2. ถ้าเราใช้ data อยู่และต้องการจะโทรออก มือถือ Class B อนุญาตให้เราโทรออกได้แต่ data จะหยุดวิ่ง ดังนั้นหากเรากำลัง download ไฟล์ หรือ synchronize mail อยู่ การโทรออกจะทำให้ download fail
   3. ถ้าเรากำลังพูดสายอยู่และต้องการ switch ไปใช้ email หรือโหลด web/wap ในขณะพูดสาย มือถือ Class B จะไม่ยอมให้ทำ และจะบอกให้เราวางสายก่อน


ข้อจำกัดเหล่านี้ถูกแก้ไขแล้วในระบบ 3G แต่ในระบบ 2G ยังมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะข้อ 1 (missed call) นั้นเป็นปัญหาค่อนข้างมากเพราะทำให้ติดต่อไม่ได้ขณะที่ปลายทางใช้ data อยู่ การแก้ปัญหา missed call สามารถทำได้โดยใช้ feature ที่ชื่อว่า paging coordination ครับ

ปกติแล้วเวลาที่โทรศัพท์มือถือเปิดเครื่องอยู่เฉย ๆ มันจะคอยฟังช่องสัญญาณ paging channel ว่ามีใครโทรหามันหรือเปล่า ถ้ามีคนโทรหามันก็จะทำการต่อสายแล้วย้ายไปคุยกันที่อีกช่องหนึ่ง เวลาโทรศัพท์มือถือใช้ data ก็เช่นกันครับ มันจะทำการต่อสายแล้วย้ายไปส่ง data ที่อีกช่องหนึ่ง ในระหว่างที่รับส่ง data โทรศัพท์จึงไม่ได้ยินสัญญาณ paging channel เพราะมันกำลังรับส่ง data อยู่ที่ช่องอื่น เมื่อมีคนโทรเข้ามามันจึงไม่ตอบครับ

Feature ที่ชื่อ paging coordination ช่วยแก้ปัญหานี้โดยการแทรกสัญญาณเข้ามาในการรับส่ง data เพื่อสะกิดให้โทรศัพท์มือถือรู้ว่ามีคนต้องการโทรหา โทรศัพท์มือถือจะพักการรับส่ง data ไว้ชั่วคราวและสลับไปฟังช่อง paging channel เพื่อทำการต่อสาย เมื่อสนทนาเสร็จและวางหูแล้ว มือถือจึงกลับมารับส่ง data ที่ค้างไว้ต่อครับ  แต่ถ้าสนทนานานเกินไป application ที่รับส่ง data อาจจะรอไม่ไหวและ time out ไปก่อนได้

โทรศัพท์มือถือ Class A สามารถรับส่ง data ในระหว่างที่ใช้ voice ได้อย่างต่อเนื่องก็เพราะมีวงจรรับส่ง 2 ชุดครับ ชุดหนึ่งสำหรับ voice และอีกชุดหนึ่งสำหรับ data วงจรรับส่งทั้งสองชุดใช้ความถี่แตกต่างกัน แต่ข่าวร้ายก็คือไม่มีผู้ผลิตใดผลิตมือถือ Class A ออกมาครับ เพราะการที่ต้องมีวงจรรับส่ง 2 ชุดทำให้มือถือ Class A มีราคาแพงไม่คุ้มทุนและกินไฟเยอะเกินไป ทางผู้กำหนดมาตรฐาน GSM จึงออกมาตรฐานใหม่ออกมาเรียกว่า Dual Transfer Mode (DTM) ซึ่งทำให้โทรศัพท์มือถือสามารถใช้ voice และ data พร้อมกันได้โดยใช้วงจรรับส่งเพียงชุดเดียว เรียกกันว่า Pseudo-Class A (คลาส A เทียม) หรือบางทีก็เรียกว่า Simplified Class A ครับ

ปกติ voice จะใช้ช่องสัญญาณ 1 ช่อง เรียกว่า 1 time slot แต่ data อาจใช้ช่องสัญญาณได้ตั้งแต่ 1-4 time slot ขึ้นอยู่กับว่าขณะนั้นมีช่องสัญญาณเหลืออยู่แค่ไหน แต่ละ time slot สามารถรองรับ download speed ได้ 59.2 kbps ดังนั้นหากใช้เต็ม 4 time slot ก็จะได้ download speed สูงสุดเท่ากับ 59.2 x 4 = 236.8 kbps ครับ (EDGE class 32 สามารถ download ได้ 5 time slot จึงมีความเร็วสูงสุดเท่ากับ 59.2 x 5 = 296 kbps)

DTM ใช้เทคนิคให้ voice มาเบียด time slot ของ data ไปใช้งานเป็น voice 1 time slot จึงสามารถใช้ voice กับ data ได้พร้อมกันโดยใช้วงจรรับส่งเพียงชุดเดียว แต่ข้อเสียคือจะทำให้ data ช้าลงเล็กน้อยครับ

ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือที่เป็น DTM Phone ได้แก่ Blackberry และ Nokia รุ่นใหม่ ๆ ครับ ส่วน iPhone เป็น Class B ใช้ voice กับ data พร้อมกันในระบบ GSM ไม่ได้ครับ แต่สามารถใช้ voice กับ data พร้อมกันได้ใน 3G

เขียนโดย ศรัณย์ ผโลประการ


ที่มา: aismobiletech.blogspot.com

Navigation

[0] Message Index

Go to full version