ระบบ GSM ใช้เทคนิค Time Division Multiplex (TDM) คือให้โทรศัพท์มือถือแต่ละเครื่องผลัดกันรับส่งสัญญาณโดยใช้คลื่นความถี่ เดียวกัน ทำให้ความถี่เดียวกันสามารถรองรับโทรศัพท์มือถือได้ถึง 8 เครื่อง แต่รับส่งสัญญาณกันคนละเวลา เรียกว่าคนละ time slot
เมื่อระบบ GSM พัฒนาขึ้นมาจนสามารถรับส่ง data ความเร็วสูงโดยใช้เทคโนโลยี EDGE มือถือแต่ละเครืื่องสามารถจะจับจองช่องสัญญาณได้มากกว่า 1 time slot แต่ละ time slot สามารถดาวน์โหลด data ได้ด้วยความเร็วสูงสุด 59.2 kbps ดังนั้นถ้าโทรศัพท์มือถือดาวน์โหลด data พร้อมกัน 4 time slot ก็จะได้ความเร็วสูงสุดเท่ากับ 59.2 x 4 = 236.8 kbps ซึ่งเป็นความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดของ EDGE ในปัจจุบัน
มาตรฐาน GSM ได้แบ่ง class ของ device (โทรศัพท์มือถือและ dongle) ออกเป็นคลาสต่าง ๆ ตามจำนวน time slot ที่ device นั้นสามารถจับใช้งานได้พร้อม ๆ กัน
* Class 1-12 สามารถดาวน์โหลดพร้อมกันได้ไม่เกิน 4 time slot
* Class 30-45 เรียกว่า high multislot class สามารถดาวน์โหลดพร้อมกันได้ 5-6 time slot
โทรศัพท์ มือถือส่วนใหญ่ในอดีตเป็น EDGE multislot class 10 (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า EDGE class 10) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้พร้อมกันไม่เกิน 4 time slot (236.8 kbps) และอัพโหลดได้พร้อมกันไม่เกิน 2 time slot (118.4 kbps) แต่ดาวน์โหลด + อัพโหลดต้องไม่เกิน 5 time slot ซึ่งสามารถทำงานได้ 2 โหมดคือ
* ดาวน์โหลด 4 time slot และอัพโหลด 1 time slot (เขียนย่อว่า 4+1)
* ดาวน์โหลด 3 time slot และอัพโหลด 2 time slot (เขียนย่อว่า 3+2)
การที่โทรศัพท์มือถือจะทำงานในโหมด 4+1 หรือ 3+2 นั้น เป็นการตัดสินใจโดยอัตโนมัติของเครือข่าย หากมือถือดาวน์โหลดมาก เครือข่ายจะสั่งให้ทำงานในโหมด 4+1 แต่ถ้ามือถือเริ่มอัพโหลดมาก เครือข่ายจะสั่งให้เปลี่ยนโหมดมาเป็น 3+2 ครับ
EDGE class 12
โทรศัพท์มือถือและ dongle บางรุ่นที่ขายอยู่ในปัจจุบันเป็น EDGE class 12 ซึ่งสามารถทำงานได้ 4 โหมดคือ
* 4+1
* 3+2
* 2+3
* 1+4
ดังนั้นโทรศัพท์มือถือและ dongle ที่เป็น class 12 จึงสามารถดาวน์โหลดได้พร้อมกัน 4 time slot ได้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 236.8 kbps และถ้าเครือข่ายพบว่าโทรศัพท์มือถือหรือ dongle นั้นมีการอัพโหลดข้อมูลจำนวนมาก เครือข่ายจะสั่งให้เปลี่ยนโหมดมาเป็น 3+2 --> 2+3 --> 1+4 ซึ่งสามารถอัพโหลดได้พร้อมกัน 4 time slot หรือ 236.8 kbps เช่นกัน
การเปลี่ยนโหมดนั้นต้องใช้เวลาสักครู่ ดังนั้นหากเราทดสอบความเร็วด้วย speed test เช่น
http://speedtest.adslthailand.com ซึ่งเป็นการอัพโหลดข้อมูลสั้น ๆ มือถืออาจจะยังไม่ทันเปลี่ยนโหมดมาเป็น 1+4 ดังนั้น speed test จึงไม่สามารถวัดความเร็วอัพโหลดสูงสุดได้ ต้องวัดด้วยการทดลองอัพโหลดข้อมูลจริงครับ
EDGE class 32
โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Nokia หลายรุ่นเป็น EDGE class 32 ซึ่งสามารถทำงานได้ 3 โหมดคือ
* 5+1
* 4+2
* 3+3
ดังนั้นโทรศัพท์มือถือที่เป็น class 32 จึงสามารถดาวน์โหลดได้พร้อมกันถึง 5 time slot ได้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดเท่ากับ 59.2 x 5 = 296 kbps และสามารถปรับโหมดเป็น 3+3 ซึ่งจะมีความเร็วอัพโหลดสูงสุดเท่ากับ 59.2 x 3 = 177.6 kbps ซึ่งต่ำกว่า class 12
EDGE class 33
โทรศัพท์มือถือ Nokia รุ่น N8 เป็นมือถือรุ่นแรกที่เป็น EDGE class 33 ซึ่งสามารถทำงานได้ 4 โหมดคือ
* 5+1
* 4+2
* 3+3
* 2+4
ดัง นั้นโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้จะสามารถดาวน์โหลดได้พร้อมกัน 5 time slot ได้ความเร็วสูงสุด 296 kbps และสามารถปรับโหมดมาเป็น 2+4 ทำให้อัพโหลดได้พร้อมกัน 4 time slot ได้ความเร็วสูงสุด 236.8 kbps เท่้ากับ EDGE class 12
ขีดความสามารถของเครือข่าย AIS
เครือ ข่าย EDGE ของ AIS ที่ได้รับการอัพเกรดแล้ว จะสามารถรองรับ device ที่ดาวน์โหลดได้ไม่เกิน 5 time slot และอัพโหลดได้ไม่เกิน 4 time slot ดังนั้นจึงสามารถรองรับ EDGE class 1-12 และ class 30-38 โดย device ที่เป็น class 34 (อัพโหลด 5 time slot) จะปรับลดการทำงานลงมาเหลือ class 33 (อัพโหลด 4 time slot)
เขียนโดย ศรัณย์ ผโลประการ
ที่มา: aismobiletech.blogspot.com