Author Topic: เปิดฉากฉะกันกลางอากาศ “พจน์” แฉ เจอหน้าทำเมิน ด้าน “เอ” ท้า ถ้าโกหกขอให้ตาย  (Read 2457 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline Webmaster

  • Nick Computer Services
  • Administrator
  • Full Member
  • *
  • Posts: 168
  • Karma: +999/-0
  • Gender: Male
  • Love Me Love My Services
    • Computer Service




     “พจน์-เอ” ซัดกันเละกลางรายการ “แฉแต่เช้า” พจน์เปิดฉากด่าเอ ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง งง ป๊ะกันที่เชียงใหม่ทำเมินไม่ไหว้ ทั้งที่ให้สัมภาษณ์อยากขอโทษ ก่อนแฉซ้ำ เคี่ยวจนผู้จัดเอือม ด้านเอสวนกลับนิ่มๆ บอก มองไม่เห็นอีกฝ่าย ท้าเอากล้องวงจรปิดมายืนยัน หากพูดปดขอให้ตาย
       
       ทำเอารายการ “แฉแต่เช้า” แทบแตก เมื่อสองดีเจ “กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์” และดีเจ “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” เปิดสายให้คู่กรณีอย่าง “พจน์ อานนท์” กับ “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” สองผู้จัดการดาราที่มีข้อพิพาทเรื่องฉกเด็กปั้น โฟนอินเข้าในรายการพร้อมกัน กระทั่งกลายเป็นศึกสาดน้ำลายกลางอากาศ
       
       โดยฝ่ายพจน์เปิดฉากต่อว่าอย่างดุเดือด อ้างไม่พอใจที่คู่กรณีเห็นแล้วทำเมิน ไม่ไหว้ไม่ทัก ทั้งที่ให้ข่าวไว้ว่าอยากขอโทษ ด่าเละ อย่าต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง ด้านฝ่ายเอโต้กลับนิ่มๆ พจน์จำคนผิด ยันมองไม่เห็นอีกฝ่าย ท้าสาบาน หากโกหกขอให้ตาย หน้าที่การงานล่มจม
       
       พจน์ : “ผมได้ข่าวมาว่าเขาอยากเจอผม เพราะว่าถ้าเจอ เขาจะเข้ามาไหว้มาขอโทษ ตอนแรกเฉียดกันทีหนึ่งแล้วที่สนามบิน เขาไปคนเดียว ผมก็ไปคนเดียวเพราะผมไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว เขาก็เดินผ่านไป แล้วเชิดๆ เริ่ดๆ ใส่ผม เราก็เอ้า..นี่หรอที่พูดตอนเป็นข่าว”
       
       “แล้วพอออกงานผมก็ขึ้นไปนั่งเป็นกรรมการ คนจัดงานเขาก็มาพูดกับผม ว่าพี่พจน์หนูกลุ้มใจมากเลยพี่ คุณเอเขาจะขอมอบรางวัลทุกรางวัลเลย ถ้าไม่ให้เขามอบเขาจะไม่เอามาริโอ้ลงมาโชว์ตัว แล้วก็บอกว่าจะเอาเงินสดหนึ่งแสน ไม่อย่างนั้นไม่ให้มาริโอ้ลงมาโชว์ตัว”
       
       “พอผมเห็นเขาลงมา ผมก็ลุกขึ้นเลย เลิกเป็นกรรมการ แล้วก็เดินออกกลับไปขึ้นลิฟท์กลับสนามบิน เดินผ่านเขาตรงทางเดิน เขาเดินมากลุ่มใหญ่ประมาณ 10 คน คนจัดงานต้องเสียค่าตั๋วเครื่องบินประมาณ 10 ใบอ่ะ แล้วพอเดินสวนกันเจอหน้าผมแล้วหัวเราคิกๆๆๆๆ หัวเราะแบบสนุกสนาน ผมก็งง แล้วที่ให้ข่าวไปว่า เคารพนับถือพี่พจน์ อยากเจออยากขอโทษอยากอะไร สรุปแล้วปากกับใจคนละเรื่องเลย”
       
       “เขาพามาริโอ้ไปโชว์ตัวไง เหมือนพี่เป็นผู้จัดการกฤษณ์ แล้วพากฤษณ์ไป แต่ที่มีรูปเขาขึ้นบิลบอร์ดเพราะเขาขอขึ้น เพราะรู้จักกับคนจัดงานไง แล้วคนจัดงานก็เล่าให้พี่ฟังหมด มีใบเสร็จเรียบร้อยนะ คนจัดงานก็ถอดใจไปเลย พี่งง ไหนพูดในข่าวทุกฉบับเลยว่าอยากจะยกมือไหว้ ไม่เห็นทำเลย ที่เขาพูดออกไปคือโกหกทั้งสิ้น อย่างมดดำไม่ถูกกับพี่ยังไงก็ต้องเคารพกัน เพราะเป็นคนรู้จักกันเข้าใจมั้ย นี่ยิ่งบอกว่าเคารพพี่เป็นพ่อ เจอกันแล้วทำไมไม่ไหว้ คนไทยถือเรื่องนี้มากนะ ต่อหน้านักข่าวอีกอย่าง...”
       
       เอสวนกลับ พร้อมโต้ทุกคำกล่าวหา บอกคงสื่อสารกันผิด
       เอ : “ต้องขอเรียนก่อนนะครับ ว่าวันที่ไปเชียงใหม่เอมีงานสองงาน งานแรกคืองานของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ อีกงานนึงคืองานที่เป็นกรรมการ แล้วเอบอกทางคนจัดงานแล้วว่า เอต้องไปอยู่งานของทูลกระหม่อมฯ ตรงพืชสวนโลก แล้วงทางผู้จัดงานก็บอกว่า ถ้าเสร็จงานแล้วก็รีบมามอบรางวัลละกัน”
       
       “แล้วขามาผมมาไฟท์ 6 โมงเช้า เพราะผมเอาโควตาของงานพืชสวนโลก เพราะผมเอาน้องเวียร์ (ศุกลวัฒน์) กับน้องสน(สน พระเอกแก้วล้อมเพชร)ไป ทางโน้นก็จัดการเรื่องตั๋วให้ พอไปถึงปุ๊บผมก็ต้องไปดูแลเวียร์กับสน ผมไม่ได้มาดูแลมาริโอ้เลย เพราะเขาติดต่อมาทางมาริโอ้ เรื่องขอตั๋วเป็น 10 ใบ กับขอค่าตัวเป็นเงินสด คงเป็นการสื่อสารกันผิดครับพี่พจน์ คือเอไม่ได้ไปขออะไรอย่างนั้นเลย”
       พจน์ : “ตอนที่เอเจอพี่น้ำเสียงไม่ได้เป็นแบบนี้เลยนะ”
       เอ : “วันนั้นเอไม่ได้เจอพี่พจน์เลยครับ”
       พจน์ : “ไม่ได้เจอได้ยังไง ถ้าอย่างนั้นพี่ก็เห็นคนผิดน่ะสิ วันนั้นเอยังเดินหัวเราะอยู่เลย มีกระเทยด้วย มีผู้หญิงด้วย อีกคนยืนทวงตังค์มาริโอ้อยู่ พี่ก็เห็น เออย่ามาทำเสียงแบบนี้ วันนั้นเอยังไม่ได้ทำเสียงแบบนี้เลย พี่เดินกลับไปสามคน ทำไมเอจะไม่เห็นพี่ เอหัวเราะอยู่ยังสะดุดเลย ทำไมพี่จะจำเอไม่ได้ ตัวใหญ่ๆ อ้วนๆ พี่จำได้ อย่าปฏิเสธเลย”
       เอ : “พี่จำผิดแล้วล่ะครับ เอาอย่างนี้ดีกว่า พี่พจน์เอากล้องวงจรปิดกับทางโรงแรมมาเลยดีกว่า”
       พจน์: “นี่พี่จะบอกให้นะ ที่นั่นมันกาดสวนแก้ว ไม่ใช่เอ็มโพเรียมนะจะหาวงจรปิดน่ะ โอย..มดดำ-กฤษณ์พี่ไม่คุยกับคนคนนี้ดีกว่า พี่ขอวางแค่นี้นะ”
       เอ : “คือวันนั้นเขาจ้างพี่เอให้ไปมอบรางวัลที่หนึ่งอย่างเดียว...”
       พจน์ : “ไม่ใช่เลย ผมคุยกับคนจัดงาน เขาไม่ได้บอกแบบนี้ แล้วคนที่นั่นบอกว่า พี่เอตามมา เพื่อว่าต้องการดูแลคิวมาริโอ้ เสียงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ เสียงแบบนี้มันไม่มีความจริง ถ้าเขาพูดแบบนี้พี่ไม่คุยกับคนนี้ดีกว่า ที่ผมออกมาพูดเพราะเห็นให้ข่าวว่าอยากขอโทษ จะอย่างโน้นจะอย่างนี้ต่อหน้านักข่าว พอลับหลังนักข่าวคุณเอาผมไปด่า คนที่ช่อง 7 เขาโทรมาบอกผม ว่าด่าผมเสียๆ หายๆ”
       เอ : “พี่พจน์ฟังก่อนนะครับ คือเอ...”
       พจน์ : “ไม่ฟังหรอกค่ะ พี่เป็นคนพูดเพราะไม่เป็น พี่เป็นพวกเดียวกับนิกกี้น่ะค่ะ (หัวเราะทั้งวง) อย่าประพฤติต่อหน้านักข่าวอย่างนึง ลับหลังอีกอย่าง”
       เอ : “ใจเย็นๆ นะครับ นะพี่พจน์นะ”
       พจน์ : “ไม่มดดำต่อหน้าและลับหลัง เขาไม่ได้เสียงแบบนี้นะ พี่เจอมาเสียงหัวเราะลั่น”
       
       พร้อมยืนยันอีกครั้ง ว่าไม่เจอพจน์ อานนท์ เพราะตนอยู่อีกงาน
       เอ : ใช่ครับๆ ไม่เจอ
       พจน์ : “เดี๋ยวฟังก่อน งานอีกงานหนึ่งมันมีตอนกลางวัน แต่ว่างานที่พี่บอกไป มันเป็นงานตอนกลางคืน งานที่จะต้องเป็นกรรมการ มันเริ่มตั้งแต่หนึ่งทุ่ม แล้วพี่เดินกลับออกมาจากที่นั่น ประมาณ 2 ทุ่มกว่า แล้วเขาเดินลงมาเป็นกลุ่มๆ แต่พี่จำไม่ได้ แต่พี่รู้ว่ามีกะเทยด้วย แล้วก็มีผู้หญิงที่โทรทวงเงินจากคนจัดงาน เพราะพี่อยู่ตรงหน้าลิฟต์ ที่คนนั้นทวงอยู่ แต่มันไม่เห็นพี่ “ต้องจ่ายเงินเดี๋ยวนี้นะ” สาบานให้พี่ตายเลยนะ “ต้องจ่ายเงินเดี๋ยวนี้นะ มาริโอ้เงินสด เงินสดแสนนึงวันนี้ ไม่อย่างนั้นไม่ให้มาริโอ้ลงไป” พี่ยืนตรงลิฟต์ พี่ได้ยิน”
       เอ : “อ๋อ คือว่าคงไม่ใช่เอ เพราะเอไม่มีสิทธิ์ลงไปทวงเงินให้มาริโอ้นะครับ”
       พจน์ : “แต่เอไม่ได้เป็นคนทวง แต่เอให้ผู้หญิงทวง ผู้หญิงคนนั้นสูงๆ ใส่เสื้อสีแดง ทำไมจะจำไม่ได้”
       เอ : “คือพี่พจน์ครับ พี่พจน์ต้องถามรายละเอียด คือพี่พจน์ไปถามกับออแกไนซ์ ที่ดูแลดีกว่า”
       พจน์ : “พี่ไม่คุยด้วยแล้ว พี่ไม่ชอบคนที่ทำเสียงแบบนี้”
       เอ : “คืออย่างนี้ครับพี่พจน์ พี่พจน์ก็คุย พี่พจน์ก็ไม่ฟัง เวลาเอจะอธิบาย พี่พจน์ ก็ไม่ฟังอ่ะครับ”
       พจน์ : “ความจริงก็คือความจริง แต่พี่ไม่ชอบเอพูดอย่างนี้”
       
       เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนดีเจต้องออกโรงห้ามทัพ ขอร้องให้ทั้งคู่ใจเย็นๆ ด้านเอถึงกับท้าสาบาน หากโกหกขอให้ตาย
       เอ : “สาบานให้ตายเลยนะ ให้อาชีพไม่เจริญเลยนะ”
       พจน์ : “เดี๋ยวก็ตายเลยเอ สาบานเลยเอ เพราะเอไม่ได้ทำตามที่เอพูด ตามที่เล่าให้นักข่าวฟัง”
       เอ : “พี่พจน์ครับ ตอนนี้พี่พจน์ ใจเย็นๆ นะ”
       พจน์ : “ไม่ใจเย็นหรอก (เถียงกันจนจับใจความไม่ได้)”
       
       ปิดฉากด้วยการฉะกันไปฉะกันมา ไม่มีใครยอมใคร พจน์เหน็บเจ็บ บอกตัวตนเป็นยังไง ก็ขอให้แสดงออกแแบบนั้น
       พจน์ : “อยากพูดว่า นิสัยตัวตนที่แท้จริงเป็นยังไงให้เป็นอย่างนั้น เหมือนพี่กับมดดำ ที่ไม่ชอบๆ ก็ไม่ชอบ ผมพูดตรงๆ พูดจริงๆ พูดความจริงทั้งหมด ไม่ใช่มาทำตัวเรียบร้อยแบบนี้ วันที่พี่เห็นไม่ใช่เรียบร้อยแบบนี้เลยนะเอ ลืมถ่ายรูปไป เลย ไม่รู้ว่าที่กาดสวนแก้วจะเป็นข้อมูลความผิด ลืมไปรึเปล่า เพราะมันไม่ใช่เอ็มโพเรียมนะ “
       เอ : “ให้พี่พจน์ ไปสืบข้อมูลให้ละเอียด ว่าเป็นไปตามที่พี่พจน์พูดรึเปล่า ถ้าที่พี่พจน์พูดเป็นความจริง เอขอยอมรับผิดทุกอย่าง แต่คือสิ่งที่เอทำ เอไปอยู่ในงานที่ทูลกระหม่อมฯเสด็จ แล้วไปอยู่กับเวียร์มีรูปภาพยืนยันหมดเลย เอลงมาปุ๊บ เอวิ่งแทบตายเพื่อจะขึ้นไปรับงานนี้ให้ทัน”
       
       “เอมาถึงปุ๊บ เอก็ถามพี่พจน์ล่ะครับ เค้าบอกพี่พจน์กลับไปแล้ว ซึ่งงานนี้พี่ต๊ะ เอ็กแซ็กท์ เขาก็ไปเป็นกรรมการด้วย ยืนยันได้เลย แล้วที่คนที่เป็นนักแสดงเอ ที่ไปกับเอ ทั้งเวียร์ทั้งสน แล้วก็พี่อ๊อด คนที่อยู่ที่นั้น น้องมดดำก็รู้จัก เค้าไปรับพี่เอจากงานที่ทูลกระหม่อมฯเสด็จ ผมไม่ได้เจอกับพี่พจน์เลยแม้แต่นิดเดียว ก็คือเสียงคนหัวเราะ มันอาจจะเป็นการเมาอะไรอย่างนี้รึเปล่า”
       
       พจน์ : “งานที่ทูลกระหม่อมฯเสด็จ เขามีกันตอนกลางวัน แล้วคนที่บอกว่าเป็นผู้กำกับเอ็กแซ็กท์ ที่เห็นกันกับพี่ไปฉี่กันในห้องน้ำ แล้วก็สวัสดี ไปถามเขาได้เลย เพราะพี่ลุกจากการเป็นกรรมการ แล้วกลับกรุงเทพก่อนใคร”
       เอ : “ใช่ครับ เค้าบอกว่าพี่พจน์กลับตอน 2 ทุ่ม เค้าพูดประมาณนี้ครับ บางทีพี่พจน์อาจจะจำคนผิด”
       พจน์ : “ขออีกนิดนึงๆ นิดเดียวๆ ที่ไปพูดประเภทว่า ขอบคุณพี่ 3 คน(พจน์-อุ๊บ วิริยะ-โกโก้) ที่ทำให้ตัวเองดังและมีกระแส แล้วทำหน้าเยาะเย้ย เลิกคิดได้แล้ว กระแสมันเป็นกระแสไม่ดีอย่าเอาเลย เพราะที่ออกมาเอเสีย ไม่ใช่พี่เสีย”
       เอ : “บางทีพี่พจน์ฟังมาจากคนอื่นๆ แล้วก็เอามาคิดเองอ่ะครับ”
       


 
Share this topic...
In a forum
(BBCode)
In a site/blog
(HTML)