ผลสำรวจยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในสหรัฐอเมริกาประจำเดือนกุมภาพันธ์ พบว่าตัวเลขค้าปลีกคอมพิวเตอร์แมคอินทอชของแอปเปิล (Apple) นั้นลดลงเฉลี่ยราว 16 เปอร์เซ็นต์ สวนทางยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์ตัวเล็กราคาประหยัดอย่างเน็ตบุ๊ก ซึ่งฉุดให้ยอดขายพีซีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) เพิ่มขึ้นราว 22 เปอร์เซ็นต์
บริษัทวิจัย NPD ระบุว่า เฉพาะยอดจำหน่ายแลปท็อปแมคบุ๊ก (Macbook) ในสหรัฐฯช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นมีสัดส่วนลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่แลปท็อปวินโดวส์ขยับตัวเพิ่มขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์ โดยหากไม่พิจารณาตลาดเน็ตบุ๊ก แลปท็อปวินโดวส์จะคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของ NPD อาจมีความคาดเคลื่อนได้เนื่องจาก NPD ไม่ได้คำนวณข้อมูลการขายตรงจากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีอย่างเอชพี (Hewlett-Packard) และเดลล์ (Dell) แต่เน้นให้ความสำคัญที่ช่องทางการจำหน่ายของแอปเปิลโดยเฉพาะ ทั้งจากร้านแอปเปิลสโตร์ และผู้ค้าปลีกอย่างเบสต์บาย (Best Buy) และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ชอย่างอเมซอนดอทคอม (Amazon.com) ขณะที่ข้อมูลจากวอล-มาร์ท (Wal-Mart) ไม่ได้ถูกนำมาพิจารณาเช่นกัน
นักวิเคราะห์ของ NPD นามสตีฟ เบเกอร์ (Steve Baker) เชื่อว่าราคาผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลที่อยู่ในระดับสูงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ยอดจำหน่ายในตลาดผู้บริโภคสหรัฐไม่เติบโตเท่าที่ควร โดยมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นความท้าทายของแอปเปิลในแง่ยอดจำหน่าย แต่ในแง่ของการทำกำไรนั้นไม่มีปัญหา เพราะแอปเปิลมีความสามารถในการทำกำไรเหนือกว่าผู้ผลิตรายอื่นมากมาย
ราคาจำหน่ายคอมพิวเตอร์แมคอินทอชนั้นถูกปรับลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งให้ตัวเลขราคาเฉลี่ยแลปท็อปแมคอินทอชลดลงราว 7 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 1,512 เหรียญสหรัฐ (ราว 51,400 บาท) แต่ก็ยังสูงกว่าคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ซึ่งถูกความนิยมในตลาดเน็ตบุ๊ก ฉุดราคาเฉลี่ยให้ลดลงราว 22 เปอร์เซ็นต์เหลือ 560 เหรียญสหรัฐเท่านั้น (ประมาณ 19,000 บาท)
สำหรับตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือเดสก์ท็อป ยอดจำหน่ายแมคอินทอชลดลงราว 36 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าเดสก์ท็อปวินโดวส์ซึ่งลดลงราว 10 เปอร์เซ็นต์ จุดนี้นักวิเคราะห์เชื่อว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อปใหม่ของแอปเปิลช่วงต้นเดือนมีนาคม จะส่งให้ภาพรวมยอดขายในเดือนมีนาคมดีขึ้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์